ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 437 ออกทะเลอีกครั้ง

ฉินสือโอวโดนคนหาบเร่หัวเราะใส่เสียงดัง เมื่อนิมิตส์ร่อนลงมาด้านหลัง ฉินสือโอวยกมือไปโอบมันบนไหล่แล้วถ่ายรูปต่อ สุดท้ายนิมิตส์ก็เหยียบหัวเขาพร้อมกางปีกคู่ใหญ่อย่างภูมิใจ
หลังจ่ายเงินค่าถ่ายรูปคนหาบเร่ ฉินสือโอวก็พานิมิตส์วิ่งกลับโรงแรม
จากนั้นชายแก่คนหนึ่งเดินอย่างสบายใจผ่านมา เห็นคนหาบเร่กำลังนับเงินอยู่จึงเอ่ยทักทาย “อรุณสวัสดิ์ แอนโทนี่ ดูท่าวันนี้นายจะโชคดีไม่เบานะเนี่ย ทำธุรกิจได้แต่เช้าเชียว”
“อรุณสวัสดิ์ ปู่ชัค ขอพระเจ้าอวยพรสโนว์ดิค”
“นายรู้หรือเปล่า เรือฮาวิซทมาที่ท่าเรือพวกเราด้วย เรือฮาวิซทที่ในข่าวบอกว่าเป็นนักรบเรือประมงน่ะ! ฉันเพิ่งไปดูมา มันเป็นเรือลำใหม่จริงๆ นายไม่ไปถ่ายสักสองรูปล่ะ?”
ได้ฟังชายแก่ดังนั้น คนหาบเร่ก็ชะงักไปก่อนเอ่ยว่า “เรือฮาวิซท? เรือประมงเซนต์จอห์นที่ช่วยชีวิตคนกลางพายุคราเคน18ใช่ไหม?”
พอได้รับการยืนยันจากชายชรา เขาพลันนึกถึงนกฟรีเกตที่เพิ่งจากไปและหนุ่มชาวตะวันออกที่พามันมา
เขารีบหยิบโทรศัพท์มาหาข่าวที่เกี่ยวข้อง คนหาบเร่ดูหน้าจอกล้องถ่ายรูปอีกครั้งแล้วนำมาเทียบกัน ชาวตะวันออกในทั้งสองรูปหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ตัวนกฟรีเกตก็… เอ่อ ยังไงของแบบนี้มันคงปลอมแปลงกันไม่ได้หรอก!
“ไอ้โรคไม่รู้หน้า[1]เวรเอ้ย!” คนหาบเร่คร่ำครวญ “ฉันน่าจะให้เขากับนกโพสท่าเท่ๆ แท้ๆ ไม่งั้นฉันคงได้รางวัลพูลิตเซอร์[2]ไปแล้ว”
หลังถึงโรงแรม ฉินสือโอวหยิบมือถือมาวิดีโอคอลทักทายวินนี่กับเด็กๆ ที่บ้าน
หลัวปอที่ยังหันหลังใส่ฉินสือโอวแสดงความดื้อรั้นของหมาป่าเล็กน้อย แต่พอเห็นฉินสือโอวฉีกยิ้มชั่วร้ายในหน้าจอ มันก็ชะงักก่อนรีบเปลี่ยนท่าทางจากนอนอย่างหมดแรงบนขาวินนี่ไปนั่งแบบหมาแทน
เหมือนเวลาลูกศิษย์จอมซนเจอครูประจำชั้นจอมโหด
วินนี่บอกฉินสือโอวว่าเธอจะหาเวลาลาหยุดสองวันเพื่อออกทะเลไปกับเขา ฉินสือโอวตอบว่าไม่ต้อง คุณรอผมอยู่บ้านต่อก็ได้
ปรากฏตอนเที่ยง เขาก็ต้องโทรหาวินนี่ให้เธอรีบเตรียมลาหยุดทันที
ข้าราชการนายหนึ่งของรัฐนิวบรันสวิกโทรเชิญให้เขากับลูกเรือเรือฮาวิซททั้งหมด มาร่วมงานไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากพายุในอีกห้าวัน กิจกรรมจะจัดขึ้นที่ท่าเรือบาสก์ สถานที่ที่ได้รับความเสียหายจากพายุมากที่สุด และกำชับให้พานิมิตส์ผู้เลี้ยงแกะของพระเจ้าไปด้วย
ฉินสือโอวไม่รู้สึกอะไรกับกิจกรรมนี้เท่าไร แต่เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อกัปตันและต้นหนเรือแนสแกส เขาจึงตอบตกลง
และเขาเป็นคนที่ช่วยผู้รอดชีวิตได้มากที่สุด จึงต้องเป็นตัวแทนกล่าวแถลง เลยให้วินนี่ร่วมทางมาด้วย เพราะเธอค่อนข้างเชี่ยวชาญการเขียนบทพูด
พวกประมงนอนเต็มอิ่มตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสองแล้วค่อยทยอยตื่นกัน สิ่งแรกที่ต้องทำหลังตื่นคือไปแลกเช็คที่ธนาคารและย้ายเงินเข้าบัตรเครดิต
ฉินสือโอวรู้สึกว่าควรพักสักสองวัน แต่พวกชาวประมงบอกว่าไม่เป็นไร ควรรีบใช้โอกาสช่วงหลังพายุพัดผ่านไปจับปลาที่อ่าวต่อ
ทั้งที่ยังเหนื่อยอยู่เนี่ยนะ? “ช่างมันเถอะน่าพวก การมีชีวิตมันสบายเสียเมื่อไร? ที่จริงตอนอยู่บนเรือฮาวิซทพวกเราไม่เหนื่อยกันเลยนะ อย่างน้อยก็มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมเยอะ แถมของกินก็อุดมสมบูรณ์!”
ทุกคนล้วนตอบแบบเดียวกัน ในมือคีบบัตรเครดิต ท่าทางกระตือรือร้น
ในเมื่อพวกเขาบอกไม่เหนื่อย ฉินสือโอวจะพูดอะไรได้? งั้นออกทะเลไปทำเงินกันต่อเลย!
ตอนนี้ฉินสือโอวรู้แล้วว่าพวกตัวเองกลายเป็นคนดังแล้ว ช่วงเช้าไม่มีอะไรทำเขาเลยดูทีวีเล่นมือถือ ไม่ว่าในโทรทัศน์หรืออินเทอร์เน็ต รายงานที่เกี่ยวกับพายุคราเคน18ก็จะมีพูดถึงเรื่องเรือฮาวิซทเป็นหลัก
เรือประมงลำน้อยที่เสี่ยงลุยหินโสโครกฝ่าพายุน่าสะพรึงเพื่อช่วยเหลือแปดสิบกว่าชีวิตอย่างกล้าหาญ เป็นที่เห็นพ้องกันว่าสมควรได้รับการยกย่องวีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้
นอกจากนี้กัปตันเรือประมงลำนี้ยังเป็นหนุ่มชาวจีนผู้ย้ายถิ่นมาอีก ซึ่งยิ่งเพิ่มความแปลกลึกลับให้กับการกระทำอันกล้าหาญนั้น
ทว่านั่นไม่ใช่ส่วนสำคัญ สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นตำนานคือคำบอกเล่าจากผู้รอดชีวิตทุกคนและกัปตัน นกฟรีเกตยักษ์ที่ฝ่าคลื่นพายุช่วยนำทางเรือประมง พาพวกเขารอดจากภยันตรายในที่สุด…
อย่างไรก็ตามด้วยการนำเสนอของสื่อ ทำให้เหตุการณ์เรือฮาวิซทช่วยชีวิตคนกลายเป็นพล็อตหนังฮอลลีวู้ดไป อาจเหมือนเรื่องขี้โม้แต่ผู้ประกอบการฮอลลีวู้ดอย่างยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ เอ็มจีเอ็มแสดงท่าทีชัดเจนว่าสนใจอยากนำไปดัดแปลงเป็นหนัง
ฉินสือโอวไม่สนใจ เขาแค่อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายของตัวเองไปอย่างสบายๆ เท่านั้น
แต่เมื่อเผชิญกับเรื่องนี้เข้าแล้ว คงเป็นไปได้ยากที่จะไม่กลายเป็นจุดสนใจในที่สาธารณะ ตอนเขาพาพวกชาวประมงมาถึงท่าเรือ ก็พบว่าเรือฮาวิซทกำลังโดนฝูงคนและเรือรุมล้อมอยู่
พอคนที่มุงดูเห็นพวกเขาก็เริ่มฮือฮากันทันที ถึงขั้นมีนักข่าวถือไมค์เข้ามาจ่อสัมภาษณ์
ฉินสือโอวเคยรับมือกับสื่อมาหลายครั้ง จึงมีประสบการณ์อยู่บ้าง ก็คือไม่ต้องสนใจว่าพวกเขาพูดว่าอะไรสนแค่เรื่องที่ตัวเองทำก็พอ
พวกชาวประมงค่อนข้างสนุกที่ได้คุยโว ครึ่งชีวิตของการเป็นคนสามัญธรรมดาย่อมรู้สึกดีใจเมื่อได้รับความสนใจ
ฉินสือโอวเข้าใจดี ก่อนเขาจะมาแคนาดาก็มักจะก่อเรื่องเล็กใหญ่เพื่อโอ้อวดตนเช่นกัน แน่นอนว่าเรื่องใหญ่ที่ว่านั้นไม่ใช่การปล้นธนาคารหรือเรื่องผู้หญิงอย่างใด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงขึ้นเรือไปเตรียมการเองคนเดียว ปล่อยให้ชาวประมงสัมภาษณ์ดึงความสนใจพวกนักข่าวไป
ทำการตรวจสอบเครื่องยนต์ อวนปลาและอุปกรณ์บนเรือแล้วไม่มีปัญหา ฉินสือโอวก็ไปซื้อน้ำเปล่ากับอาหารที่ร้านสะดวกซื้อในท่าเรือมาเติม
พวกเขาออกทะเลรอบนี้จะใช้เวลาอีกสามสี่วัน วันที่ห้าต้องเข้าร่วมงานไว้อาลัยผู้เสียชีวิต เลยต้องเตรียมของจำเป็นเยอะหน่อย
ฉินสือโอวซื้อของเสร็จ เหล่าชาวประมงก็ขึ้นเรือมาด้วยความอิ่มเอมใจ แม้เรือฮาวิซทจะออกจากท่าแล้ว พวกเขาก็ยังคงไม่หายดื่มด่ำกับการได้ตกเป็นจุดสนใจของคนมากมาย ต่างพูดคุยหยอกล้อตอนที่ยอมให้สัมภาษณ์กัน
เห็นพวกเขาสนุกกันขนาดนี้ ฉินสือโอวจึงถามว่า “พวกคุณคงไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเรื่องขุมทรัพย์ห้าธาตุของผมหรอกใช่ไหม?”
แลนซ์บอกกล่าวว่า “วางใจเถอะกัปตัน พวกเราไม่ได้โง่ คุณเคยเตือนตั้งหลายครั้ง พวกเราจะทำพลาดได้ยังไง?”
ฉินสือโอวโล่งใจ เขาสั่งชาร์คให้ขับเรือออกจากท่ามุ่งไปทางอ่าว
ต้องใช้เวลาเดินทางอีกสี่ห้าชั่วโมงจึงจะถึงอ่าวทะเลลึก ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำเลยหยิบเบ็ดตกปลาที่แขวนไว้มาตกปลา
การตกปลาตอนฤดูหนาวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไร แม่จะเป็นยามบ่ายแต่ลมทะเลที่พัดก็พาลทำทั้งร่างเย็นยะเยือก ฉินสือโอวที่เดิมตั้งใจจะตกปลาแต่ทนความหนาวไม่ไหว เลยเสียบคันเบ็ดกับข้างเรือแล้วรีบวิ่งหนีความหนาวมายังห้องบังคับการ
เครื่องปรับอากาศที่เปิดในห้องบังคับการ อุณหภูมิกำลังพอเหมาะ ตอนเปิดประตูห้องลมอุ่นผสมกลิ่นหอมหวานของกาแฟก็ปะทะเข้าเต็มหน้า ฉินสือโอวสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยว่า “ยอดเลย กลิ่นหอมจัง”
ชาร์คส่งกาแฟร้อนแก้วหนึ่งให้เขาพลางเอ่ยยิ้มๆ “แน่นอนสิบอส ผมมาคอยฉีดน้ำยาปรับอากาศในห้องวันละสองครั้ง ก็ต้องหอมอยู่แล้ว”
บูลกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ “นายหมายความว่ายังไง กลิ่นห้องพวกเราก็ไม่เลวนะ พอๆ กับนายนั่นแหละพวก เราก็ทะนุถนอมเรือฮาวิซทกันทั้งนั้น”
แลนซ์ตบมือปราม “นี่พวกเราจะทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้เนี่ยนะ? พูดตามตรงนะ กัปตัน คุณไม่เคยรู้สึกถึงกลิ่นล็อบสเตอร์หรือฝูงปลาบ้างเหรอ?”
จังหวะนั้น ชาวประมงทุกคนพลันหันมองฉินสือโอวเป็นตาเดียว
………………………………………………..

[1] Prosopagnosia ภาวะสูญเสียการจดจำใบหน้า
[2] รางวัลในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ระดับชาติของอเมริกา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset