ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 424 สู้กับคลื่นยักษ์

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ สัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นหมู่พวกก็เป็นเช่นนี้ อารมณ์เป็นโรคติดต่อที่น่ากลัวที่สุด เมื่อประสบภัย หากมีใครสักคนรู้สึกหวาดกลัว คนที่เหลืออยู่ก็จะรู้สึกหวาดกลัวตามกัน แต่ถ้าหากมีคนลุกขึ้นยืนแล้วออกคำสั่งด้วยความสุขุม ไม่นานคนอื่นๆ ก็จะค่อยๆ ใจเย็นลง
ในตอนนี้ฉินสือโอวคนที่สุขุมเยือกเย็นที่สุดคนนั้น!
บนใบหน้าของเขาไม่แสดงความรู้สึกออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องลึกเข้าไปบนท้องฟ้า แล้วถามขึ้นมาว่า “ชาร์ค ตอนนี้ความเร็วเรืออยู่ที่เท่าไร?”
“28 นอตครับ! กัปตัน!”
“เวรเอ๊ย! ไม่ใช่ว่า 28 นอตตั้งนานแล้วเหรอ? เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อกี้เพิ่งเพิ่มความเร็วขึ้น!”
“เอ่อ กัปตัน ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 24 นอตครับ ผมกลัวว่าถ้า 28 นอตแล้วจะ…”
“แม่เอ็งสิ้น!”
ไม่ต้องฟังเขาอธิบายต่อ ฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าโง่ชาร์คไม่เชื่อใจเขา แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา ชาร์คแค่อยากจะปกป้องเรือจาก ‘ความวุ่นวาย’ ที่ฉินสือโอวก่อขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่าความปรารถนาดีของเขากลับทำให้เรื่องมันแย่ลงเสียอย่างนั้น
พายุเคลื่อนย้ายไปบนทะเลด้วยความรวดเร็ว เมื่อสักครู่นี้ผิวน้ำยังสงบนิ่งอยู่ แต่หลังจากมีแจ้งเตือนพายุเข้ามาได้ไม่ถึงห้านาที คลื่นทะเลก็เริ่มลอยสูงขึ้น ผิวน้ำเหมือนกับน้ำที่ถูกต้มจนเดือด มันผุดขึ้นผุดลง
ฉินสือโอวยังคงสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิม แลนซ์กับคนอื่นๆ เห็นแล้วก็เกิดความรู้สึกเลื่อมใส แววตาที่มองไปที่เขาก็เต็มไปด้วยความเคารพยำเกรงและความนับถือ ไม่เหลือความเคลือบแคลงสงสัยอีกแล้ว
ที่จริงแล้วพวกเขาแค่ไม่รู้ ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าการแจ้งเตือนสีแดงของพายุระดับห้าหมายความว่ายังไง เจ้าทึ่มนี่คิดว่ามันหมายถึงพายุระดับห้าบนบกเท่านั้น เขากำลังยืนอยู่บนหัวเรือ วางท่าเตรียมตัวรับลม…
พายุจะมาก็มา ตั้งแต่ตอนที่เกลียวคลื่นเริ่มม้วนตัวกลับ หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคลื่นลูกใหญ่สูงกว่าสามเมตรสาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรง!
ลมทะเลระดับแปดสามารถทำให้เกิดคลื่นทะเลย้อนกลับ ตอนนี้อยู่ที่ระดับเก้าถึงสิบแล้ว!
‘ครืน’ เหมือนกับระเบิดที่ถูกปล่อยลงมาจากที่สูง หลังจากคลื่นลูกนี้ซัดเข้ากับหัวเรือแล้ว มันก็ตีกระทบจนเรือโซเซ! ละอองน้ำเย็นยะเยือกสาดเข้ามาจากรอบด้าน กระทบเข้ากับตัวของฉินสือโอวจนเจ็บปวดอย่างสาหัส!
“แรงอะไรขนาดนี้ล่ะวะ” ฉินสือโอวบ่นพึมๆ พำๆ
แลนซ์เข้ามาประคองเขาไว้ แล้วพูดกับเขาด้วยใบหน้าที่รู้สึกยากลำบากว่า “นี่เป็นแค่คลื่นลูกแรก ยังไม่นับว่ารุนแรงเท่าไร คลื่นยักษ์ยังมาไม่ถึง! ตอนนั้นนั่นล่ะถึงจะน่ากลัวจริงๆ กลัวว่ามันจะสูงถึงแปดเก้าเมตรด้วยซ้ำ!”
ฉินสือโอวชะงักงัน “พายุระดับห้า สูงเจ็ดแปดเมตร?”
แลนซ์ก็อึ้งยิ่งกว่า “ไม่ใช่สิ พายุครั้งนี้อยู่ที่ระดับเก้าถึงสิบต่างหาก! บอส คุณคงไม่…”
เวร! คราวนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาทันที เขารู้ว่าตัวเองเผลอปล่อยไก่ออกไปแล้ว จึงพูดขึ้นมาอย่างสบายๆ ว่า “ฉันต้องรู้อยู่แล้วสิ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ ! ห้าธาตุพิชิตมังกรมองเห็นทุกอย่างตั้งแต่แรกแล้ว… ไอ้เวรเอ๊ย มัวแต่ยืนอึ้งทำหอกอะไรเล่า?! รีบเข้าไปในเคบิน! อยู่ข้างนอกรนหาที่ตายหรือยังไงล่ะ?!”
“ยังมีของที่ยังไม่ได้มัดอีกนะ!” มีลูกเรือตะโกนขึ้นมา
ฉินสือโอวก็ตะโกนกลับไปว่า “ของพวกนั้นค่อยซื้อใหม่ก็ได้! แต่ถ้าคนเป็นคนที่หายพวกนายก็จบสิ้นแล้ว! รีบเข้าไปในเคบิน!”
ได้ยินที่เขาตะโกน พวกลูกเรือถึงพากันทิ้งงานที่อยู่ในมือ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในเคบินอย่างตะลีตะลาน
แต่ยังมีคนบางส่วนที่ยังทำงานอยู่ บูลกับอีวิลสันกำลังดันกรงตาข่ายจับกุ้งที่ยังมัดไม่แน่นอยู่ที่หางเรือ อีวิลสันใช้พลังเหนือมนุษย์โดยกำเนิดยกมันเอาไว้ ส่วนบูลก็อดทนกัดฟันใช้เชือกมัดมันอย่างเร็ว พร้อมกับมือที่เป็นระวิง!
ฉินสือโอววิ่งเข้าไปหา ยังไม่ทันได้พูดอะไร คลื่นลูกใหญ่ก็ซัดเข้ามาอีกครั้ง ละอองคลื่นในครั้งนี้สูงถึงสี่เมตรเต็มๆ สาดซัดจนเลยแคมเรือมาแล้ว น้ำทะเลหมุนซัดขึ้นมา แค่ครู่เดียวก็จะถึงข้อเท้าของฉินสือโอวแล้ว
บูลที่ยืนไม่นิ่งก็ลื่นลงทันที ฉินสือโอวจับเขาไว้แล้วดึงเขาขึ้นมา จากนั้นก็ตวาดเขาไปว่า “อยากตายหรือไง?!”
บูลยังไม่หายสั่น หลังจากได้สติแล้วก็ยังไม่พูดอะไรออกมา เขาจับเชือกขึ้นมาแล้วมัดมันต่อ!
ฉินสือโอวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เขาตวาดออกไปอีกว่า “รีบกลับเข้าไปข้างใน!”
“นี่เป็นอันสุดท้ายแล้ว!” บูลตะโกนออกมาอย่างสิ้นหวัง
ฉินสือโอวกระทืบเท้าอย่างแรงด้วยความโมโห เขากับอีวิลสันช่วยกันยกกรงตาข่ายจับกุ้งที่กำลังจะเอียงลงมาเอาไว้ แลนซ์ก็รีบวิ่งเข้ามาช่วย เขากับบูลช่วยกันอยู่อีกด้าน ใช้เชือกยึดมันไว้กับแคมเรืออย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในที่สุดกรงตาข่ายจับกุ้งอันสุดท้ายก็ถูกยึดไว้เรียบร้อย
พายุพัดเข้ามาแล้ว ลมทะเลหวีดเสียงอย่างบ้าคลั่ง คลื่นลูกใหญ่ที่น่าหวาดกลัวกรีดเสียงร้องคำรามเข้ามา ฟ้าและดินก็พลันเปลี่ยนสี!
คราวนี้พวกเขาเข้าไปในเคบินไม่ทันแล้ว ฉินสือโอวจับบูลและอีวิลสันกับแลนซ์เอาไว้ ทั้งสี่คนวิ่งฝ่ากระแสลมเข้าไปในห้องขับเรือ
ในห้องขับเรือ ชาร์คมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาต้องบังคับเรือหลบคลื่นแต่ละลูก ไม่เช่นนั้น หากถูกคลื่นลูกใหญ่แบบนี้โถมซัดสาดเข้าไม่กี่ครั้งเรือลำนี้ก็คงจะคว่ำ!
“กัปตัน ท่าไม่ดีแล้ว!” แลนซ์พูดขึ้นมาขณะที่มองไปยังคลื่นยักษ์ที่อยู่ด้านหน้า
ละอองคลื่น ‘ปังๆๆๆ’ กระทบเข้ากับเรือประมงส่งเสียงคล้ายกับเสียงปืนออกมา ราวกับว่าเรือเล็กลำนี้กำลังลอยเข้าสู่สนามรบบนท้องทะเล
ฉินสือโอวมองดูภาพเหตุการณ์รอบๆ ที่คล้ายกับวันสิ้นโลกด้วยความตื่นตะลึง ทันใดนั้นเขาก็กัดฟันตะโกนด่าออกมา “ใครที่มันบอกฉันว่าความตั้งใจของมนุษย์จะสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ก็พากันไสหัวไปให้หมด ฉันสาบานเลยว่าจะฉันกระทืบมันให้ตาย!”
คลื่นลูกยักษ์โถมเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ชาร์คโต้ตอบไม่ทัน เรือฮาวิซทจึงชนเข้ากับมันทันที!
ภายใต้การซัดสาดของคลื่น เรือประมงทั้งลำก็ถูกพลิกจนลอยขึ้น ชาร์คไม่กล้าจับหางเสือเพื่อพยุงร่างกายไว้ เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะออกแรงดึงหางเสือแรงเกินไป ดังนั้นตัวของเขาจึงเซจนชนเข้ากับขอบของแท่นขับเรือ เลือดไหลออกมาจนเต็มหัว!
แลนซ์รีบวิ่งเข้าไป หลังจากบังคับหางเสือไว้แล้วก็ดึงเรือประมงที่กำลังเอียงกลับขึ้นมาอีกครั้ง
บูลรีบคว้าไมค์ของโทรศัพท์วิทยุสื่อสารเอาไว้ แล้วกระหน่ำกดเบอร์โทรออกอย่างบ้าคลั่ง “เรือกู้ภัย! หน่วยรักษาการณ์ชายฝั่ง! รีบมา! รีบมา!!!”
ชาร์คผลักบูลออก แล้วพูดกับเขาว่า “อย่าเสียแรงเปล่าเลย สภาพอากาศอย่างนี้วิทยุสื่อสารก็ไร้ประโยชน์แล้ว! ไม่ต้องไปฝากความหวังไว้ที่พวกยามชายฝั่งเวรๆ พวกนั้นแล้ว…”
ฉินสือโอวนึกว่าเขาจะบอกให้พึ่งพวกเราตัวเอง แต่ปรากฏว่าชาร์คกลับพนมสิบนิ้วไว้ตรงอก แล้วพูดต่อว่า “พวกเราสวดมนต์ขอให้พระเจ้าคุ้มครองกันเถอะ!”
“นายล้อฉันเล่นใช่ไหม?!” ฉินสือโอวแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว
แต่ที่เขาคิดก็ไม่ผิด ตอนนี้จะให้ใครมาช่วยก็ไม่ได้ สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้จะพึ่งใครก็คงไม่ได้แล้ว ฉินสือโอวรู้ว่า ครั้งนี้เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ พึ่งตัวเองก็ไม่ได้ ต้องพึ่งหัวใจโพไซดอนเท่านั้น!
เมื่อตัดสินใจได้ ฉินสือโอวก็วิ่งฝ่าออกมาจากห้องขับเรือ เขาตะโกนว่า “คอยดูมือของฉัน ถ้าฉันชี้ไปทางไหน! พวกนายก็ขับเรือไปทางนั้น!”
แลนซ์และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกสับสนงงงวย ฉินสือโอวจะอธิบายก็คงไม่ทัน เขาทำได้แค่พูดสั้นๆ ว่า “ห้าธาตุพิชิตมังกร สามารถค้นหาโอกาสที่จะมีชีวิตรอดบนผิวทะเลได้!”
พอเขาออกไปจากห้องขับเรือ ก็มีคลื่นอีกหนึ่งลูกที่กำลังจะโถมเข้ามา อีกทั้งคลื่นลูกนี้ยังอยู่ข้างหน้าเรือฮาวิซท อันตรายอย่างถึงที่สุด!
ฉินสือโอวโยกย้ายจิตสำนึกแห่งโพไซดอนด้วยความรวดเร็ว เขาพยายามรักษาอารมณ์ให้สงบ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าปกคลุมน่านน้ำที่อยู่ด้านหน้า ทันใดนั้นคลื่นทะเลที่หมุนวนอยู่ด้านหน้าก็สงบลงทันที
เขาคว้าโอกาสนี้ไว้ ฉินสือโอวชี้ไปด้านหน้า แลนซ์ที่อยู่ในห้องขับเรือก็เบิกตาโต แล้วทุ่มกำลังหมุนหางเสือ บังคับเรือฮาวิซทตามไปทางที่ฉินสือโอวชี้
แขนซ้ายของฉินสือโอวกำลังกอดแคมเรือ ส่วนแขนขวาของเขาก็ออกคำสั่งให้เรือขับเข้าไปทางด้านหน้า จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทำให้คลื่นลมตรงไหนสงบลง เขาก็ชี้ไปทางนั้น
ที่จริงแล้วสถานการณ์ยังไม่ถึงทางตัน มาตรฐานในการต้านทานยอดคลื่นของเรือฮาวิซทอยู่ที่ 2 เมตร นี่เป็นแค่ครึ่งหนึ่งของมัน หมายความว่าหากคลื่นต่ำกว่าสองเมตรซัดเข้ากับเรือย่อมไม่ส่งผลต่อความปลอดภัย ขอแค่ขับผ่านไปอย่างถูกวิธี ก็ไม่มีทางกระทบกับเรือฮาวิซท
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นน่ะเหรอ?
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset