ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 429 ฝูงล็อบสเตอร์อพยพ

“กัปตัน ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ เชิญคุณสั่งการได้เลย!” บูลตะโกนเสียงดัง
ฉินสือโอวโบกมือบอกว่าตัวเองรู้แล้ว ทันทีที่เริ่มมองสำรวจผิวน้ำอย่างละเอียด จิตสำนึกโพไซดอนก็ลงไปใต้ทะเลเรียบร้อย ทำการตามหาที่อยู่ของฝูงล็อบสเตอร์
พวกชาวประมงไม่ได้พูดอะไร เพียงมองฉินสือโอวด้วยความคาดหวัง รอเขาแสดงพลังปาฏิหาริย์ประจำตระกูล พวกเขาเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของฉินสือโอว การออกทะเลมาครั้งนี้ย่อมทำเงินได้แน่นอน!
พอถูกแววตาเลื่อมใสของเหล่าชาวประมงจดจ้อง ฉินสือโอวก็ค่อนข้างอึดอัด
เชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ของกุ้งมังกรมันจะเกินไปแล้ว ตลอดทางฉินสือโอวยังไม่เจอลูกล็อบสเตอร์สักตัว เป็นที่แน่ชัดว่าทั้งอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ได้ติดเชื้อเจ้าแบคทีเรียนี้เข้าแล้ว
สองปีที่ผ่านมาอ่าวอันอุดมสมบูรณ์นี้คงไม่สามารถผลิตเมนล็อบสเตอร์จำนวนมากได้อีก
เมนล็อบสเตอร์เจริญเติบโตค่อนข้างช้า พวกมันมีอายุขัยเจ็ดสิบปี ต้องใช้เวลาสี่ถึงห้าปีจึงจะโตจากตัวอ่อนจนน้ำหนักหนึ่งปอนด์ และจะตัวหนักยี่สิบปอนด์หรือสิบกิโลกรัมได้ก็ยังต้องใช้เวลาอีกยี่สิบถึงสามสิบปี!
ตอนนี้ที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ต้องลดการผลิตกุ้งล็อบสเตอร์ลง นอกจากถูกเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ทำลายจนหมด ยังเพราะเจ้าพวกบ้าที่ทำงานเรือจับกุ้งด้วย
พอรู้ว่ามีเชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่ปรากฏขึ้นนอกชายฝั่ง บริษัทการประมงและเรือจับกุ้งแต่ละแห่งต่างรู้ดีว่าวันดีๆ ของพวกเขากำลังจะจบลง จึงคิดกอบโกยครั้งสุดท้ายอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่ฤดูจับล็อบสเตอร์ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เลยอลหม่านอัดแน่นไปด้วยเรือ
ที่อเมริกาเหนือมาตรฐานความต้องการในการจับล็อบสเตอร์และปลาทูน่าครีบน้ำเงินนั้นเหมือนกัน ลูกกุ้งตัวเล็กยังไม่สามารถจับได้ ล็อบสเตอร์ต้องโตจนมีน้ำหนักครึ่งปอนด์หรือประมาณ 227 กรัมเท่านั้นถึงจะสามารถจับและส่งขายได้
ดังนั้นช่องว่างตาข่ายดักกุ้งของฉินสือโอวจึงมีขนาดกลาง ปล่อยให้ล็อบสเตอร์ตัว 200 กรัมทะลุผ่านและดักตัวใหญ่กว่าแทน
กล่าวได้ว่า เมนล็อบสเตอร์จะโตจนครึ่งปอนด์ได้ต้องใช้เวลา 9-12 เดือน ปกติฤดูผสมพันธุ์ของพวกมันคือเดือนเมษายนถึงปลายกรกฎาคม และช่วงพีกจะอยู่ที่เดือนพฤษภาคม ทุกปีต้นเดือนกรกฎาคมอเมริกาเหนือก็เข้าสู่ฤดูจับล็อบสเตอร์แล้ว ซึ่งเร็วกว่าแคนาดาที่อยู่เขตละติจูดสูงซึ่งอุณหภูมิต่ำกว่า ฤดูเก็บเกี่ยวจึงมาถึงช้ากว่า
ความจริงตั้งแต่ล็อบสเตอร์เริ่มลอกคราบในฤดูร้อนก็หมายถึงการมาถึงของฤดูจับล็อบสเตอร์แล้ว แต่กุ้งที่เพิ่งลอกคราบยังเป็นเปลือกนิ่ม เนื้อไม่เยอะ อุ้มน้ำ คุณภาพต่ำ เวลานั้นเลยไม่มีคนไปจับพวกมัน
พอเข้าเดือนกันยายนอุณหภูมิก็ต่ำลงพร้อมเปลือกกุ้งที่เริ่มแข็งขึ้น เนื้อก็ดีตาม กระทั่งเดือนพฤศจิกายนกุ้งจะอ้วนได้ที่ รัฐบาลแคนาดาจึงจัดให้ช่วงเวลานี้ถึงเดือนกุมภาพันธ์เป็นฤดูจับล็อบสเตอร์ และเดือนมีนาคมปล่อยให้พวกมันได้ขยายพันธุ์
งานจับกุ้งปีนี้วุ่นวายเป็นพิเศษ กุ้งจำนวนมากถูกกอบโกยไปก่อน เรือฮาวิซทมาช้าไป
ทว่าโชคดี ช่วงเย็นพายุน่าสะพรึงลูกหนึ่งเพิ่งผ่านไป เรือจับกุ้งทั้งหมดเลยต้องถอยกลับ แต่ละลำได้รับความเสียหายแตกต่างกัน ทำให้มีเรือจับกุ้งในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์น้อยลง ซึ่งเป็นโอกาสของพวกเขา
อย่างที่ชาวประมงกล่าวไว้ เมื่อเกิดโชคร้ายครั้งหนึ่งก็จะมีโชคร้ายติดๆ กัน
เชื้อราตระกูลแก๊ฟคี่เพิ่งจะแสดงความร้ายกาจของมันก็ต้องปะทะกับสภาพอากาศหนาวเย็นในรอบสิบปีอีก พายุเมื่อเย็นวานส่งผลต่อพวกชาวประมงหนักหนาทีเดียว ตาข่ายดักกุ้งของเรือหลายลำสูญหายไปกลางทะเล ฉินสือโอวเห็นผ่านจิตสำนึกโพไซดอนว่ามีตาข่ายมากมายในทะเล
ภายในตาข่ายพวกนี้พอมีล็อบสเตอร์อยู่บ้าง แต่มีน้อยและไม่ใช่ที่ฉินสือโอวต้องการ เขามุ่งไปทางเหนือต่อ
คนที่เหลือพากันสูบบุหรี่อย่างใจเย็น พวกเขาล้อมวงพูดคุยพลางอัดควันบุหรี่ กระทั่งเริ่มคุยว่าถ้าได้เงินมาแล้วจะเอาไปใช้ทำอะไร จะซื้ออะไรให้ภรรยาลูกพ่อแม่ ซื้ออะไรมาเพิ่มในบ้านดี ฯลฯ
ฉินสือโอวรู้สึกว่าค้นหาโดยไร้จุดหมายต่อคงไม่มีประโยชน์ จึงดูแผนที่ทะเลหาแนวปะการังใกล้ๆ ในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์
เขารู้ว่าล็อบสเตอร์นั้นว่ายน้ำนานไม่ได้ เลยมักพักอยู่ตามโขดหินแนวปะการังน้ำตื้น แต่ปะการังมีสภาพแวดล้อมที่เข้ากับพวกมันที่สุด
เมื่อกำหนดเขตแนวปะการังใกล้เคียงเสร็จ ฉินสือโอวก็ให้ชาร์คพาไปยังตำแหน่งนั้น แลนซ์พอเห็นดังนั้นก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย อธิบายว่า “กัปตัน ที่นี่อาจมีล็อบสเตอร์ก็จริง แต่ก็อันตรายเกินไป น้ำตื้นมาก คิดจะเสี่ยงเหรอครับ?”
ฉินสือโอวตบบ่าแลนซ์พลางเอ่ยว่า “พวกเราต้องระวังความเสี่ยง แต่ไม่ได้หมายถึงให้กลัวความเสี่ยง คนจีนอย่างเรามีคำกล่าวว่า ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ! เอาเถอะ พวกนายคงไม่เข้าใจหรอก ทำตามที่ฉันบอกก็พอ เดินหน้าได้!”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน พวกแลนซ์คงสงสัยการตัดสินใจของฉินสือโอวกัน เข้าไปในเขตน้ำตื้นช่วงน้ำลงในฤดูหนาวออกจะเสี่ยงเกินไป แต่หลังผ่านเรื่องเมื่อคืนมา ทุกคนก็เชื่อใจเขา ถ้าเขาบอกให้เดินหน้า ก็เดินหน้า!
เรือฮาวิซทมุ่งหน้าสู่น่านน้ำปะการังที่ใกล้ที่สุด ฉินสือโอวไม่เกรงกลัว เพราะมีจิตสำนึกโพไซดอนคอยเตือนล่วงหน้า หากมีอันตรายเขาค่อยให้ชาร์คจัดการก็ได้
ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือจริงๆ อีกสิบกิโลเมตรเรือประมงจะเข้าเขตปะการังน้ำตื้น ฝูงล็อบสเตอร์มหาศาลก็ปรากฏขึ้นในสายตาของจิตสำนึกโพไซดอน
ล็อบสเตอร์ฝูงนี้ประกอบด้วยล็อบสเตอร์ขนาดกลางประมาณสี่ห้าพันตัว มีแค่ล็อบสเตอร์ยักษ์สิบกว่าตัวที่มีขนาดครึ่งเมตรนำอยู่หน้าแถว โดยมีตัวอื่นๆ ตามหลังกลายเป็นแถวกุ้งเรียงยาวหลายกิโลเมตร หัวท้ายเดินแถวเป็นระเบียบไปด้านหน้าอย่างยิ่งใหญ่
เมื่อเห็นฝูงล็อบสเตอร์ฉินสือโอวก็ดีใจ ในที่สุดก็มีข่าวดีเสียที ผลจากการที่พวกเขาเสี่ยงชีวิตช่วยคนเมื่อวานได้รับการตอบแทนแล้ว เพิ่งเข้าอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มาได้วันเดียวดันเจอฝูงล็อบสเตอร์ย้ายถิ่นพอดี
สายพันธุ์ที่ย้ายถิ่นฐานไม่เพียงเกิดขึ้นในกลุ่มนกอพยพเท่านั้น ยังพบเห็นได้ทั่วไปในปลากับกุ้งเช่นกัน โดยเฉพาะพวกล็อบสตอร์ พวกมันจะหนีความหนาวของฤดูหนาวไปยังทะเลที่มีกระแสน้ำอุ่น
สรุปได้ว่า เมนล็อบสเตอร์เป็นพวกสันโดษโดยธรรมชาติไม่ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม แต่เวลาต้องอพยพตามกระแสน้ำอุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว พวกมันกลับมารวมกลุ่มกันเองก่อนจะเคลื่อนพลผ่านใต้ทะเลไป
ทำไมสัตว์ที่สันโดษอย่างล็อบสเตอร์ถึงมารวมฝูงขนาดนี้ได้? เหตุผลง่ายๆ การที่พวกมันเดินแถวอย่างเป็นระเบียบจะสามารถช่วยลดแรงต้านน้ำด้านหน้าได้นั่นเอง จากการวิจัยของนักวิชาการสิ่งมีชีวิตในทะเลและนักวิจัยจลนศาสตร์ พบว่าขณะการเดินแถวฝ่าแรงต้านของล็อบสเตอร์เมื่อเทียบกับเดินตัวเดียวแล้วช่วยลดแรงต้านได้ถึง 65 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ล็อบสเตอร์ยังมีศัตรูตามธรรมชาติเยอะมาก ทั้งฉลามทั้งวาฬ ฯลฯ พอพวกมันอยู่รวมกันก็จะคอยระวังและป้องกันตัวจากศัตรูได้
แต่ก็กลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับมนุษย์ ถ้าพวกชาวประมงโชคดีรู้ทางกระแสน้ำอุ่นย่อมสามารถจับล็อบสเตอร์ได้จำนวนมาก
ฉินสือโอวโบกมือส่งสัญญาณบอกชาร์คให้ทิ้งสมอแล้วตะโกนว่า “ทุกคน ลงกรงดักกุ้งเร็ว ตรงนี้มีล็อบสเตอร์เต็มเลย ต้องมีฝูงล็อบสเตอร์อยู่แถวนี้แน่!”
แลนซ์และคนอื่นๆ ทิ้งบุหรี่ในมือทันที คนหลายสิบคนลั่นแตรและความวุ่นวายก็เริ่มก่อตัวขึ้น
กรงดักกุ้งไม่ใช่ว่าจะโยนลงน้ำไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้เลย ขั้นแรกชาร์คต้องสำรวจความลึกของน้ำจากห้องบังคับการก่อนโดยใช้โซนาร์เรดาห์ เขาสำรวจสักพักก่อนตะโกนขึ้นว่า “ลึก 110 เมตร!”
พอแลนซ์ทำสัญญาณมือว่าเข้าใจแล้ว เขาก็ให้บูลดึงเชือกพวนยาวประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบเมตรที่มีปลากุ้งอยู่ทั้งสองด้าน แล้วผูกกรงกุ้งไว้ยี่สิบอันบนเชือกนั้น กลายเป็นกรงที่ร้อยเข้าด้วยกัน
พอผูกเสร็จก็มีชาวประมงผู้เชี่ยวชาญสองคนขึ้นมาผูกลูกทุ่นยางที่สองด้านของเชือก มันเป็นทุ่นทรงกลมสีแดงเข้มที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งเมตรกว่า ต่อให้มันลอยไปไกลก็ยังมองเห็นได้
คนอื่นๆ นำเครื่องในไก่ เป็ด หมู วัวแช่แข็งใส่ไปในกรงดักกุ้งทำเป็นเหยื่อล่อ เหยื่อพวกนี้ล้วนซื้อมาในราคาถูก เพราะคนแคนาดาไม่กินเครื่องในสัตว์กัน แต่กลับใช้ดึงดูดล็อบสเตอร์ได้ดีมาก
เตรียมการเรียบร้อย ที่เหลือแค่โยนกรงลงไป
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset