ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 472 มื้อฆ่าหมู

วินนี่ใส่หมวกงอบไว้บนหัวฉินสือโอว แล้วก็ถ่ายรูปให้เขาทุกมุม
ฉินสือโอวเก็บเบ็ดขึ้นมามองดูรูปถ่าย พยักหน้าแล้วพูดพร้อมหัวเราะว่า “ไม่เลว นี่สิถึงจะได้บรรยากาศ ‘ตกปลาเดียวดายในแม่น้ำเย็นเยือกหิมะโปรย’ คุณส่งมาในมือถือผมนะ ผมจะเอาไปตั้งเป็นภาพพื้นหลัง”
ตกปลาริมแม่น้ำตลอดช่วงบ่ายเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยเลย ตกปลาลิ่นตัวใหญ่ขนาดยี่สิบกว่าเซนติเมตรได้เจ็ดถึงแปดตัว ตกปลาเพิร์ชได้สิบกว่าตัว นอกเหนือจากนี้ยังตกได้ปลาคาร์ฟ ปลาแมนดารินกับปลาดุกด้วย
แต่ที่ทำให้ฉินสือโอวประหลาดใจก็คือ ทางฝั่งเออร์บักนั้นตกได้ปลาทรายแดงสองตัว เป็นปลาดีที่หาเจอได้น้อยมากในช่วงหลายปีมานี้
เออร์บักไม่รู้จักปลาชนิดนี้ ตอนตกได้ยังคิดว่าปลาตัวเล็กไปกะจะโยนทิ้งไปเสียด้วยซ้ำ
ฉินสือโอวอธิบายให้เขาฟังว่า “ปลาชนิดนี้ปกติตัวจะไม่ใหญ่มาก ปลาโตเต็มตัวแล้วก็ยังมีขนาดไม่ถึงสิบห้าเซนติเมตร ปลาสองตัวนี้ถือว่าเป็นปลาโตเต็มตัวแล้วล่ะ”
เออร์บักเข้าใจแจ่มแจ้ง ที่เขาไม่เคยเห็นปลาแบบนี้มาก่อน เพราะที่แคนาดาไม่มี นี่คือปลาน้ำจืดที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองจีน
ในแม่น้ำไป๋หลงไม่ค่อยมีปลาตัวใหญ่นัก ทั่วทั้งประเทศจีนตอนเหนือก็มีแต่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้นที่มีปลาตัวใหญ่ นอกจากนั้นก็มีบ้างแถบน่านน้ำแยงซีกับฮวงโห ซึ่งจะไม่เหมือนกับอเมริกาเหนือ ที่แคนาดานั้นไม่ว่าจะในทะเลหรือในแม่น้ำ ล้วนแต่มีปลาตัวใหญ่เยอะกว่าทั้งนั้น
ครั้งนี้ปลาตัวเล็กที่สุดที่ฉินสือโอวตกได้คือปลาดุกหัวเหลือง เขาเองก็ไม่รู้ว่าชื่อทางวิทยาศาสตร์ของปลาชนิดนี้เรียกว่าอะไร ที่แคนาดาก็ไม่มี ดังนั้นจึงไม่เคยหาข้อมูลมาก่อน รู้แต่เพียงว่าหากนำปลาชนิดนี้ไปราดซอสแล้วนั้นรสชาติอร่อยมาก
เมื่อถือปลาเต็มตะกร้าในมือ ฉินสือโอวก็กลับบ้านอย่างมีความสุข พอกลับถึงบ้านเห็นต้าเป่ากับพาวลิสกำลังแกล้งแหย่ฉงต้าอยู่ ดูท่าพวกเขาคงกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว
ต้าเป่าเห็นฉินสือโอวกลับมา พูดว่า “อาครับ พ่อผมให้ผมมาบอกอาว่า เย็นวันนี้ที่บ้านผมจะฆ่าหมู ให้อากับคุณปู่ไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านครับ”
ฉินสือโอวบอกว่าได้เลยไม่มีปัญหา ในหมู่บ้านนี้บ้านเขามีศักดิ์ค่อนข้างอาวุโสกว่า เด็กส่วนมากที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีต่างก็เรียกพ่อเขาว่าคุณปู่ทั้งนั้น เมื่อก่อนฉินสือโอวชอบการไปไหว้ปีใหม่ในวันที่หนึ่งที่สุด เพราะตลอดทางมีแต่คนเรียกตัวเองว่าคุณอาไม่ก็คุณปู่ ทำให้เขารู้สึกดีมาก
เมื่อเห็นฉินสือโอวเอาปลากลับมาด้วยเยอะแยะ พ่อของฉินสือโอวก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พูดว่า “ตอนนี้ในแม่น้ำมีปลาเยอะขนาดนี้แล้วเหรอ? สองวันก่อนฉันเห็นตาแก่คนหนึ่งไปหว่านแหในแม่น้ำมา ก็ไม่เห็นว่าจะตกปลาได้สักเท่าไรเลย”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “เรื่องแบบนี้อยู่ที่ฝีมือ พ่อ ฝีมือการตกปลาหาปลาของลูกชายพ่อตอนนี้เนี่ยไม่มีใครสู้ได้หรอก”
 “แล้วเรื่องมีลูกล่ะ?”
 “อ้อ ว่าไปแล้วแม่น้ำไป๋หลงของเราในตอนนี้ดูแลได้ไม่เลวเลยนะ ผมว่าในแม่น้ำต้องมีปลามากกว่าเมื่อก่อนแน่เลย” ฉินสือโอวรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
พ่อของฉินสือโอวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ส่ายหัวไปมาแล้วพูดมาประโยคหนึ่งว่างานหลักล่ะไม่ยอมทำ
ช่วงไม่กี่วันที่เพิ่งถึงบ้านฉินสือโอวยุ่งอยู่ตลอดเวลา เพราะต้องไปบ้านญาติหลายคน ไหนจะต้องไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ ของพวกเพื่อนนักเรียนอีก เรียกได้ว่ายุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้นเลย
หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ เมื่อเห็นว่าอากาศเริ่มดีหิมะไม่ตกแล้ว ฉินสือโอวจึงขับรถพาพ่อแม่กับวินนี่ไปบ้านคุณยายและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาครึ่งค่อนบ่าย
คุณยายของฉินสือโอวอายุใกล้จะเก้าสิบแล้ว ผมขาวโพลนเต็มหัว สายตาก็ฝ้าฟาง ได้พวกคุณลุงทั้งหลายที่คอยผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลท่าน ดังนั้นการไปหาคราวนี้เขาจึงนำของขวัญไปให้พวกคุณลุงเยอะแยะมากมาย
เป็นเวลาครึ่งปีแล้วที่ไม่ได้เจอฉินสือโอว คุณยายลืมไปแล้วว่าเขาเป็นใคร แม่ของฉินสือโอวยิ้มแล้วพูดอย่างจำใจว่า “คุณยายของแกน่ะความจำไม่ค่อยดีแล้ว บางครั้งแม้แต่แม่กับพ่อท่านก็ยังลืมเลย”
ฉินสือโอววางปลิงทะเล โสมอเมริกา อาหารทะเลแห้งทั้งหลายแหล่กับขนมขบเคี้ยวลง ชี้ไปที่วินนี่แล้วแนะนำให้คุณยายฟังว่านี่น่ะคือหลานสะใภ้ที่เขาพามาให้กับท่าน คุณยายไม่ได้ถึงกับไม่รับรู้อะไรเลย เพราะท่านดึงมือวินนี่มาแล้วยังพูดอีกว่าเป็นเด็กที่ดีจริงๆ
หลังจากอยู่คุยกับคุณยายอย่างทุลักทุเลถึงสองชั่วโมงกว่าๆ ฉินสือโอวถึงกับเสียงแหบไปเลย หูของคุณยายนั้นอาการหนักมาก ฟังที่เขาพูดได้ไม่ค่อยชัด เขาจึงจำใจต้องพูดโดยตะโกนออกไป
วินนี่ที่ตอนแรกยังไม่รู้เรื่องนี้ ยังคิดว่าเขาไปทะเลาะกับคนแก่เสียด้วยซ้ำ…
หลังกลับจากบ้านคุณยายแล้ว ฉินสือโอวก็ไปตระเวนเยี่ยมบ้านคุณป้ากับคุณลุงต่อ แต่ละบ้านต่างก็ได้รับของขวัญกองโต ของขวัญที่ให้นอกจากบางชิ้นที่เป็นของขึ้นชื่อของแคนาดาแล้ว ส่วนมากก็เป็นของที่เพิ่งซื้อจากซูเปอร์มาร์เก็ตเสียมากกว่า
เมื่อถึงตอนพลบค่ำ ฉินสือโอวขับรถกลับถึงบ้านก่อน จึงค่อยไปกินข้าวที่บ้านเหวินซูกับพ่อ
เมื่อเห็นฉินสือโอวมาแล้ว ต้าเป่ารีบเสนอหน้ามามองซ้ายขวา เมื่อมองไม่เห็นเชอร์ลี่ย์ก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา
ทำเอาฉินสือโอวแอบยิ้มไม่หยุดเลย วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละรักคนง่าย ดูท่าแล้วต้าเป่าคงคิดอะไรกับสาวตาใสแบ๊วคนนั้นแล้วแน่ๆ
เมื่อวานที่เกิดเรื่องกันขึ้นมา ก็เป็นเพราะตอนนั้นต้าเป่าเกิดตะลึงกับใบหน้าสะสวยของสาวตาแบ๊วขึ้นมาอยากดึงความสนใจจากเธอโดยการหาเรื่องเธอ แต่น่าเสียดายที่ดันไปเจอเข้ากับหู่จือกับเป้าจือที่ดุดันเกินปกติเข้า สุดท้ายจึงกลายเป็นว่าทำให้ตัวเองเสียหน้ายกใหญ่
แม้ว่าบ้านเกิดของฉินสือโอวจะมีธรรมเนียมฆ่าหมูวันปีใหม่ แต่ตอนนี้ธรรมเนียมก็จางหายไปมากแล้ว จึงไม่ค่อยมีคนเชิญคนในหมู่บ้านมากินมื้อหมูปีใหม่กัน อย่างมากก็เชิญแค่คณะกรรมการในหมู่บ้านหรือญาติๆ เท่านั้น ประชาชนคนธรรมดาอย่างคุณพ่อนั้น ปกติแล้วจะไม่ถูกเชิญ
ครั้งนี้ถูกเหวินซูเชิญอย่างเป็นทางการแบบนี้ พ่อของฉินสือโอวรู้ว่าตัวเองนั้นได้รับบารมีนี้ผ่านลูกชายตัวเอง คนในหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าลูกชายเขานั้นไปเติบโตที่ต่างประเทศ กลับมาฉลองปีใหม่คราวนี้ยังพาสะใภ้ พาบอดี้การ์ดต่างชาติมาด้วยอีก ทำให้ได้รับความเคารพนับถือจากคนในหมู่บ้าน
อากาศหนาวขนาดนี้ แต่ในสวนกลับร้อนอบอ้าว เพราะมีหม้อใบใหญ่สองหม้อกำลังต้มอาหารอยู่ในสวน ใบหนึ่งที่กำลังเดือดอยู่นั้นกำลังต้มเนื้อหมูอยู่ ส่วนอีกใบนั้นก็ไว้ต้มเนื้อหมา
เมื่อเห็นฉินสือโอวพ่อลูกเดินถือของฝากพวกเหล้าบุหรี่มาด้วย เหวินซูที่มือเลอะน้ำมันก็รีบเชิญพวกเขาเข้าบ้าน ในบ้านมีคนนั่งอยู่กันเต็ม เป็นกลุ่มของพวกเลขาหมู่บ้าน ผู้อำนวยการหมู่บ้าน แล้วก็มีฉินเผิง เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเหวินซู
ฉินสือโอวนั่งลงข้างฉินเผิง ฉินเผิงดึงตัวเขาแล้วพูดเสียงเบาว่า “ตอนนี้นายมีหน้ามีตาใหญ่แล้วนะ ขนาดฉันยังพลอยถูกเชิญมากินมื้อหมูปีใหม่กับนายด้วยเลย เมื่อก่อนตอนพี่ฉันฆ่าหมูปีใหม่ไม่เคยเรียกฉันมาก่อนเลย”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “นายคิดว่าอาหารมื้อนี้อร่อยเหรอ? ฉันบอกนายเลยนะ สักพักถ้านายได้รู้ราคาอาหารมื้อนี้แล้วล่ะก็ นายต้องกินไม่ลงแน่ เชื่อไหม?”
ฉินเผิงถาม “หมายความว่าไง? ทำไมถึงมีค่าอาหารด้วย?”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย เลขากับผู้อำนวยการหมู่บ้านกำลังยื่นบุหรี่ให้พ่อของฉินสือโอวอย่างกระตือรือร้น ฉินสือโอวในตอนนี้มีสายตาเฉียบคมกว่าเมื่อก่อนมาก จะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของคนพวกนี้ได้อย่างไร?
เหวินซูที่เสร็จจากงานที่สวนแล้ว ก็สั่งลูกชายให้ช่วยยกโต๊ะแปดเซียนย้ายไปไว้ในห้องรับแขก
บนโต๊ะได้วางอาหารจำพวกกับแกล้มไว้บางส่วนแล้ว เช่นไข่เยี่ยวม้าราดพริกสด ถั่วลิสงคั่ว กับตีนไก่ดองพริก จากนั้นเขาก็ไปหยิบเหล้ามาอีกหลายขวด พ่อของฉินสือโอวมองแล้ว ก็หัวเราะแล้วพูดว่า “โห เหล้ากล่องเหล็กด้วยเหรอ”
เหวินซูหัวเราะ แล้วพูดว่า “เทียบไม่ได้กับเหล้านอกที่คุณเอามาให้ผมหรอกครับ พอถูไถได้น่ะ วันหลังมาที่นี่อีกครั้งนะครับ ถึงตอนนั้นมาชิมเหล้านอกที่เสี่ยวโอวเอามาฝากด้วยกัน”
บ้านเกิดของฉินสือโอวมีธรรมเนียมอยู่ก็คือหากมีแขกถือของขวัญมาให้ ไม่ควรเปิดของขวัญแล้วเอาของออกมาต้อนรับแขกทันที นั่นก็เพราะเมื่อก่อนทุกบ้านต่างก็ยากจน ของขวัญที่เอามาฝากก็ไม่ได้เป็นของดีอะไร ดังนั้นการแกะต่อหน้านั้นไม่ค่อยดี เป็นเหมือนการฉีกหน้าคนให้
ฉินสือโอวเองพกบุหรี่ด้วยจำนวนหนึ่ง เป็นยี่ห้อจากโรงงานบุหรี่ในควิเบกชื่อเบนสันโกลด์ ที่แคนาดาบุหรี่ราคาสูงมาก เพราะต้องมีการเสียภาษีเพิ่มต่างหาก อีกอย่างการจะซื้อก็ค่อนข้างยุ่งยาก ฉินสือโอวจึงเลือกมั่วๆ มาไม่กี่อย่าง
เพราะหากเทียบกับบุหรี่ของจีนแล้ว คุณภาพของบุหรี่แคนาดาก็ไม่เท่าไร ราคาสูงอีกต่างหาก อย่างเบนสันโกลด์หนึ่งซองมี 25 มวน ราคาคือ 78 ดอลลาร์แคนาดา คิดเป็นเงินหยวนก็เท่ากับว่าราคาเกือบสี่ร้อยหยวน พ่อของฉินสือโอวเคยสูบแล้ว ก็รู้สึกว่ารสชาติเฉยๆ มาก
บางครั้งฉินสือโอวยังเคยคิด ว่าประเทศจีนถูกต่างประเทศทำการทุ่มตลาดมาตลอด ทำไมถึงไม่ใช้สินค้าที่ขึ้นชื่อของตัวเองทำการทุ่มตลาดไปต่างประเทศบ้าง? อย่างเช่นบุหรี่ ถ้าหากบุหรี่ของจีนไปถึงแคนาดาแล้วล่ะก็ เห็นทีคงทำให้โรงงานบุหรี่ของฝรั่งร้องไห้ออกมาแน่
แน่นอนว่า ถ้าหากสามารถให้คุณลุงรัฐบาลไปเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่แคนาดาได้ นั่นก็ต้องเป็นเรื่องที่สะใจแน่ๆ เช่นกัน…
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset