ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 493 ฟาร์มปลาแสนสุข

หลังจากพาบุชขึ้นฝั่ง ฉินสือโอวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาพาเจ้าตัวน้อยเข้าไปด้วยอย่างเคยชิน
ปรากฏว่าทันทีที่เขาปล่อยมือ บุชก็วิ่งออกไปด้วยฝีเท้าอันแรงกล้า มันกระพือปีกบินขึ้นไปบนอากาศ แล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
นิมิตส์มองลงมาจากบนฟ้า เมื่อเห็นว่าบุชสามารถบินได้แล้วมันก็รู้สึกยินดีไม่น้อย และพาบุชบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลังจากฉินสือโอวอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะเขาเดินออกจากบ้านพักเขาเห็นวินนี่กำลังยืนกอดอกอยู่ใต้ชายคาและมองไปบนท้องฟ้า สายตาไม่ได้มุ่งเน้นอะไรเป็นพิเศษ หลัวปอเข้าไปอ้อน แต่ก็ถูกเมินเฉย
“เฮ้ ที่รัก กำลังมองอะไรเหรอครับ?” ฉินสือโอวกอดเอวของวินนี่จากข้างหลังและถามขึ้น
วินนี่เอนตัวลงบนตัวเขา แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกดีใจและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน ฉิน บุชไม่ใช่เจ้าตัวเล็กตัวเดิมที่คอยเฝ้ารอฉันป้อนอาหารให้มันอีกต่อไปแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันได้ไปจากอ้อมแขนของฉันแล้ว”
ฉินสือโอวจูบผมเธอเบาๆ และพูดปลอบใจว่า “มันจะเป็นลูกของเราเสมอ เพียงแต่เมื่อลูกเติบใหญ่ ก็ต้องบินไปตามทางของมัน แต่มันก็จะกลับมาที่บ้านเหมือนเดิม จะกลับมาที่บ้านทุกวันแน่นอน”
วินนี่รู้สึกเศร้าอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยอมรับเรื่องที่บุชจะไม่พึ่งเธอทุกเรื่องแล้วอีกต่อไปได้ เธอจึงมีอารมณ์ดีอีกครั้ง เธอหยิบเครื่องบันทึกวิดีโอที่แขวนอยู่ใต้เฮลิคอปเตอร์ให้ฉินสือโอวดู
ตอนที่ฉินสือโอวตกลงไปจากเครื่องบิน เขาทิ้งบุชและตกลงไปในน้ำ ส่วนบุชนั้นดิ้นรนอยู่ในอากาศอยู่พักใหญ่ จู่ๆ มันก็กระพือปีกและบินขึ้นไป
‘เมื่อเงื่อนไขต่างๆ สุกงอม เรื่องราวต่างๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จ’
เมื่อจัดการกับความกังวลในใจแล้ว วินนี่ก็ขับรถฟอร์ดคันเก่าของเออร์บักออกไปทำงาน ฉินสือโอวเฝ้ามองรถเก่าคันนั้นห่างออกไป และส่ายหน้าอย่างกังวลใจ
ซีมอนสเตอร์และชาวประมงคนอื่นๆ กำลังปรึกษากันถึงปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับการสร้างฟาร์มปลา พวกเขาถามฉินสือโอวว่าเขาวางแผนจะเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อไหร่ ฉินสือโอวบอกว่าอย่างน้อยก็ต้องรอถึงช่วงกลางเดือนเมษายน ช่วงนั้นอากาศจะอุ่นขึ้น ไม่ว่าทำอะไรก็จะสะดวก
เดินไปอย่างช้าๆ ไปตามแนวชายฝั่งของฟาร์มปลา ฉินสือโอวเดินไปด้วยสังเกตภาพรวมการสร้างฟาร์มปลาไปด้วย
หู่จือและเป้าจือหยอกล้อกันด้านหน้าเขา หลัวปอวิ่งอยู่ข้างๆ เขา มันใช้หัวถูขากางเกงของเขาเป็นครั้งคราว พยายามทำตัวน่ารักและออดอ้อน
หยอกล้อกันไปมาพักหนึ่ง หู่จือและเป้าจือก็เจอกิจกรรมใหม่ พวกมันใช้อุ้มเท้าขุดทรายอย่างไม่ตั้งใจ ผลปรากฏว่ามีปูก้ามดาบหลายตัวโผล่ออกมาจากรู และวิ่งลงทะเลไปอย่างหวาดกลัว
เมื่อเห็นปูเหล่านี้ หู่จือและเป้าจือชะงักเล็กน้อย หลังจากนั้นก็กระโดดโลดเต้น พวกมันวิ่งไปขุดทรายไป มีปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกปรากฏตัวอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นปูเหล่านี้ ฉินสือโอวหัวเราะอย่างประหลาดใจ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยเห็นปูเหล่านี้ในฟาร์มปลาเท่าไร คิดว่าถูกปลาตัวใหญ่กินไปหมดแล้วสักอีก ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ในทรายนี่เอง
ฉินสือโอวบอกชาร์ค ชาร์คหัวเราะแล้วพูดว่า “แน่นอน พวกมันเป็นปูสะเทินน้ำสะเทินบก สภาพแวดล้อมที่พวกมันชอบที่สุดไม่ใช่ในทะเล แต่คือหินทะเลที่เปียกชื้น”
“ในฟาร์มปลาของเรามีปูสะเทินน้ำสะเทินบกอยู่จำนวนมาก บอส คุณสามารถหาขนมปังแห้งมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นสาดเศษขนมปังบนชายหาด คุณก็จะได้เห็นภาพที่น่าตกตะลึง” ซีมอนสเตอร์กล่าว
ฉินสือโอวหาบาแก็ตชิ้นหนึ่งได้ในห้องครัว เขาพาหู่จือและเป้าจือไปที่ชายหาด เขายื่นมือขยี้ขนมปังเป็นชิ้นเล็กๆ และสาดไปทั่วทุกทิศ
เมื่อลมทะเลพัดมา เศษขนมปังกระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
เริ่มแรกก็ไม่มีอะไร แต่หลังจากนั้นสองนาที รอบๆ ชายหาดก็เริ่มมีทรายก่อตัวขึ้น มันก่อตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามเสียง ‘ซ่าซ่า’ ที่ดังขึ้น ปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกนับร้อยตัวก็ออกมาจากพื้นทราย…
เดิมทีหู่จือและเป้าจือกำลังรังแกปูเสฉวนบกตัวหนึ่งอยู่ แต่ไม่นาน มีปูปรากฏขึ้นข้างๆ พวกมันจำนวนมาก ปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกเหล่านี้กำลังไล่ตามเศษขนมปัง จากหนึ่งเม็ดทรายรวมเป็นเจดีย์ การปรากฏตัวพร้อมกันของปูเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย
อย่างน้อย ก็ทำให้หู่จือและเป้าจือนิ่งลง พวกมันรีบวิ่งไปหาฉินสือโอว
ฉินสือโอวเห็นอย่างนี้แล้วรู้สึกน่าสนใจเป็นอย่างมาก เขากลับไปหาเศษขนมปังอีกครั้ง และเดินไปโยนขนมปังไปตลอดทางชายหาด
ราวกับว่าเขากำลังไล่เวทมนตร์ ทางที่เขาเดินผ่านไปไม่นานก็จะมีปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกปรากฏ ปูเหล่านี้ปรากฏตัวบนชายหาดตามรอยเท้าของเขา หลังจากพวกมันกินเศษขนมปังแล้วก็กลับเข้าไปในทรายเหมือนเดิม
ฉินสือโอวเดินไปไกลพอสมควรกระทั่งขนมปังหมดถึงไม่มีปูปรากฏตัวออกมาอีก
เขาไม่ต้องการหยอกปูก้ามดาบและปูเสฉวนบกเล่นแล้ว ฉินสือโอวเดินตามหาดไปอย่างสบายๆ หู่จือและเป้าจือเดินข้างๆ เขาและหยอกล้อกันเป็นครั้งคราว ตากลมทะเลไป ดูวิวทะเลไป ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกอารมณ์ดีมากกว่าเดิม
ทะเลในฤดูใบไม้ผลิมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยพลังเหมือนบนบก
นกนางนวลที่ซ่อนตัวในช่วงฤดูหนาวปรากฏตัวอีกครั้ง พวกมันส่งเสียงร้องกันอย่างมีความสุขบนผิวน้ำทะเล และลงไปคาบปลาในน้ำเป็นครั้งคราวแล้วบินขึ้นไปอีกครั้ง ราวกับเอลฟ์ในมหาสมุทร
คลื่นเป็นชั้นๆ กระทบกับชายหาด ฟองน้ำสีขาวซัดขึ้นมาบนหาด แล้วทิ้งร่องรอยเอาไว้
ฉินสือโอวเห็นผลลัพธ์ในการปรับเปลี่ยนฟาร์มปลาของเขา เนื่องจากคุณสมบัติในการทำให้น้ำบริสุทธิ์ของสาหร่ายทะเล น้ำทะเลจึงใสกว่าตอนที่เขามาในช่วงแรกๆ
เมื่อเดินไปถึงน่านน้ำที่มีสาหร่ายทะเลปลูก มีสาหร่ายทะเลสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ลอยอยู่บนน้ำ เป็นเพราะเตียงไม้ พืชบางชนิดเช่นสาหร่ายจีฉ่ายและสาหร่ายผักกาดทะเลก็เติบโตขึ้นด้วย ซึ่งได้เพิ่มความหลากหลายของพันธุ์พืชในพื้นที่ทะเลนี้อย่างมาก
ฉินสือโอวเดินเตะก้อนหินก้อนหนึ่ง เขาหัวเราะและหยิบมันขึ้นมา แล้วโยนมันออกไปอย่างแรง
เมื่อก่อนหู่จือและเป้าจือเล่นเกมเก็บฟริสบี้กับเขาบ่อยๆ เมื่อเห็นฉินสือโอวโยนก้อนหิน พวกมันก็รีบมองตามไปอย่างตั้งใจ
อย่างไรก็ตาม ฉินสือโอวเป็นคนแรงเยอะ หินที่ถูกเขวี้ยงออกไปได้หายไปในน้ำทะเล เจ้าตัวเล็กทั้งสองคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เข้าใจแล้วว่าตนไม่สามารถเก็บหินก้อนนั้นกลับมาได้แน่ๆ จึงล้มเลิกความคิดที่จะกระโดดลงไปเก็บก้อนหินในน้ำ
แต่พวกมันมีวิธีอื่นที่จะให้ความร่วมมือกับฉินสือโอว หู่จือใช้อุ้มเท้าขุดทราย ไม่นานมันก็พบหินขนาดเท่ากำปั้นของเด็ก แล้วมันก็คาบไปให้ฉินสือโอว
ฉินสือโอวหัวเราะ เขานั่งลงลูบหัวของหู่จือ และชมมันว่าเป็นเด็กดี
หู่จือและเป้าจือที่ได้รับคำชมร่าเริงขึ้นมาในทันที ราวกับทั้งสองกำลังแข่งขันกัน เธอเจอหินหนึ่งก้อน ฉันเจอเปลือกหอยหนึ่งอัน เมื่อฉินสือโอวรับมันมาก็โยนลงทะเลในทันที
น่าเสียดายที่คลื่นแรงไปหน่อย จึงไม่สามารถทำให้หินกระดอนบนผิวน้ำได้
หลังจากนั้น ก้อนหินก็หายากขึ้นเรื่อยๆ ฉินสือโอวจ้างบริษัททำความสะอาดมาทำความสะอาดชายหาดเป็นประจำ ก้อนหิน เปลือกหอยและขยะถูกกำจัดไปหมดจด
หู่จือและเป้าจือมีความอดทนสูงมาก เมื่อพวกมันหาในบริเวณชายหาดไม่เจอ ก็วิ่งไปทางฟาร์มปลา แล้วไปหาที่อื่นต่อ
แน่นอนว่าในฟาร์มปลามีหินจำนวนไม่น้อย ไม่นาน หู่จือก็วิ่งกลับมาพร้อมกับก้อนหินหนึ่งก้อน ฉินสือโอวรับก้อนหินมาด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเสียงฝูงห่านก็ดังขึ้น
ฉินสือโอวเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เห็นห่านกลุ่มหนึ่งกระพือปีกและพุ่งเข้ามา ข้างหน้าฝูงห่านคือเป้าจือ มันอ้าปากค้าง ในปากของมันมีของชิ้นหนึ่งที่ขาวดั่งหิมะ ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“ให้ตายเถอะ ไข่ห่าน?!” ฉินสือโอวเบิกตามองและอุทานออกมาอย่างตกใจ
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset