ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 453 ฉันออกโรงเอง

ตอนที่ฟ้าเริ่มสาง เหล่าชาวประมงต่างพากันตื่นขึ้นแล้ววิ่งไปเก็บที่ดักกุ้งล็อตที่สองที่ท้ายเรือ เพราะที่เลือกจับล้วนไม่ใช่กุ้งมังกรฝูงใหญ่ ฉะนั้นที่ได้มาทั้งคืนก็ไม่ได้เยอะอะไร จับได้ทั้งหมดห้าร้อยกว่าปอนด์
พอฟ้าสว่างเรือประมงก็ตามมาอีก ฉินสือโอวกำลังกินโจ๊กปลิงทะเล กับผักดองที่เอามาด้วย เหนื่อยใจจริงๆ เลย
เป็นครั้งแรกที่เขาเจอคู่ปรับที่ติดหนึบขนาดนี้ อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ไม่ใช่มหาสมุทรใหญ่โต เรือประมงที่นี่มากเกินไปเลยไม่มีที่ให้หลบ ฉินสือโอวสั่งให้เรือฮาวิซทแล่นรอบอ่าวไปครึ่งรอบ ลำเก่าไปลำใหม่ก็มาอีก…
คราวนี้ก็กลายเป็นจับกุ้งกันจริงๆ แล้ว ที่ปล่อยอวนก็จับปลากันไม่ได้เลย แหของพวกเขาเพิ่งจะลงทะเลไป เรือข้างหลังก็พากันปล่อยอวนลงทะเลด้วย แบบนี้ฝูงปลาต้องตกใจจนกระจายไปคนละทางแน่ จับปลาได้ก็เทพแล้ว
ปล่อยอวนจับปลาเป็นวิธีจับปลาที่โหดมากวิธีหนึ่ง ขนาดใหญ่ จับได้เยอะ อวนหนึ่งปล่อยลงไปได้ห้าตันสิบตันก็เป็นเรื่องปกติ
เรือฮาวิซทมีน้ำหนักแค่สองร้อยตัน ที่ตามมาข้างหลังเขายังมีเรือกลตกปลาขนาดพันตัน ถ้าไอ้นั่นปล่อยอวนตามเขาล่ะก็สามารถจับพวกเขาเข้าไปด้วยกันได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเลือกที่จะจับกุ้งมังกรตอนกลางคืน หาจุดของฝูงกุ้งมังกรไว้ก่อน หนึ่งวันจับได้สองครั้ง
เหล่าชาวประมงไม่ชอบใจเสียแล้ว ช่วงนี้ตาของบูลเป็นสีแดงตลอด พอเห็นเรือประมงข้างหลังก็ยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มือโปรอย่างแลนซ์ก็ทนไม่ได้กับการที่รายได้ลดลงทันที ตอนกินข้าวเขาก็พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่าครั้งหน้าออกทะเลต้องเอาปืนมาด้วย
ฉินสือโอวตบโต๊ะแล้วเอ่ยถาม “บอกฉันมาสิว่าตอนนี้มีกุ้งมังกรเท่าไร?”
“สองวันครึ่งแล้ว น่าจะมีแค่ประมาณพันห้าร้อยปอนด์เองครับ” แลนซ์พูดพลางถอนหายใจไปด้วย
เหล่าชาวประมงต่างพากันใช้ส้อมและช้อนซุปเคาะจานเพื่อนระบายความอัดอั้นของตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปตอนกลับท่าพวกเขาได้ห้าพันก็ไม่เลวแล้ว ไม่มีทางได้ถึงหมื่นแน่
ชาร์ลเมอร์เติมไวน์ให้ฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “กัปตัน ถ้าไม่ไหวเราก็เปลี่ยนทะเลเถอะครับ รีบไปที่เขตอเมริกาก่อนที่ฤดูจับกุ้งมังกรจะหมด อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์มองเราเป็นหนามยอกอกไปแล้ว”
บูลแย่งพูดขึ้นมา “ไม่ได้หรอก เราห่างจากเขตอเมริกามาก อีกอย่างเรือเราก็เล็กเกินไป ถ้าเจอพายุในทะเลจะทำยังไงล่ะ? ต้องอยู่ อย่างมากฉันก็เล่นงานเจ้าพวกนั้นเสียหน่อย!”
พวกชาวประมงเริ่มเอะอะขึ้นมา แต่ละคนตะโกนว่าจะสู้ หู่จือกับเป้าจือก็อยู่ในท่าเตรียมสู้แล้ว กระโดดโลดเต้นผสมโรงไปด้วย
ฉินสือโอวให้วินนี่ปรามหู่จือกับเป้าจือ ตอนที่เขากำลังจะพูด แลนซ์ก็ยืนขึ้นมาตะโกนเสียงเฉียบ “หุบปาก! ไอ้พวกสมควรตาย! พวกแกเป็นกัปตันเหรอ? พวกแกตัดสินใจแทนกัปตันได้เหรอ?!”
“เราต้องเชื่อฟังกัปตันสิ! พวกแกดูบัตรธนาคารของตัวเองดูสิ ครั้งนี้ที่ออกมาเราได้ไปเท่าไรแล้ว? ถ้าไม่ได้กัปตัน พวกแกตอนนี้คงหน้านิ่วคิ้วขมวดไปขอกู้ธนาคารอยู่เลย! ต้องรู้จักพอดี เข้าใจไหม? เราได้มาเยอะพอแล้ว! ต้องพอดี!”
แลนซ์ค่อนข้างน่าเกรงขามในหมู่คนพวกนี้ สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล ฟังเขาตะโกนเสร็จพวกชาวประมงก็ไม่พูดอะไรแล้วมองไปทางฉินสือโอว
ฉินสือโอวตัดสินใจได้แล้ว เขาพูดขึ้นว่า “มีความสุขกับการเดินทางบนเรือเถอะ กลางวันพัก กลางคืนทำงาน จับแค่กุ้งมังกร สองวันมานี้ฉันหาจุดที่กุ้งมังกรตัวใหญ่รวมตัวกันได้บ้าง คิดว่าอีกสองวันให้หลังคงได้ไม่น้อย”
ตกกลางคืน ที่ดักกุ้งถูกหย่อนลงทะเลทีละอัน จิตสำนึกโพไซดอนก็ลงทะเลไปตามๆ กัน ไม่มีทางอื่นแล้ว ฉินสือโอวจำเป็นต้องทำงานเอง
จิตสำนึกโพไซดอนหมุนอยู่ใต้ทะเล ที่นี่มีกุ้งมังกรประมาณหนึ่งพันกว่าตัว เป็นฝูงที่ไม่เล็กเลย คงเพิ่งจะอพยพมา ไม่อย่างนั้นพวกมันก็คงแยกย้ายกันไปแล้ว
จิตสำนึกโพไซดอนควบคุมพวกกุ้งมังกร ฉินสือโอวส่งพวกมันเข้าไปในที่ดักกุ้ง แต่ละอันยัดเข้าไปสองตัว กวาดไปตลอดทาง ไม่นานก็ยัดที่ดักกุ้งทั้งหมดสองร้อยอันจนเต็ม
สองชั่วโมงกว่าหลังจากนั้น ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงเก็บที่ดักกุ้ง แลนซ์พยักหน้าแล้วพาชาวประมงทำงาน
จับกุ้งไม่เหมือนลากอวนจับปลา นี่เป็นงานที่ต้องใช้ความอดทนสูง ปกติที่ดักกุ้งต้องโยนลงทะเลไปทั้งวันทั้งคืนหรืออาจจะนานกว่านั้นถึงจะเก็บขึ้นมาได้
เพราะตามปกติแล้ว เหล่าชาวประมงได้แต่อาศัยประสบการณ์หากุ้งมังกร ต่างกับฉินสือโอวที่สามารถเห็นตำแหน่งของฝูงกุ้งได้เลย
ทีนี้ก็ต้องรอ พูดกันจริงๆ แล้วการจับกุ้งต้องใช้เหยื่อล่อดีๆ บวกเข้ากับโชคช่วยถึงจะจับได้ ไม่อย่างนั้นวางดักเป็นพรวนได้กุ้งมังกรกว่าสิบตัวก็เป็นเรื่องที่เจอได้บ่อย
การที่ฉินสือโอวทิ้งที่ดักไว้สองชั่วโมงก็จะเก็บขึ้นมาไม่มีประโยชน์ในสายตาชาวประมง สองชั่วโมงนี้แค่การที่กุ้งมังกรจะหาที่ดักได้ยังยากเลย
แต่พวกเขายอมรับในความสามารถของฉินสือโอว ในเมื่อกัปตันบอกว่าให้เก็บที่ดักกุ้ง ต่อให้เป็นกับดักว่างๆ พวกเขาก็ทำ!
ไม่นาน ที่ดักกุ้งแต่ละอันก็ถูกเก็บขึ้นมา ในนั้นมีแต่กุ้งมังกรอ้วนๆ ทั้งนั้น…
ฉินสือโอวมองจุดลึกของทะเลด้วยสีหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึก เขาอธิบายเรียบๆ “ทรัพยากรกุ้งมังกรที่นี่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ตอนแรกฉันกะว่าจะรอให้ราคากุ้งมังกรขึ้นอีกสักหน่อยค่อยมาจับ ตอนนี้ดูท่าจะไม่ต้องแล้วล่ะ”
พวกแลนซ์ทั้งดีใจและเซ็งในขณะเดียวกัน ที่ดีใจก็เพราะในที่สุดก็เริ่มจับอะไรได้มากขึ้นแล้ว ที่เซ็งก็เพราะกุ้งมังกรพวกนี้เดิมทีสามารถขายในราคาสูงได้ ตอนนี้ได้แต่ลงมือจัดการล่วงหน้าแล้ว
เพราะความสามารถในการหาปลาหากุ้งมังกรของฉินสือโอว พวกชาวประมงเลยมองอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์เป็นฟาร์มส่วนตัวไปเสียแล้ว
คืนนี้ได้มาสี่รอบ กุ้งมังกรสี่พันกว่าปอนด์ถูกส่งเข้าช่องแช่แข็ง ทุกครั้งที่ดักกุ้งล้วนแล้วแต่เต็ม
ตอนฟ้าสว่างที่เก็บกุ้งรอบสุดท้าย แซ็ก ชาวประมงที่อายุมากที่สุดพูดขึ้น “ฉันนี่เหมือนย้อนกลับไปสามสิบปีก่อนเลย ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็ก ออกทะเลกับปู่แล้วก็พ่อ ทุกครั้งที่หย่อนที่ดักกุ้งก็ได้กุ้งมาแบบนี้แหละ!”
ทางพวกเขาน่ะดีใจแล้ว ทางฉินสือโอวเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว เขาโบกมือ แม้แต่ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน กลับถึงห้องก็กอดวินนี่นอนหลับ
หู่จือกับเป้าจือคอตกเข้ามาอ้อนให้เล่นด้วย วินนี่ผลักพวกมันออกไป ไม่เห็นหรือไงว่าพ่อพวกแกเหนื่อยขนาดไหน?
พักผ่อนมาทั้งวัน ตอนหลังเปลี่ยนที่แล้วทำงานอีกสองคืน กุ้งที่ได้ก็ยังน้อย สองคืนได้กุ้งมังกรมาทั้งหมดหกพันปอนด์ ฉินสือโอวเหนื่อยมากๆ แล้ว
พักไปหลายวัน พวกชาวประมงก็ไม่ค่อยหัวร้อนกันเท่าไรแล้ว พอเห็นฉินสือโอวเหนื่อย พวกเขาก็เลยออกปากขอกลับ กุ้งมังกรหมื่นกว่าปอนด์ นี่ก็ไม่น้อยแล้ว!
หลังจากที่ฟ้าสว่าง พอเรือฮาวิซทหันหัวเรือก็มีเรือประมงลำหนึ่งเข้ามายึดจุดที่มันเคยอยู่เมื่อคืน จากนั้นเหล่าชาวประมงก็โยนที่ดักกุ้งกัน
เรือประมงลำอื่นก็รีบยึดอาณาเขตของตัวเอง ตอนกลางวันพวกเขาก็ไม่ตามเรือฮาวิซทแล้ว เพราะหลายวันมานี้พวกเขารู้แล้วว่าเรือฮาวิซทพักตอนกลางวันทำงานตอนกลางคืน
แต่พอรู้ว่าเรือฮาวิซทจะกลับท่า เรื่องนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจเล็กน้อย แน่นอนว่าที่มากกว่านั้นก็คือผิดหวัง
ฉินสือโอวโทรหาเกย์ ยอร์กกับฟิลิปป์โดยเฉพาะ บอกว่าเขามีกุ้งมังกรประมาณหนึ่งหมื่นหนึ่งพันปอนด์ เชิญเขาให้ส่งคนมาตรวจและเอาไป
เกย์กับฟิลิปป์ครั้งนี้ไม่ต้องมาเอง พวกเขาส่งผู้ช่วยของตัวเองมา
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset