ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 487 ต้องจัดการนายแน่นอน

เสียงของชาร์คดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร ฉินสือโอวจึงรีบตรงไปที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงทันที
เพราะวันนี้ในเมืองแออัดมาก ฉินสือโอวจึงไม่ได้ขับรถมา แล้วขับเฮลิคอปเตอร์มาแทน
นี่เป็นการกระทำที่โอเวอร์ไปหน่อย เพราะเกาะแฟร์เวลก็มีพื้นที่แค่นี้ แค่เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินก็ถึงแล้ว เป็นการฟุ่มเฟือยน้ำมันจริงๆ
แต่ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า มันสะดวกมากๆ เฮลิคอปเตอร์จอดไว้ที่ดาดฟ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง แค่ขึ้นไปด้านบนก็สามารถไปไหนก็ได้ที่อยากไปแล้ว ส่วนเรื่องน้ำมันที่ใช้ไปเหรอ? ก็มีเงินนี่นะ จะทำตามใจอย่างไรก็ได้
พอเบิร์ดดึงคันบังคับขึ้นเท่านั้น เฮลิคอปเตอร์ลำเล็กก็ทำให้เกิดลมแรงขึ้นมาทันที บอลลูนที่ลอยอยู่ข้างๆ อันหนึ่งถึงกับโดยแรงลมพัดลอยออกไปทันที จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กที่บินขึ้นฟ้าแล้ว ก็เอนตัวบินไปทางฟาร์มปลาแกธเธอริง
ฉินสือโอวมองลงมาข้างล่าง มองเห็นเรือฮาวิซทจอดอยู่บนทะเล คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่ชายหาดของฟาร์มปลาแกธเธอริง ดูท่าแล้วคงกำลังโต้เถียงกันอยู่
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว หิมะก็เริ่มละลาย ฟาร์มปลาแกธเธอริงได้เริ่มการก่อสร้างรีสอร์ต ความจริงเขาได้เตรียมพื้นที่เสร็จตั้งนานแล้ว แต่เพราะการก่อสร้างโรงงานเคมีทำให้ไม่ได้สร้างต่อ ตอนนี้เหลือแค่งานง่ายๆ คือการสร้างตึกเท่านั้น
ฉินสือโอวมองไปรอบๆ ฟาร์มปลาได้ถูกออกแบบให้สร้างบ้านพักเดี่ยวจำนวนสี่ห้าสิบหลัง ไม้ หิน ซีเมนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งจำนวนมากได้ถูกส่งมาที่ฟาร์มปลาแล้ว
เครื่องบินลงจอด ฉินสือโอวขมวดคิ้วเดินเข้าไปประจันหน้ากับเถ้าแก่อ้วนเจ้าของฟาร์มปลาแกธเธอริง แล้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
เถ้าแก่อ้วนส่งสายตาเย็นชาไปที่เขาทีหนึ่งแล้วพูดว่า “ถามคนของคุณสิ พวกเขาบุกรุกเข้ามาจับปลาที่ฟาร์มปลาของผมโดยพลการ อย่ามาบอกผมว่าพวกเขาแค่ล้อเล่นนะ”
ฉินสือโอวรู้สึกเบื่อเจ้าอ้วนนี่เต็มที เขาจึงไปถามชาร์คว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ชาร์คอธิบายว่า เมื่อกี้ที่เขาขับเรือพานักท่องเที่ยวมาจับปลานั้น ขากลับได้ขับผ่านฟาร์มปลาแกธเธอริง พอเถ้าแก่อ้วนเห็นก็ให้คนมาหยุดเรือหาปลาของพวกเขา
เมื่อได้ฟังคำพูดของชาร์ค เถ้าแก่อ้วนก็แสยะยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร แล้วพูดอย่างหัวเสียว่า “ฮะ แค่ขับผ่านฟาร์มปลาของฉันเหรอ? ถ้ามีขโมยเดินผ่านบ้านนาย นายจะเชื่อคำพูดของเขาไหมล่ะ?”
ที่แคนาดามีกฎหมายอยู่ว่าห้ามบุกรุกเขตพื้นที่ส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัดถึงขนาดนี้ การที่เรือหาปลาขับผ่านแบบนี้เป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อยมาก ฉินสือโอวเองก็ยังอนุญาตให้เรือพาณิชย์ กับเรือบรรทุกที่ขับผ่านมาจอดเทียบท่าที่ท่าเรือของฟาร์มปลาด้วยเลย
เห็นได้ชัดเลย ว่าเถ้าแก่อ้วนนี่อยากหาเรื่อง การหาเรื่องกับเรื่องเล็กๆ แบบนี้เขายังกล้าทำอีกก็ถือว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งล่ะ
คำพูดของเถ้าแก่อ้วนนั้นพูดได้เกินไปมาก สีหน้าชาร์คจึงแดงเดือดขึ้นมา ตะโกนว่า “หุบปากเหม็นๆ ของนายซะ! นายว่าใครเป็นขโมยกัน?”
 “เจ้านายของพวกเราไม่ได้ว่านาย เขาแค่เปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆ ทำไมนายต้องมีท่าทีเดือดดาลแบบนี้ด้วยล่ะ?” ชายวัยรุ่นผมทองที่มากับเถ้าแก่อ้วนพูดอย่างเหยียดหยาม
ฉินสือโอวตบบ่าชาร์คให้เขาใจเย็นๆ จากนั้นก็พูดกับชายวัยรุ่นว่า “เรื่องแรก ฉันกำลังพูดกับเจ้านายนายอยู่ หมาอย่างนายไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแทรก เรื่องที่สอง เจ้าอ้วน เห็นแก่หน้าพระเจ้าเถอะ วันนี้เป็นวันฉลองวันครบรอบ ฉันน่ะไม่อยากจะมีเรื่องกับคนสารเลวอย่างนาย ดังนั้นนายก็เพลาๆ บ้างเถอะ โอเคไหม?”
เถ้าแก่อ้วนอัลเบิร์ต วิลเลียม สมิธถือได้ว่าเป็นนักธุรกิจคนใหญ่คนโตในเซนต์จอห์น บริษัทอสังหาของเขานั้นก็ถือว่ามีระดับในเมืองนิวฟันด์แลนด์ด้วย ปกติจึงไม่มีคนพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อถูกฉินสือโอวด่าว่าแบบนี้ เขาจึงโกรธขึ้นมาทันที
 “ไอ้นี่ นายจะได้พูดสามหาวก็แค่ตอนนี้ล่ะ แต่เดี๋ยวฉันจะทำให้นายร้องไห้เอง รอรับหมายศาลจากฉันเถอะ!” อัลเบิร์ตแตะนิ้วไปที่อกของฉินสือโอวและพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
ฉินสือโอวไม่เข้าใจจริงๆ ไอ้สารเลวนี่มันบ้าเหรอไง? ทำไมถึงหาเรื่องเขาแบบนี้?
เรือฮาวิซทก็แค่ขับผ่านฟาร์มปลาของเขาเท่านั้น ก็เหมือนกับมีคนขับรถผ่านสวนที่ไม่ได้กั้นกำแพงไว้นั่นแหละ เพราะเรื่องแค่นี้ถึงกับต้องหยุดรถเขาแล้วก็ฟ้องเขาข้อหาบุกรุกพื้นที่เลยเหรอ?
แต่ถึงจะขึ้นศาลจริงๆ ฉินสือโอวก็ไม่กลัวเจ้าหมอนี่หรอก ปากของทนายใหญ่เออร์บักว่างมาได้สักพักแล้ว เขาไม่ยอมทนกับนิสัยเสียของเจ้าอ้วนนี่หรอก อัลเบิร์ตยื่นนิ้วมาแตะที่อกของเขา เขาจึงยื่นมือสวนไปจับข้อมือของเขาไว้ ใช้แรงนิดเดียวเท่านั้นก็บิดจนเขาร้องเสียงหลงออกมา
ยื่นนิ้วไปแตะอกของคนอื่น นิสัยแย่ๆ แบบนี้ในประเทศจีนฉินสือโอวไม่ค่อยพบเจอ แต่ที่แคนาดานั้นเจอได้บ่อยมาก เพราะคนชั้นสูงแทบจะทุกคนมักชอบปฏิบัติต่อคนชั้นล่างแบบนี้ทั้งนั้น ทำอย่างกับว่าการทำแบบนี้จะสามารถบ่งบอกว่าตัวเองเป็นใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
เขาเกลียดการกระทำแบบนี้มาก ดังนั้นจึงสั่งสอนอัลเบิร์ตไป ยื่นมือไปจับข้อมือเขาแล้วหมุนไปครึ่งรอบ เขาเจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
บอดี้การ์ดสองคนที่มากับอัลเบิร์ตกำลังจะลงมือ เบิร์ดกับชาร์คจึงเข้าไปขวางไว้อย่างเกรี้ยวกราด ทั้งสี่คนจึงเริ่มลงไม้ลงมือกันขึ้นมา
ฉินสือโอวปล่อยอัลเบิร์ต แล้วพูดอย่างไม่ไยดีว่า “ฟังนะ เจ้าอ้วนโง่ ฉันรู้ว่านายไม่ชอบหน้าฉัน ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็ไม่ชอบหน้านายสุดๆ ! ตอนแรกฉันไม่อยากจะเอาเรื่องกับนาย แต่ในเมื่อนายอยากจะเปิดศึกก่อน งั้นฉันจะเล่นด้วยแล้วกัน!”
ทางอัลเบิร์ตคนน้อยกว่า เขารู้ว่าถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปต้องเสียเปรียบแน่นอน เขาจึงโบกมือให้บอดี้การ์ดของเขากลับมา มองไปที่ฉินสือโอวอย่างเคียดแค้นแล้วพูดว่า “ไอ้หนู รอรับหมายศาลเถอะ ฉันต้องทำให้นายได้เจอบทเรียนแสนแพงแน่นอน!”
ฉินสือโอวอ้าแขนออก หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “มาได้ตลอดเวลาเลย”
อัลเบิร์ตทำอะไรฉินสือโอวไม่ได้ จึงพาพวกลูกน้องเดินกลับเข้าไปในบ้านไม้ของฟาร์มปลา
ฉินสือโอวมองไปที่ระยะทางระหว่างบ้านไม้ถึงริมทะเล ในใจก็เริ่มวางแผนว่าจะสั่งสอนเจ้าอ้วนนี่อย่างไรดี
เรื่องนี้จึงจบลงชั่วคราว พวกฉินสือโอวกลับไปถึงเมืองแฟร์เวล
มีคนเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้แฮมเล็ตฟัง แฮมเล็ตจึงมาหาฉินสือโอว พร้อมพูดอย่างโกรธแค้นว่า “ไอ้สารเลวนั้นทำเกินไปแล้ว! ผมไม่ยอมให้เขาอยู่ที่เกาะแฟร์เวลนี้ต่อแน่นอน ถ้ารีสอร์ตของเขาสร้างเสร็จแล้ว ต้องนำพาความหายนะมาให้พวกเราแน่นอน”
ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนฝูง พวกเราฉลองเทศกาลของเรากันก่อนเถอะ ผมมีวิธีจัดการเขาได้แน่นอน”
เทศกาลเฉลิมฉลองเพิ่งเริ่มเปิดฉาก ตอนบ่ายพวกชาวเมืองก็เริ่มกิจกรรมเดินชมรอบเมืองกัน เดินจากฝั่งหนึ่งของเมืองไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
รายการโทรทัศน์ของเซนต์จอห์นได้มาทำการถ่ายวิดีโอ ฉินสือโอวได้ยินพิธีกรพูดเย้ยว่านี่คือการเดินชมรอบเมืองที่เล็กที่สุดในโลก
หลังช่วงบ่าย ถนนหลักของเมืองแฟร์เวลก็ได้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของตลาดนัด ตลาดเกษตร การแข่งปิ้งย่าง แข่งเต้นรำ ชาวเมืองกับนักท่องเที่ยวต่างก็ร่วมกิจกรรมกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้เตรียมสิ่งของมาเป็นของรางวัลด้วย
ตอนบ่ายโมงครึ่ง อากาศเริ่มร้อนแล้ว ในเมืองจึงจัดงานบาสเกตบอลชายหาดขึ้น
ที่ไหนที่มีชายหาดก็จะมีวอลเลย์บอลชายหาด ที่ชายหาดได้มีการแบ่งพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 16 คูณ 8 เมตร และได้เก็บกวาดสิ่งของที่จะทำให้ผู้คนบาดเจ็บจำพวกหินกับเปลือกหอยไปแล้ว คนทั้งสองทีมแค่ขึงตาข่ายแล้วก็สามารถเริ่มเกมกันได้แล้ว
ฉินสือโอวไม่เคยเล่นวอลเลย์บอล แต่วินนี่บอกกับเขาว่า มันง่ายมาก พูดง่ายๆ ก็คืออย่าให้บอลตกพื้นก็พอ ถ้าเห็นคนตบบอลมาคุณก็แค่กระโดดขึ้นมารับลูกให้มันลอยกลับไปก็พอแล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ ด้วยความแข็งแรงของร่างกายของฉินสือโอว ที่ทั้งสายตาดี ยืดหยุ่นได้ดี พละกำลังก็มาก พอลงสนามแล้วก็กลายเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมทันที เขาจึงเอาชนะพวกนักกีฬาที่แค่อยากมาเข้าร่วมกิจกรรมพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset