ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 414 เริ่มใช้กฎในบ้าน

ฟ้าสางยามเช้า ฉินสือโอวพาหู่เป้าฉงกับปอหลัวไปส่งวินนี่ด้วยกัน
หลัวปอหัวเดียวกระเทียมลีบ วิ่งเข้าไปอ้อนวินนี่อยู่ข้างๆ รถคาดิลแลควันก่อนแล้ว พอวินนี่จะไป มันก็ร้องอ๋าวๆ ออกมา ใช้อุ้งเท้าเล็กๆ ดึงรั้งเธอไม่หยุด ทั้งยังประจบประแสดงความรักความซื่อสัตย์อยู่เรื่อยๆ ฉินสือโอวเห็นแล้วก็แอบชังอยู่ในใจเงียบๆ
วินนี่ส่งหลัวปอที่ไม่ค่อยเต็มใจนักกลับมา หลังจากนั้นเธอก็กอดฉินสือโอวเพื่อบอกลาเขา “ฉันไปทำงานแล้วนะคะ ที่รัก คุณต้องดีกับลูกๆ ให้มากๆ นะคะ แล้วก็จำไว้ว่าต้องรีบไปซื้อรถกระบะด้วย พระเจ้า ฉันทนรับสายตาที่เพื่อนร่วมงานมองมาที่ฉันไม่ไหวแล้ว เหมือนฉันมาเล่นละครเลย”
ฉินสือโอวแย้มรอยยิ้มอย่างมีความสุข “วางใจเถอะครับ วินนี่ คุณไปเถอะ เดี๋ยวผมจะดูแลที่บ้านเอง กำลังเรื่องดีๆ จะเกิดขึ้นแล้ว”
หลัวปอกอดข้อเท้าของวินนี่เอาไว้อย่างน่าสงสาร วินนี่นั่งยองลงมาแล้วจูบหัวเล็กๆ ของมัน เธอพูดกับมันอย่างอ่อนโยนว่า “อยู่บ้านต้องเป็นเด็กดีนะเข้าใจไหม? คุณแม่จะไปทำงานแล้ว ถ้ากลับมาแล้วจะเอานมวัวที่หนูชอบมาฝาก”
รถคาดิลแลควันค่อยๆ ติดเครื่องแล้วขับออกไป วินนี่ลดกระจกลงโบกมือให้เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เหยียบคันเร่งและขับออกไป
รอจนเงาของรถคาดิลแลควันลับตา รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าของฉินสือโอวก็ค่อยๆ หายไป แล้วแทนที่ด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นที่ดูดุร้าย
หลัวปอตัวน้อยยังไม่รู้ถึงชะตากรรมที่กำลังรอมันอยู่ พอมันเห็นว่าแม่จากไปแล้ว ก็สะบัดหัวไปมาแล้วเดินเข้าไปนั่งหน้าโซฟาในห้องรับแขก
ด้วยความเคยชิน หลัวปอก็หมุนตัวกลับไปมองฉินสือโอวแล้วเห่าใส่เขาอย่างไม่พอใจ คล้ายกับว่ามันกำลังตำหนิเขาที่ไม่ได้อุ้มมันขึ้นไปนั่งบนโซฟาได้ทันเวลา
แต่ปรากฏว่า หลังจากที่มันหมุนตัวกลับไป ก็เห็นฉินสือโอวที่กำลังยิ้มอย่างชั่วร้ายกับพี่ใหญ่ทั้งสามตัวที่มีแต่ความเหี้ยมเกรียม…
กะพริบตาปริบๆ หลัวปอคล้ายกับจะรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ ไม่ว่ายังไงมันก็ได้รับสัมผัสที่หกและความว่องไวเฉียบแหลมมาจากเผ่าพันธุ์หมาป่าขาว มองดูฉินสือโอวแค่ปราดเดียว มันก็เตรียมตัวหนีไปอยู่ใต้โซฟา
ฉินสือโอวดีดนิ้วหนึ่งครั้ง พวกหู่เป้าฉงทั้งสามตัวก็แยกเขี้ยวยิงฟันล้อมเข้ามาจากทั้งสามด้าน ปิดล้อมหลัวปอเอาไว้ได้ในเวลาอันสั้น
หลัวปอตัวน้อยใช้แรงทั้งหมดพยายามจะเบียดฉงต้าออกไป ฉงต้าก็จัดการตะปบมันหนึ่งครั้งทันที ยืนนิ่งๆ ดีๆ ซะ!
จับหนังที่หลังคอของหลัวปอไว้ ฉินสือโอวยกมันขึ้นมาไว้ตรงหน้า เขาแสยะยิ้มออกมา ปรากฏให้เห็นฟันขาวทั่วทุกซี่ ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ
หลัวปอแลบลิ้นนุ่มๆ สีชมพูของมันออกมาคิดจะเลียหน้าเอาใจฉินสือโอว เพิ่งจะนึกขึ้นได้เหรอว่าต้องทำตัวดีๆ? มันสายไปแล้วล่ะ!
ฉินสือโอวลากมันออก เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดกับมันว่า “เจ้าเปี๊ยก ถ้าฉันไม่เอาแกไปปลูกในกระถาง แกก็คงไม่รู้ใช่ไหมว่าแบบไหนที่เรียกว่านิ่งเป็นผัก? จองหอง ทำตัวจองหองใส่ฉันอีกสิ ฉันจะรอดูว่าแกจะแน่สักแค่ไหน!”
“หงิง หงิง” หลัวปอร้องครวญครางขึ้นมาอย่างอ่อนแอ
ฉินสือโอวเปิดคลิปวิดีโอของคนเลี้ยงสัตว์ที่กำลังฆ่าหมาป่าที่เขาหาไว้จากอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ตอนเช้า แล้วพาหลัวปอมานั่งอยู่ด้านหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้มันได้ดูอย่างเต็มๆ ตา
มองดูจอภาพที่แดงฉานไปด้วยเลือด หลัวปอก็ตกใจจนขาสั้นๆ ทั้งสี่ข้างของมันสั่นเทิ้มไม่หยุด หางที่มักจะตั้งตรงเหมือนเสาธงก็ห้อยต่ำลงมา มันหลับตาไว้แล้วปีนไปข้างหลัง
ฉินสือโอวแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย เขากดปิดวิดีโอ แล้วขับรถพอร์ช 918 พาหลัวปอเข้าไปในเมือง หลัวปอนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับพร้อมกับดวงตาที่หลุกหลิกไปมา ท่าทางเหมือนกำลังคิดจะหนี
รถขับออกไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ฉินสือโอวจับมันไว้ เขาเปิดหน้าต่างรถแล้วยื่นมันออกไป หลังจากนั้นก็วางมันลงบนที่นั่งข้างคนขับอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กก็ทำตัวดีอย่างถึงที่สุด ทำตัวสงบเสงี่ยมท่าทางเหมือนคนที่ถูกโขกสับ
เมื่อขับรถมาถึงหน้าประตูร้านขายของชำของฮิวจ์คนน้อง ฉินสือโอวก็พาหลัวปอเข้าไปในร้าน ให้มันได้เห็นหนังของหมาป่าน้อยใหญ่
หนังของมาป่าก็ย่อมต้องมีกลิ่นของหมาป่า หลัวปอตัวสั่นอยู่บนหนังหมาป่าสักพัก ท้ายที่สุดก็ร้องอ๋าวๆ ส่งเสียงเล็กๆ ออกมา ใบหน้าเล็กๆ ของมันไม่มีสีหน้าของความหยิ่งยโสหลงเหลืออยู่แล้ว คราวนี้มันตกใจกลัวอย่างถึงที่สุด
ฮิวจ์คนน้องเดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านใน ขณะที่กำลังจะกล่าวคำทักทาย พอมองเห็นรถพอร์ช 918 ที่จอดอยู่เขาก็ตะโกนแล้วพุ่งออกไปทันที หลังจากพุ่งตัวมาถึงหน้ารถแล้วเขาก็หมอบลงไปด้านบน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหลงใหล
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวขับรถพอร์ชเข้ามาในเมือง ฮิวจ์คนน้องจึงไม่เคยเห็นรถคันนี้มาก่อน
“เป็นรถที่ดีจริงๆ พระเจ้า รถคันนี้มันสุดยอดเกินไปแล้ว เซ็กซี่ยิ่งกว่าสการ์เลตต์ โจแฮนสันซะอีก! ฉิน นี่คือรถของนายเหรอ? นายมีรถที่ดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” ฮิวจ์คนน้องวิ่งตะบึงกลับมาด้วยความรวดเร็ว ปากก็พูดรัวติดๆ กันจนเหมือนร้อยลูกปัด
สีหน้าท่าทางที่บ้าคลั่งกับเสียงแปลกๆ ของฮิวจ์คนน้องทำให้หลัวปอถึงกับตกใจกลัว วันนี้ลูกหมาป่าขาวถูกขู่ให้กลัวมาไม่น้อยเลย ในที่สุดคราวนี้มันก็ถึงกับหมดอาลัยตายอยาก สอดหางมุดเข้าไปอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของฉินสือโอว หัวของมันก็มุดดันเข้าไปอยู่ในขากางเกงของเขา
แบบนี้ฮิวจ์คนน้องถึงได้เพิ่งจะสังเกตเห็นลูกหมาป่าขาว เขาก้มหน้ามองดู จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้นมาว่า “เป็นหมาสีขาวที่ไม่เลวเลยนี่ นี่คือหมาพันธุ์อะไรเหรอ?”
เขามองไม่เห็นหัวของหลัวปอ แต่ถึงแม้จะมองเห็นเขาก็คงคิดไม่ถึงอยู่ดี ว่านี่จะเป็นหมาป่าขาวนิวฟันด์แลนด์ที่ถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว!
ฉินสือโอวไม่สนใจหลัวปอ เขาตอบฮิวจ์คนน้องกลับไปว่า “เพื่อนให้ฉันมาน่ะ มันมีอะไรดีอย่างนั้นเหรอ? ก็แค่รถซูเปอร์คาร์คันเดียว”
“รถซูเปอร์คาร์คันเดียว?!” ฮิวจ์คนน้องตะโกนขึ้นมาอย่างเวอร์ๆ “นี่คือรถพอร์ช 918! รถซูเปอร์คาร์รุ่นลิมิเต็ดใหม่ล่าสุดของพอร์ช! ตอนนี้ทั่วทั้งโลกมีอยู่กี่คันกัน? ห้าสิบคัน? หกสิบคัน? สวรรค์ คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ฉันได้จับรถซูเปอร์คาร์คันนี้ เหลือเชื่อจริงๆ !”
พูดพึมๆ พำๆ อยู่พักหนึ่ง สุดท้ายฮิวจ์คนน้องก็ถอนหายใจด้วยความรู้สึกเสียดาย “ฉันอิจฉานายจะตายอยู่แล้ว ฉิน ไอ้คนโชคดี ทำไมฉันไม่มีเพื่อนรวยๆ แบบนี้บ้างนะ? ถ้าใครให้รถพอร์ชกับฉันสักคัน ฉันจะยอมมอบตัวเองเป็นของขวัญเพื่อขอบคุณเขาเลย!”
พอพูดจบแล้ว ฮิวจ์คนน้องก็ส่งสายตาให้ฉินสือโอวไม่หยุด ทำเอาเขากลัวจนตัวสั่น ฉินสือโอวจึงตอบกลับไปว่า “ไสหัวไปเลย ให้นายเป็นของขวัญ? มีใครน่ายี้ขนาดนายไหมเนี่ย? แต่จะว่าไป นายยังติดค้างสาวสวยฉันอยู่หนึ่งคนนะ จำได้ไหม?”
นี่เป็นการตกปากรับคำที่มีมาตั้งนานแล้ว ในตอนนั้นฮิวจ์คนน้องพนันกันกับเขา ถ้าหากโรงงานเคมีถูกย้ายไปก็ต้องแนะนำผู้หญิงที่สวยมากๆ ให้เขารู้จักหนึ่งคน หลังจากนั้นฮิวจ์คนน้องก็ทำร้านขายของชำขึ้น ยุ่งกับการทำธุรกิจ การพนันไร้สาระในครั้งนั้นจึงถูกโยนทิ้งไว้ให้ไกลจากสมอง
ฮิวจ์คนน้องยักไหล่น้อยๆ เขาพูดอย่างจนปัญญาว่า “ฉันรู้จักผู้หญิงที่สวยสุดยอดแบบนั้นจริงๆ แต่ฉันกลัวว่าถ้าฉันแนะนำให้นายรู้จักแล้วจะโดนวินนี่ยิงเป้าเอาน่ะสิ เพราะอย่างนั้นนะพี่ชาย อย่าโทษฉัน ถ้าจะโทษก็โทษตัวนายเองนั่นแหละที่รีบพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสุสานของความรักเร็วขนาดนี้”
พอล้อกันเล่นจบแล้ว ฉินสือโอวชนหมัดกับฮิวจ์คนน้องเสร็จก็พาหลัวปอออกจากร้านไป
ระหว่างทางกลับบ้าน หลัวปอก็กลายมาเป็นเด็กดีอย่างถึงที่สุด พอฉินสือโอวจับตัวมันก็แลบลิ้นออกมาเลียอย่างเอาอกเอาใจทันที พอฉินสือโอวเรียกมันก็รีบเงยหน้าแลบลิ้นออกมาออกมาเช่นกัน
โหวจื่อเซวียนมาหาเขาเพราะอยากจะเข้าไปเที่ยวที่ร้านปืน วันนี้ฉินสือโอวต้องฝึกหลัวปอก็เลยไม่มีเวลา เขาจึงให้ปืนเอดับเบิลยูพีให้โหวจื่อเซวียนเอาไปเล่นเอง แต่ก็แน่นอนว่าไม่มีกระสุน
วินนี่กลับมาถึงตอนพลบค่ำ เห็นฉินสือโอวนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟา ส่วนหลัวปอก็ใช้ย่ำเท้าไปมาอยู่บนหลังของเขา
“ไม่อนุญาตให้รังแกป๊ะป๋า!” วินนี่เข้ามาอุ้มหลัวปอขึ้นแล้วแกล้งพูดกับมันด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง แต่ที่จริงแล้วน้ำเสียงของเธอมีเพียงการเอาอกเอาใจ ไม่เหมือนกับการตำหนิเลยแม้แต่น้อย
ฉินสือโอวที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟาก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา เหมือนกับว่าไม่โกรธเลยสักนิด ความจริงแล้วเขาจะโกรธอะไรกันล่ะ เมื่อสักครู่หลัวปอกำลังเหยียบหลังให้เขาอยู่ อีกทั้งยังเหยียบมาตลอดครึ่งบ่าย จนลูกหมาป่าขาวเหนื่อยจนแทบจะเป็นตะคริวอยู่แล้ว!
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset