ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 444 ทำเงินได้เยอะไปแล้ว

ท่าเรือสโนว์ดิคกับท่าเรือบาสก์ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกตะวันตกของอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉินสือโอวเลือกตรงกลับไปยังท่าเรือบาสก์เพราะสะดวกกว่า
แต่ตอนนั้นใครให้เขาคิดไม่ถี่ถ้วนกัน ไม่นึกว่าตอนโทรหาบัตเลอร์แล้วอีกฝ่ายจะทำงานเร็วมีคุณภาพ ช่วยติดต่อนักธุรกิจอาหารทะเลควิเบกให้เขาทันที แถมพวกเขาก็มาถึงที่สโนว์ดิคแล้วด้วย เขาไม่ควรปล่อยให้พวกนักธุรกิจอาหารทะเลรอเก้ออยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?
ดังคำกล่าวว่า การบุกเบิกช่องทางย่อมไม่ง่าย
ในเมื่อไม่มีทางเลือก คงต้องกลับไปสโนว์ดิคก่อน แต่แบบนี้ก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน คือทำให้พวกบูลกระจ่างเหตุผลในที่สุด มิน่ากัปตันถึงอยากกลับก่อน ถ้าออกเดินทางตอนมะรืนนี้ย่อมไปไม่ทันแน่
เรือฮาวิซทตะบึงฝ่าลมโต้คลื่นไปในทะเล ระหว่างทางกลับเห็นเรือประมงมากมายที่กระตือรือร้นอยากฉวยโอกาสทำกำไรในรอบยี่สิบปีช่วงฤดูที่ล็อบสเตอร์ราคาแพง
แน่นอนว่าด้วยการแข่งขันที่สูง ล็อบสเตอร์จำนวนมากถูกจับไปตั้งแต่สองเดือนแรกแล้ว พวกชาวประมงคงไม่สามารถจับอะไรได้
ตลอดทางกลับคนมากมายเมื่อเห็นพวกเขาก็จะถามว่าเก็บเกี่ยวเป็นยังไงบ้าง
ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง ท่าเรือสโนว์ดิคก็ไม่ได้ใหญ่มาก ตอนพวกเขากลับไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทุกคนที่สนใจก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี
ฉินสือโอวจึงส่งสัญญาณให้แลนซ์พูดไปตามจริง
แลนซ์ที่ในที่สุดก็มีโอกาสได้ออกหน้าเสียที แต่ทุกคนก็อยากแสดงความโดดเด่นบ้าง ขณะที่เขาจะเก็บกล้องยาสูบจากปาก ก็เห็นฉินสือโอวทำท่าบอกให้บูลถือไมค์วิทยุไว้ อีกฝ่ายพูดอย่างตื่นเต้น “ก็ไม่เลวหรอกพวก ไม่เลวเลย! ขอพระเจ้าอวยพร ครั้งนี้พวกเราได้ล็อบสเตอร์มาฝูงหนึ่ง และลงอวนจับปลาค็อดได้อีกส่วนหนึ่ง นายรู้จักไหม แฮดดัคน่ะ นั่นแหละ ก็คือเจ้าตัวน่ารักพวกนี้ไงล่ะ!”
“แล้วได้เท่าไรล่ะ? เห็นนายตื่นเต้นขนาดนั้น ฉันเดาว่าคงมีล็อบสเตอร์สักหนึ่งพันสองพันปอนด์สินะ แล้วก็แฮดดัคอีกไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปอนด์ใช่ไหม?”ใครบางคนกล่าวล้อเลียน ดูท่าจะอิจฉาผลการเก็บเกี่ยวของเรือฮาวิซท
ได้ฟังดังนั้น ในช่องวิทยุสาธารณะก็มีคนหัวเราะต่อว่า “ไม่เอาน่า อาลี่ ดูประชดเข้า…”
แลนซ์เอ่ยขัดคนพวกนั้นเสียงดังว่า “ที่จริงพวกนายเดาผิดแล้ว ล็อบสเตอร์พวกเราไม่ใช่สองพันปอนด์หรอก แต่เป็นห้าพันปอนด์ต่างหาก! ส่วนปลาแฮดดัคฉันยังบอกจำนวนแน่ชัดไม่ได้ เพราะมันเยอะมาก ถ้าให้กะอาจจะไม่ตรง แต่แน่ใจว่าหน่วยไม่ใช่ ‘ปอนด์’ ใช้อะไรดีแทนดี?”
“ใช้ตันไหม? มันน่าจะห้าสิบหกสิบตันไม่ใช่เหรอ?” ชาร์ลเมอร์จงใจเน้น
“อาจจะหกสิบห้าตันก็ได้ หรือไม่ก็ถึงเจ็ดสิบตัน” ชาวประมงอีกคนหัวเราะเสียงดัง
ช่องสาธารณะตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ ก่อนพวกชาวประมงจะตะเบ็งเสียงขึ้นมา
“ไร้สาระ พวกนายไปเหยียบขี้หมาก่อนออกทะเลมาเหรอไง? ทำไมถึงโชคดีขนาดนั้นได้?”
“พวกนายต้องล้อเล่นแน่ๆ ปลาค็อดห้าหกตันเนี่ยนะใครจะเชื่อ แต่ล็อบสเตอร์ห้าหกพันปอนด์? โอ้ ไม่ ที่นี่มันเซนต์ลอว์เรนซ์นะ ไม่ใช่อ่าวเคปค้อด!”
“ล่าสุดใครจับล็อบสเตอร์ได้ห้าหกปอนด์นะ? เรือควีนเฟรเวอร์หรือเปล่า? นั่นมันเมื่อไรนะ? เดือนที่แล้ว ใช่ เมื่อเดือนที่แล้ว!”
“ไม่ว่ามันจะเมื่อไรก็ตาม ฉันไม่มีทางเชื่อหรอกว่าจะมีคนจับได้ขนาดนั้น!”
ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณครับ ฉินสือโอวยักไหล่ให้พวกชาวประมง “ฉันไปดาดฟ้าเรือก่อนนะ พวกนายตามสบายเลย แต่อย่าไปหาเรื่องพวกเขามาก ระวังมีคนมาปล้นปลาที่เราจับด้วย”
บนดาดฟ้าแสงแดดยามเที่ยงวันส่องกำลังดี ฉินสือโอวเรียกนิมิตส์ลงมาแล้วช่วยมันจัดขน ขณะเรือล่องกลับสู่ท่าเรือสโนว์ดิค
ทันทีที่มือถือมีสัญญาณ ฉินสือโอวก็ส่งหมายเลขโทรศัพท์ของเขาให้บัตเลอร์ จะมีทั้งหมดสองคนที่มาท่าเรือ ต่างฝ่ายนัดเจอกันที่ท่าเรือหมายเลขหก
เรือฮาวิซทกำลังจะเทียบท่า ชายวัยกลางคนผมทองสองคนก็พากันโบกมือทักทายเขา คนหนึ่งสวมสูทเรียบร้อย ทาโพเมดแต่งผม ใบหน้าหล่อเหลา พร้อมประดับรอยยิ้มแบบมืออาชีพ
อีกคนแต่งตัวแบบเดียวกับชาวประมง ผูกผ้าโพกหัวสีฟ้าทะเล สวมชุดคาวบอยแบบหยาบๆ ผิวสีแดงก่ำเหมือนคนออกแดดบ่อย
ชัดเจนว่าบัตเลอร์เคยแนะนำฉินสือโอวและเรือฮาวิซทให้ทั้งสองคนแล้ว พอทั้งคู่เห็นเรือประมงก็เข้ามาต้อนรับ ยื่นมือมาให้แต่ไกล
ฉินสือโอวจับมือพวกเขาตอบอย่างเป็นกันเอง ต่างฝ่ายต่างแนะนำตัว ชายที่สวมชุดคาวบอยชื่อเกย์ ยอร์ก ส่วนชายใส่สูทชื่อฟิลิปป์ อิงแลนด์ เออร์เนส ประวัติไม่ธรรมดาเลย ตลาดอาหารทะเลสามแห่งที่ใหญ่ที่สุดในควิเบกล้วนมีพวกเขาเป็นช่องทางส่งออก
ทั้งสองถามฉินสือโอวว่ามีอะไรอยากเสนอขายบ้าง ฉินสือโอวนำล็อบสเตอร์กับปลาแฮดดัคที่แพ็คแล้วเรียบร้อยมาให้พวกเขาดู ซึ่งที่เหลือต้องทำอะไรต่อเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะพ่อค้าธุรกิจอาหารทะลมาถึงสองคนพร้อมกัน ไม่ได้บอกแนะนำตามขั้นตอน และเขาก็เสนอราคาไม่เก่งเสียด้วย
ฟิลิปป์ถอดสูทออกแล้วเข้าไปในห้องแช่แข็งกับเกย์ตรวจสอบปลาที่เรือฮาวิซทจับมาได้ด้วยตัวเอง พอออกมาก็ถามฉินสือโอวอย่างสุภาพว่าเขากำหนดราคาไว้เท่าไร จากนี้สนใจมาร่วมงานด้วยกันไหม
ฉินสือโอวงงไปหมดแล้ว แน่นอนว่าอยากร่วมงานด้วยอยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้นะ การเอาปลากุ้งไปขายโดยตรงให้คนขายสินค้าย่อมดีกว่า เพราะกำไรผ่านคนกลางน้อย เขาก็ได้เงินเยอะกว่านั่นเอง
เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมฟิลิปป์หรือเกย์ที่เป็นถึงผู้ถือช่องทางขายอาหารทะเลรายใหญ่ ไม่น่าจะสนใจชาวประมงเล็กๆ อย่างเขาจนทำตัวสุภาพด้วยอย่างนี้ โดยเฉพาะตอนนี้ทั้งสองอาจยังไม่รู้เรื่องที่ฉินสือโอวมีฟาร์มปลาขนาดใหญ่อยู่ เป็นแค่การคุยเรื่องปลาของเรือฮาวิซท แต่ก็ไม่มีท่าทีดูถูกอย่างใด
ทว่ายามนี้ไม่ใช่เวลามาหาคำตอบ ในเมื่อทั้งสองสนใจปลาของเขา งั้นก็ถามราคาไปตามตรงเลยก็แล้วกัน
ท่าทางเกย์กับฟิลิปป์คงคุยกันในห้องแช่แข็งมาเรียบร้อยแล้ว จึงเอ่ยเข้าประเด็นว่า “ล็อบสเตอร์สี่สิบดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์ ทั้งตัวผู้ตัวเมียราคาเดียวกัน เราให้ราคาปลาแฮดดัคคุณสูงขึ้นมาได้หน่อย เป็นแปดดอลลาร์ต่อหนึ่งปอนด์”
ราคานี้นับว่าสูงมากทีเดียว ตอนส่งขายให้บริษัทประมงซีดับเบิลยู ราคาล็อบสเตอร์แยกต่างหาก ปลาแฮดดัคหนึ่งกิโลกรัมได้สิบดอลลาร์ก็เป็นกิโลกรัมละประมาณห้าดอลลาร์
เมื่อเป็นอย่างนี้ ฉินสือโอวที่เตรียมจะพูดต่อราคาก็ต้องกลืนกลับลงไป แล้วเอ่ยว่า “โอเค เอาราคาตามนั้นเลยครับ!”
ก่อนหน้านี้บนเรือ ฉินสือโอวถามชาร์คกับแลนซ์เตรียมไว้ และได้รู้ว่าราคาที่ซื้อจากธุรกิจอาหารทะเลโดยตรงสามารถให้ราคาสูงกว่าบริษัทประมงถึง 50% ซึ่งถือว่าสูงมาก มาดูราคาที่ฟิลิปป์กับเกย์ให้ตอนนี้มันก็สูงจริงๆ
พอรู้ราคาเสนอขายของล็อบสเตอร์กับปลาแฮดดัคแล้ว พวกแลนซ์ก็พากันกำหมัดตะโกน เยส
ฉินสือโอวเอาล็อบสเตอร์กับแฮดดัคไปชั่งน้ำหนัก รถบรรทุกแช่แข็งวอลโว่สองคันขับเข้ามา แล้วขนผลิตผลทางทะเลที่ชั่งน้ำหนักแล้วไม่มีปัญหาขึ้นรถไป
ล็อบสเตอร์ทั้งหมด 5,800 ปอนด์ เป็นสองแสนสามหมื่นกว่าดอลลาร์ ปลาแฮดดัคทั้งหมดหกสิบสี่ตัน รวมกันได้ 1.02 ล้าน!
หมายความว่าฉินสือโอวออกทะเลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ เป็นเวลาสั้นๆ สองวันครึ่ง ก็ได้มา 1.25 ล้านแล้ว!
เมื่อเห็นแถวเลขศูนย์บนเครื่องคิดเลข ฉินสือโอวก็แทบถีบเก้าอี้เตี้ยจนมันกระเด็น บ้าเอ้ย แล้วตัวเองเหนื่อยแทบตายเพื่อทำฟาร์มปลาเนี่ยนะ? ตอนไปทะเลแค่พาพวกโมเอะตัวโปรดออกไปฆ่าปลาน้ำลึกก็พอแล้วนี่นา?!
เที่ยวอ่าวสักรอบก็ได้มาอีก 1.25 ล้าน งั้นขับเรือยักษ์หมื่นตันไปทะเลลึก รอบหนึ่งก็น่าจะได้…สิบถึงยี่สิบล้าน?!
“แม่เจ้า จะทำเงินได้เยอะไปแล้ว” ฉินสือโอวยักไหล่กับพวกชาวประมง
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset