ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 466 ฉลามบาสกิงมาแล้ว

ภายในของชาเลนเจอร์ 350 กว้างขวางมาก ประดับตกแต่งก็หรูหราราวกับห้องประธานาธิบดี
โต๊ะอาหารเก้าอี้นอนก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว ในนี้ยังมีบาร์เล็กๆ โฮมเธียเตอร์ในตัว มีโต๊ะพนันตัวเล็ก มิน่าล่ะคนรวยถึงชอบเล่นเครื่องบินส่วนตัวกัน สนุกจริงๆ
ฉินสือโอวถามราคาเครื่องบินลำนี้กับวินนี่ เธอบอกว่าประมาณ 24 ล้านดอลลาร์แคนาดา แต่ไม่รวมภาษี แต่ละรัฐเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยต่างกัน สุดท้ายจ่ายจริงน่าจะถึง 30 ล้าน
สนามบินของฟาร์มปลาสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่า 30 ล้านก็ไม่ถือว่าแพง อาทิตย์อัสดงที่มงต์มาจูร์จะขายออกไปแล้ว ตัวเขาเองก็มีทรัพย์สินร้อยล้าน เดี๋ยวซื้อสักลำดีกว่า
วินนี่เหมือนจะรู้ถึงความคิดของเขาจึงชี้ไปที่เขาอย่างตักเตือนก่อนเอ่ยปาก “อย่าคิดอะไรเหลวไหลนะ ห้ามซื้อเครื่องบิน! ดูปากฉันนะ ห้าม เปลือง เงิน ซื้อ เครื่อง บิน!”
มองดูริมฝีปากอวบอิ่มชุ่มชื้นสีชมพูของวินนี่ จู่ๆ ฉินสือโอวก็นึกถึงตอนที่เจอกันครั้งแรกในเครื่องบิน เขาเข้าไปประชิดถามเสียงเบา “เห็นริมฝีปากของคุณ วินนี่ รู้ไหมว่าผมนึกถึงอะไร?”
วินนี่ไม่รู้สิแปลก อย่างไรเสียเธอก็ได้รับอิทธิพลจากวงการแอร์โฮสเตสอันแสนวุ่นวายมา เธอถองศอกใส่ฉินสือโอวอย่างเขินอายแล้วพูดเสียงเบา “คุณมันทะลึ่ง อย่าคิดจะให้ฉันทำแบบนั้นเด็ดขาดนะ!”
ฉินสือโอวหัวเราะพลางเปลี่ยนเรื่องคุย เขาไม่ได้ให้วินนี่ใช้ปากให้บนเตียง ถึงแม้ว่าแบบนั้นจะรู้สึกดีมากๆ แต่เขาก็รู้สึกว่าต้องไม่ใช่คืนฮันนีมูน จะเป็นการดูถูกผู้หญิงไปสักหน่อย
“วินนี่ เจอพ่อแม่ผมครั้งนี้เรียกพ่อกับแม่เหมือนผมดีไหม?”
“ไม่ดี เรายังไม่ได้แต่งงานเลยนะ”
“คุณบอกวันมา เราแต่งกันเลย คุณก็รู้นี่ที่รัก ผมรอไม่ไหวแล้ว”
“งั้นเรามีลูกกันสักคนก่อนดีไหม? อุ้มลูกแต่งงานต้องเยี่ยมแน่”
“…”
หลังจากที่ตรวจความดันอากาศ และแรงดันน้ำมันเครื่องว่าไม่มีปัญหา นักบินกับหอควบคุมการบินทำการยืนยันเรียบร้อย เครื่องบินก็เข้าสู่รันเวย์ เครื่องวิ่งแล่นไปช้าๆ แล้วเริ่มเหินไปในอากาศตามส่วนหัวที่ยกขึ้น
วินนี่จับมือฉินสือโอวเอาไว้ ให้เขาเอาหัวพิงมาที่อกอวบอิ่มของเธอ ไม่มีใครเข้าใจถึงโรคกลัวความสูงของฉินสือโอวไปมากกว่าเธออีกแล้ว
เชอร์ลี่ย์และเด็กๆ ทั้งสี่มองทั้งสองอย่างสงสัย วินนี่ยิ้มมีเสน่ห์แล้วอธิบาย “น้าไม่ค่อยสบายน่ะ ตอนเครื่องขึ้นบินรู้สึกไม่ค่อยดี”
เด็กๆ ทั้งสี่เข้าใจในทันที เชอร์ลี่ย์เข้าไปจับมือวินนี่เอาไว้แล้วพูดขึ้น “แบบนี้ดีขึ้นไหมคะ?”
หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าล้วนโดนคาดเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่ พวกมันดิ้นอยากจะไปหาฉินสือโอว พอวินนี่ถลึงตาใส่เจ้าพวกนี้ก็สงบลงทันที
เสี่ยวหลัวปอหัวเราะเยาะหู่เป้าฉง มันยังเล็กก็เลยได้สิทธิพิเศษ อย่างเช่นตอนนี้ถูกวินนี่อุ้มไว้ในอก แน่นอนว่าเรียกได้ว่าโดนหัวของฉินสือโอวทับอยู่ข้างล่างอีกที
หลังจากที่เครื่องบินเข้าสู่ชั้นสตราโตสเฟียร์ ฉินสือโอวก็รู้สึกดีขึ้นมาก เบิร์ดเดินมายื่นไอซ์ไวน์ที่ใส่องุ่นให้เขาก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “จะรู้สึกดีขึ้น”
เที่ยวบินสิบกว่าชั่วโมง ฉินสือโอวว่างไม่มีอะไรทำก็เลยหลับตาแล้วไปที่ทะเล
ไข่ที่ปฏิสนธิของทูน่าครีบเหลืองเริ่มฟักแล้ว ฟาร์มปลามีลูกปลาทูน่าครีบเหลืองตัวเล็กๆ เพิ่มมาอีกนับไม่ถ้วน พวกมันร่าเริงอยากรู้อยากเห็น ว่ายไปทั่วในฟาร์มปลา
ฉินสือโอวควบคุมพวกมันไม่ได้ นี่จะตัดสินชะตาของพวกมัน เพราะไม่ว่าปลาแซลมอนชัมหรือปลาค็อดก็ล้วนกินพวกมันเป็นอาหารได้…
เพียงแต่ฉินสือโอวไม่เสียดาย เพราะทูน่าครีบน้ำเงินก็วางไข่ไว้มากมายเหมือนกัน รอจนเขาฉลองปีใหม่กลับมา ในฟาร์มปลาคงจะมีลูกปลาทูน่าครีบน้ำเงินอีกมาก
กฎของธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแกร่งอยู่รอดผู้ที่อ่อนแอถูกคัดออก ลูกปลาทูน่าตัวน้อยพวกนี้มีอย่างน้อยเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้โต ไม่นานก็จะเข้าปากปลาใหญ่กลายเป็นอาหาร แต่ต่อให้หนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นรอดมาได้ก็ยังน่าจับตามองอยู่ดี
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นทูน่าครีบเหลืองหรือน้ำเงิน แม่ปลาของพวกมันก็จะวางไข่หลักล้านหรือกระทั่งสิบล้านฟอง!
ฉินสือโอวตอนนี้ตีกับตัวเองอยู่ อย่างมากเพียงแค่สี่ปี ปลาทูน่าพวกนี้ก็จะโตขึ้น งั้นฟาร์มปลาต้าฉินจะต้องส่งผลกระทบน่ากลัวต่อตลาดทูน่าในระดับโลกแน่ๆ
เพราะตามกำลังการอนุรักษ์ของเขา จำนวนปลาทูน่าที่ฟาร์มปลาต้าฉินผลิตออกมาได้นั้นพอๆ กับทะเลเขตอื่นในโลก!
ของยิ่งน้อยยิ่งแพง เมื่อก่อนราคาปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ค่อยสูงเท่าไร เพียงแต่หลังจากนั้นเจอการประมงเกินความจำเป็น ราคาก็เลยค่อยๆ สูงขึ้น
ถ้าจู่ๆ ฟาร์มปลาต้าฉินส่งปลาทูน่าครีบน้ำเงินเข้าตลาดเป็นหมื่น งั้นเขาเชื่อว่าตลาดปลาทูน่าจะต้องทลายแน่!
แต่นี่ก็เป็นเรื่องในอนาคต ฉินสือโอวยังไม่จำเป็นต้องกังวลในตอนนี้ ไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร ทางเขาจะต้องได้เงินเยอะแน่ๆ
ฉลามบาสกิงว่ายมาฟาร์มปลาต้าฉินช้าๆ มันมาจากทะเลตะวันตกเฉียงเหนือ พอดีกับที่ปลาแลมป์เพรย์มาเจอเข้า
เจ้าพวกแวมไพร์ท้องทะเลเหล่านี้เห็นฉลามบาสกิงเข้าก็ตื่นเต้น ให้ตายสิ ตอนนี้มีเลือดเนื้อเท่าไรเนี่ย?
ดังนั้นพวกมันจึงกรูกันเข้าไป แต่พอเข้าไปก็จนใจ ผิวของฉลามบาสกิงหนาและเหนียวเกินไป ฟันของพวกมันเจาะไม่เข้าด้วยซ้ำ เห็นเนื้อก้อนโตอยู่ตรงหน้าแต่กลับกินเข้าปากไม่ได้!
ช่วงนี้พี่น้องฉลามกบทั้งเจ็ดกำลังเซ็ง ก่อนหน้านี้บอลหิมะกับไอซ์สเกตออกจากทะเลแนวปะการังทำให้พวกมันดีใจมาก เฮยป้าหวังไม่มาในเขตทะเลตื้น กั้งตั๊กแตนเจ็ดสีถูกย้ายไปแล้ว แบบนี้พวกมันก็กลายเป็นเจ้าทะเลแห่งเขตแนวปะการัง
ในเขาไร้เสือลิงก็กลายเป็นราชา พี่น้องฉลามกบทั้งเจ็ดในช่วงเวลานั้นมีความสุขอย่าบอกใคร อยากกินปลาแซลมอนชัมก็กิน อยากกินลูกปลาทูน่าก็กิน อยากกินปลาแฮร์ริ่งก็กิน อยากกินกุ้งมังกรก็กิน ดีจะตาย
ปรากฏว่าช่วงหลายวันก่อนบอลหิมะกับไอซ์สเกตกลับมาแล้ว เห็นพวกนั้นทำอันธพาลไว้ที่แนวปะการัง พอจับได้ก็จัดการอย่างโหด
ฉลามกบเจ็ดพี่น้องบาดเจ็บไม่เบา ดังนั้นพวกมันจึงตัดสินใจหนีไปจากเขตทะเลแนวปะการัง ให้ราชาบอลหิมะกับไอซ์สเกตทั้งสองไปตายเสียเถอะ พวกฉันไม่รับใช้แล้ว พวกเราไปมุมตะวันตกเฉียงเหนือ ให้ห่างจากพวกแก…
ฉลามกบเจ็ดพี่น้องว่ายออกมาอย่างอารมณ์ดี โห น้ำทะเลด้านนอกช่างใสจริงๆ แม้แต่รสชาติของออกซิเจนในน้ำทะเลก็ไม่เหมือนกัน… เฮ้ย นั่นมันอะไร?
เพิ่งจะว่ายไปเขตทะเลตะวันตกเฉียงใต้หยุดลงไม่เท่าไร พี่น้องทั้งเจ็ดเงยขึ้นมาก็เจอกันสัตว์ประหลาดตัวใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง แถมยังค่อยๆ อ้าปากด้วย!
ฉลามบาสกิงเป็นที่รู้จักเพราะปากอันใหญ่โต พออ้าปากก็เหมือนมีหลุมดำโผล่กลางทะเล
ฉลามกบเจ็ดพี่น้องตกใจกลัวตัวสั่น รีบหันว่ายหนีกันอกสั่นขวัญแขวน ให้ตายเถอะ ข้างนอกอันตรายชะมัด กลับเขตทะเลแนวปะการังดีกว่า ถึงสองราชาจะแย่ แต่พวกนั้นไม่กินฉลามกบนี่
เหล่ากั้งตั๊กแตนเจ็ดสีดูดซึมพลังโพไซดอนไปแล้วก็โตไวกว่าเดิม เจ้าพวกน่ากลัวพวกนี้สามารถโตได้ถึงสี่สิบเซนติเมตร และกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีสี่สิบเซนติเมตรเรียกได้ว่าเป็นนักฆ่ามือหนึ่งแห่งท้องทะเล พวกมันไม่กลัวฉลามด้วยซ้ำ!
แต่หาเจอได้น้อยมาก เพราะกั้งประเภทนี้ชอบฉายเดี่ยวก็เลยกลายเป็นอาหารของคู่ต่อสู้ได้ง่าย
ทะเลไม่ให้บริเวณของตัวเองมีสิ่งมีชีวิตแข็งแกร่งที่ไร้ศัตรู นอกจากมนุษย์ มนุษย์เป็นความผิดพลาดหนึ่งในกระบวนการวิวัฒนาการตามธรรมชาติ ปรากฏว่าความผิดพลาดเล็กน้อยจะสร้างสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวที่สุดมาจนทุกวันนี้
ความเปลี่ยนแปลงที่พลังโพไซดอนมีต่อกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีไม่ใช่แค่ทำให้พวกมันโตไวขึ้น ยังทำให้พวกมันสามัคคีมากขึ้น พลังโพไซดอนเปลี่ยนนิสัยของพวกมัน กั้งนักรบพวกนี้จับกลุ่มกัน ทำอันธพาลในทะเล เจอใครก็ฆ่าไม่เว้น!
มองดูซากปูราชินี หอยงวงช้างที่ถูกเคาะจนแตกด้านหลังกั้งตั๊กแตนเจ็ดสีแล้ว ฉินสือโอวก็ปวดหัวขึ้นมา จะทำอย่างไรกับเจ้าพวกนี้ดี? ไม่มีประโยชน์มากมาย แต่จะทิ้งก็เสียดาย!
……………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset