ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 432 กรงดักกุ้งแสนอัน

ขณะที่กรงดักกุ้งถูกดึงขึ้นมาทีละอัน สีหน้าพวกชาวประมงก็ยิ่งแย้มยิ้มกว่าเดิม
พอดึงเชือกร้อยกรงเส้นแรกที่มีกรงห้าสิบอันขึ้นมานั้น แทบเรียกว่าประสบความสำเร็จ ในกรงมีล็อบสเตอร์ทั้งหมดหกสิบเจ็ดสิบตัว โดยทุกกรงล้วนมีล็อบสเตอร์ไม่เกินสองตัว ถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดี!
“พวกเราช่างโชคดีชะมัดเลย!” ชาวประมงคนหนึ่งกล่าวพลางถอนหายใจอย่างอดไม่อยู่
บูลจ้องเขาเขม็งก่อนเอ่ยว่า “นายนี่มันโง่เหมือนกุ้งเลย พวกเราโชคดีงั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย เพราะเวทมนตร์ประจำตระกูลของกัปตันต่างหากที่สุดยอด!”
แลนซ์คาบกล้องยาสูบพร้อมพยักหน้าแกนๆ “เออ บูลนี่มันก็ช่างยอจริงๆ เลย”
ได้ยินดังนั้นคนที่เหลือก็หลุดขำกัน บูลพูดอย่างหัวเสีย “ก็แล้วไม่จริงหรือไง?”
ฉินสือโอวตบบ่าเขายิ้มๆ เป็นเชิงบอกให้ใจเย็นแล้วเอ่ยว่า “ฉันโชคดีด้วยแหละ เวทมนตร์จะสุดยอดได้ก็ขึ้นอยู่กับประสงค์ของพระเจ้าด้วย”
นี่เป็นข้อดีของการอยู่อเมริกาเหนือ เวลาที่ขี้เกียจอธิบายอะไรหรือบอกไม่ได้ก็แค่อ้างว่าเป็นประสงค์ของพระเจ้าก็พอแล้ว
แต่ล็อบสเตอร์ก็ค่อนข้างโง่จริงๆ หรือต้องพูดว่าพวกมันละโมบเกินไปต่างหาก ที่จริงตามกฎหมายรัฐบาลแคนาดากรงดักกุ้งพวกนี้ต้องมีช่องเปิดไว้สองทาง ทางหนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกทางอยู่ด้านข้าง
ล็อบสเตอร์ที่เข้าไปในกรงจะได้หมุนตัวหนีออกมาได้ เป็นการป้องกันการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรล็อบสเตอร์
ทว่ามีส่วนน้อยที่หนีออกมาสำเร็จ พวกมันว่ายน้ำไม่เก่ง ทั้งยังขี้เกียจและตะกละ พอเข้ากรงไปกินเหยื่ออย่างเอร็ดอร่อยจนอิ่ม มันก็จะพักอยู่ตรงนั้นต่อ
เมื่อคัดแยกล็อบสเตอร์ตามขนาดแต่ละตัวคร่าวๆ ชาวประมงห้าคนก็นำล็อบสเตอร์โยนใส่รถเข็น และอีกสองคนคอยเข็นรถไปยังห้องแช่แข็ง
หลังดึงเชือกร้อยกรงเส้นแรกแล้ว ฉินสือโอวก็สั่งให้ชาร์คขับไปยังจุดต่อไป ต้องรอประมาณยี่สิบนาทีก่อนถึงจะเริ่มดึงเชือกร้อยกรงได้ ขณะเดียวกันที่เก็บเกี่ยวมารอบแรกก็เสร็จเรียบร้อยในครึ่งชั่วโมงต่อมา
คราวนี้ได้สองร้อยกรง เพราะฉินสือโอวกะตำแหน่งวางกรงดักกุ้งไว้พอดีกับทางที่พวกมันเดินผ่าน จึงจับได้เยอะมาก ล็อบสเตอร์ยักษ์สามร้อยตัวในครั้งเดียว
บูลให้แลนซ์ชั่งน้ำหนักดู แลนซ์พึมพำว่า “ประมาณห้าร้อยกิโลกรัมได้”
ได้ยินดังนั้น พวกชาวประมงก็โห่ร้องอีกครั้ง บูลหน้าแดงก่ำ เขาชกข้างเรือเต็มแรงพร้อมตะโกน ‘เย้’
ล็อบสเตอร์ห้าร้อยกิโลกรัมก็เท่ากับพันกว่าปอนด์ ตอนนี้ราคากุ้งกำลังพุ่งสูงขึ้น แม้จะขายส่งที่ท่าเรือหนึ่งปอนด์ราคาก็สูงขึ้นเป็นสองร้อยกว่าดอลลาร์ได้
พอลองคำนวณดู ล็อบสเตอร์หนึ่งพันปอนด์ขึ้นไปเท่ากับสองพันดอลลาร์ พวกเขาทุกคนก็จะแบ่งกันได้คนละห้าร้อยกว่าดอลลาร์
ห้าร้อยดอลลาร์นี้ไม่ถือว่าเยอะเท่าไร แต่นี่ยังเป็นแค่การเก็บเกี่ยวรอบแรก ตอนจับช่วงกลางวัน ครึ่งวันเท่ากับหนึ่งครั้ง ก็เท่ากับว่าวันหนึ่งจับได้ถึงสามครั้ง ถ้ามองในแง่ดีหน่อยวันหนึ่งก็จะจับได้ถึงหนึ่งพันห้าร้อยดอลลาร์ทีเดียว!
ฉินสือโอวรู้สึกว่าสองหมื่นดอลลาร์นั้นยังไม่เท่าไร เอาไปเป็นค่าซ่อมบำรุงรถพอร์ช 918 ไม่พอด้วยซ้ำ
แต่พอเห็นพวกชาวประมงดีใจขนาดนั้น เขาจึงถือโอกาสทำให้พวกเขาดีใจยิ่งกว่าเดิม เขาโบกมือให้ทุกคนเงียบก่อนแล้วเอ่ยว่า “นี่เป็นการเก็บเกี่ยวรอบแรกของพวกเรา เพราะงั้นฉันจะให้เงินทั้งหมดกับพวกนาย!”
“จะให้เงินค่าขายล็อบสเตอร์ห้าร้อยกิโลกรัมกับเราหมดเลยเหรอครับ!”
“ใช่ พวกนายไปแบ่งกันเองนะ เดี๋ยวแลนซ์กับชาร์คจะจัดการเอง”
ฉินสือโอวกล่าวพร้อมพยักหน้ายืนยัน ได้ยินเช่นนั้นเหล่าชาวประมงก็พากันเข้ามาโอบไหล่เขา
ยามนี้ท้องฟ้าสว่างแล้ว แสงอาทิตย์สีทองอ่อนสาดส่องลงบนผิวน้ำและสีหน้าที่ผ่านความยากลำบากมาจนหยาบกระด้างของชาวประมง ซึ่งแฝงความอ่อนโยนกว่าปกติ
หลังเก็บเกี่ยวเสร็จ ฉินสือโอวก็สั่งให้ขับไปอีกสิบกว่ากิโลเมตรเพื่อวางกรงดักกุ้งต่อ คราวนี้เป้าหมายเขาคือฝูงเมนล็อบสเตอร์ แค่อีกสี่ห้าร้อยตัวก็พอแล้ว
พอได้รับคำมั่นจากฉินสือโอว พวกชาวประมงก็ยิ่งตั้งใจและเคารพเขามากขึ้น
ชาร์คเตือนว่า “บอส พวกเรามีเกณฑ์ในการแบ่งผลประโยชน์กันอยู่แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ก็ได้ ราคาที่พวกเราจะให้ก็ยุติธรรมพอแล้ว”
ฉินสือโอวบอกว่าเขารู้แล้ว เงินเล็กๆ แค่นี้ไม่ใช่ปัญหา ทุกคนดีใจก็พอ
แน่นอนว่าการที่เขาทำถึงขนาดนี้ไม่ใช่แค่เพื่อให้ดีใจกัน แต่ยังเป็นการบอกพวกชาวประมงว่าหากตามเขามาก็จะสามารถทำเงินได้มากมายนั่นเอง
ฟาร์มปลาของเขาใกล้จะต้องเริ่มเก็บเกี่ยวช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปีนี้แล้ว ฉินสือโอวมีชาวประมงแค่สี่คนซึ่งไม่มีทางพอแน่ ปกติเจ้าของฟาร์มปลามักจ้างชาวประมงมาทำงานช่วงเก็บเกี่ยวชั่วคราว ทั้งประหยัดและมั่นใจในประสิทธิภาพได้
แต่ฉินสือโอวไม่ได้วางแผนอย่างนั้น เขาจะให้พวกชาร์คและนีลเซ็นสี่คนเป็นคนนำทีมชาวประมงที่แข็งแกร่ง
แลนซ์และพรรคพวกสิบคนอาจมีร่างกายและเทคนิคที่ไม่ได้โดดเด่นในหมู่ชาวประมงนัก แต่ฉินสือโอวมองที่จิตใจของพวกเขา คนพวกนี้ถึงกับอาสาช่วยเมืองเล็กๆ ซ่อมแซมโบสถ์ แสดงว่าเนื้อแท้ต้องดีมากทีเดียว
การออกทะเลมาครั้งนี้ ฉินสือโอวทำให้คนสิบคนทำเงินได้มากมาย เพื่อผูกมัดพวกเขาไว้กับเรือประมง สังคมทุนนิยมก็แบบนี้ ถ้าคุณสามารถทำให้เขามีรายได้จากการตามคุณได้ คนก็จะผูกพันด้วย
หลังลงกรงดักกุ้ง ฉินสือโอวก็นำชาวประมงไปทำงานต่อ คราวนี้ยังคงเป็นการล่าปลาแฮดดัคเช่นเดิม
เมื่อท้องฟ้าปลอดโปร่ง ฉินสือโอวพบว่ามีเรือประมงมากมายอยู่บนทะเล ส่วนใหญ่เป็นเรือจับกุ้ง ตลอดทางเขานับได้ไม่ต่ำกว่าสี่สิบลำ!
“ทำไมถึงมาจับล็อบสเตอร์กันเยอะขนาดนี้เนี่ย?” ฉินสือโอวถือกล้องส่องทางไกลมองรอบด้าน มีลูกทุ่นยางมากมายหลายขนาดลอยอยู่บนน้ำ
แลนซ์คาบกล้องยาสูบพลางตอบอย่างไม่ใส่ใจ “นี่นับว่าเยอะแล้วเหรอ? ทุกปีอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์จะผลิตล็อบสเตอร์ถึงเก้าพันตัน! ถ้าไม่มีพายุเสียก่อน เรือทุกลำคงมาที่นี่แล้วก็จะมีกรงดักกุ้งไม่ต่ำกว่าสองแสนอันทั่วทั้งอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์!”
“ขนาดนั้นเลย?” ฉินสือโอวสูดลมหายใจ ของเรือตัวเองก็สองร้อยกรงแล้ว หากประมาณตามอัตราส่วน อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ก็ต้องมีเรือจับกุ้งถึงหนึ่งพันลำเลย
“ช่วยไม่ได้นี่ ใครมันเป็นคนทำให้ของพวกนี้ราคาดีกันล่ะ?”
“จริง ล็อบสเตอร์มันแพงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เมื่อก่อนยังมีแค่ทาสเท่านั้นที่กิน ตอนนั้นขนาดขนมปังก็กินไม่ได้เลยแท้ๆ”
“ช่วงนั้นยังมีบทบัญญัติทางกฎหมายว่า เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจต่อทาส อาทิตย์หนึ่งพวกทาสจึงสามารถกินได้ถึงห้าตัน หึๆ ตอนนี้พวกเรายังไม่ดีเท่าทาสเลย” ทุกคนหัวเราะพูดคุยพลางส่ายหน้า
เป็นความจริงที่ก่อนกลางศตวรรษที่ 19 คนอเมริกันไม่กินล็อบสเตอร์ ส่วนคนแคนาดา? ตอนนั้นคนแคนาดาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีสิ่งที่เรียกว่าล็อบสเตอร์อยู่
ตลอดช่วงก่อนกลางศตวรรษที่ 19 ล็อบสเตอร์ถือเป็นอาหารสำหรับคนจนและชนชั้นล่าง ขณะเดียวกันทางกองทัพเองก็มีกฎว่าทหารไม่สามารถกินล็อบสเตอร์ได้เกินสองครั้งต่ออาทิตย์
ช่วงนั้นคนที่กินล็อบสเตอร์มากที่สุดก็คือนักโทษในเรือนจำ เพราะสีหน้าน่าเกลียดตอนกินกุ้งเปรียบเสมือนบทลงโทษแบบหนึ่งสำหรับนักโทษผู้ไม่ซื่อสัตย์นั่นเอง
นอกจากนี้ ล็อบสเตอร์ยังเอาไปใช้เป็นแค่ปุ๋ยและอาหารปลาอย่างเดียว จนศตวรรษที่ 20 คนอเมริกันถึงเริ่มนำล็อบสเตอร์มาทำเป็นอาหาร แต่ก็ยังนับว่าเป็นของชั้นต่ำ ราคาถูกยิ่งกว่าอาหารกระป๋องเสียอีก
ฉินสือโอวรู้สึกว่าฝ่ายที่มาฟื้นฟูการตลาดล็อบสเตอร์อย่างแท้จริงก็คือฝั่งคนเอเชียนั่นเอง ไม่ว่าจะคนจีน คนญี่ปุ่นและคนเกาหลีล้วนชื่นชอบทั้งนั้น โดยเฉพาะซาชิมิล็อบสเตอร์ของอาหารญี่ปุ่นที่อร่อยเป็นที่หนึ่ง
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset