ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 508 ความพิโรธแห่งโพไซดอน

หลังจากผลสำรวจรอบเรือประมงลำนี้เสร็จ เส้นเลือดทุกจุดบนตัวของฉินสือโอวก็เดือดพล่าน ราวกับถูกเผาจนตัวแดง
โกรธจนสุดขีด!
รอบเรือลำนี้เต็มไปด้วยเลือดแดงเข้ม แม้แต่คลื่นในทะเลก็ซัดเลือดในน้ำให้จางไปไม่หมด
ปลาวาฬหลังค่อมตัวหนึ่งลอยส่งเสียงโหยหวนอยู่ด้านหน้า เสียงหัวเราะของคนบนเรือแหลมจนแสบแก้วหู พวกเขาเคลื่อนเครื่องยิงออกมา แล้ววางหอกแหลมที่หนาเท่าแขนยาวประมาณ 2 เมตร พร้อมกับยิงไปบนตัววาฬหลังค่อมตัวนั้น เมื่อเครื่องค่อยๆ ขดโซ่กลับมา ปลาวาฬตัวนั้นก็ถูกลากขึ้นเรือไปด้วย
บัดนี้วาฬหลังค่อมตัวนั้นก็ใกล้จะสิ้นลมแล้ว เมื่อถูกลากขึ้นเรือก็คงต้องยอมรับชะตากรรม ลูกเรือคนหนึ่งเดินถือปืนงันเข้าไปช็อตบริเวณหัวใจของวาฬรอบแล้วรอบเล่า
แม้จะเป็นวาฬตัวใหญ่แต่ก็ทนความทรมานไม่ไหว สุดท้ายหัวใจก็หยุดเต้นและตายไปในที่สุด…
ยังมีการตายที่ทรมานกว่านี้อีกเหรอ?
มี! ยังมีจริงๆ!
ในทะเลใต้เรือประมงนี้ มีฉลามที่ขาดครีบลอยรอความตายอย่างสิ้นหวังอยู่ 10 กว่าตัว เลือดของพวกมันค่อยๆ ไหลออกจากแผลที่น่ากลัวบนตัว จนพรากชีวิตของพวกมันไปในที่สุด
ฉลามที่ไร้ครีบก็เหมือนเสือที่ไร้แขนขา พวกมันไม่ใช่นักล่าผู้ห้าวหาญในทะเลอีกต่อไป เป็นเพียงปลาที่ลอยรอความตายอยู่นิ่งๆ เท่านั้น บาดแผลขนาดใหญ่เพียงนี้ ถึงแม้ไม่ตายเพราะขาดเลือดพวกมันก็คงอดตายอยู่ดี
เลือดบนตัวของฉลามและปลาวาฬไหลรวมกันในทะเล ดึงดูดให้ฉลามที่ไม่รู้สาเหตุว่ายเข้ามา เมื่อเครื่องมือสำรวจตรวจพบ แหและหอกบนเรือประมงก็จะพุ่งออกมาในทันที เครื่องมือการล่าครบครันทำให้ปลาวาฬและฉลามที่ถูกตรวจพบไม่มีที่ให้หนี
ระหว่างที่เพ่งจิตสำนึกโพไซดอน ฉินสือโอวก็พบกับฉลามขาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่กำลังว่ายเข้ามา พวกมันเป็นสัตว์นักล่าในท้องทะเลที่มีจมูกที่ไวต่อกลิ่นเลือดเป็นพิเศษ
สัมผัสนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกมันล่าอาหารได้ง่ายขึ้น แต่ในตอนนี้กลับถูกคนไม่หวังดีใช้ประโยชน์เพื่อล่าพวกมันเป็นอาหารแทน
ทางออกไปไม่ไกล ผู้ควบคุมกางในห้องควบคุมก็สังเกตเห็นฉลามขาวตัวนั้นพอดี จึงรีบประกาศขึ้น “ทุกคนเตรียมพร้อม! ฉลามขาวตัวใหญ่ว่ายเข้ามาใกล้แล้ว!”
“ครับ! คุณยามาโมโตะไว้ใจได้เลย พวกผมจะรีบเชิญมันขึ้นมาบนเรือเอง!” ทุกคนหัวเราะเสียงดัง
เมื่อผู้ควบคุมกลางประกาศเตือน ลูกเรือก็รีบเก็บเครื่องมือล่าวาฬแล้วเปิดช่องดึงฉลามออกมา เพื่อเตรียมดึงฉลามขาวที่ถูกลิขิตให้ติดแหนั้นขึ้นมา
ระหว่างที่ลูกเรือกำลังเตรียมแห ผู้ควบคุมกลางก็ขึ้นแท่นประกาศอีกครั้ง : “ทุกคนเตรียมตัว! ด้านหน้าห่างออกไปประมาณ 500 เมตรมีวาฬโผล่มา! จากการสังเกตคาดว่าจะเป็นวาฬแอตแลนติกเหนือ!”
หอสังเกตการณ์ของเรือไดโตะโชวะมารุอยู่บนเสากระโดงเรือ จึงมองเห็นรอบๆ ได้อย่างชัดเจนแถมยังมีกล้องโทรทรรศน์อิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยในการสังเกตอีกด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของนักสังเกต ลูกเรือทุกคนก็รีบเร่งมือกันทันที สักพักก็มีคนถามขึ้น “พวกเราต้องล่าฉลามหรือล่าวาฬก่อนดี? ชินากาว่าไปถามกัปตันพายุให้ที!”
“ได้ครับรุ่นพี่อินุคามิ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ!” วัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งไปยังหัวเรือ
บนเรือไดโตะโชวะมารุยศตำแหน่งเป็นสิ่งที่เคร่งครัด ไม่เพียงแต่ยศตำแหน่งเท่านั้นที่สำคัญ ยังมีตำแหน่งอื่นอีกด้วย ซึ่งแยกได้จากการขานนาม
ลูกเรืออาวุโสจะเรียกซาโต้ ไทชิว่ากัปตันพายุด้วยความสนิทสนม ซึ่งลูกเรือใหม่ต้องเรียกว่ากัปตันโชเอเท่านั้น ซึ่งงานนี้เกี่ยวข้องกับอายุงานบนเรือเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับยศบนเรือ ดังนั้นทามุระที่เป็นรองกัปตันจึงต้องเรียกซาโต้ ไทชิว่ากัปตันโชเอ
เมื่อได้ยินคำรายงาน ซาโต้ ไทชิก็สูบบุหรี่คำสุดท้ายแล้วโยนทิ้งพร้อมกับพูดว่า “ดีมาก! พบปลาวาฬและฉลามในเวลาเดียวกันอย่างนั้นเหรอ? แถมยังเป็นวันแอตแลนติกอีกด้วย? สุริยาเทพีช่างมีเมตตากับพวกเราเหลือเกิน”
“กัปตันครับ พวกเราควรล่าตัวไหนก่อนดีครับ? รบกวนสั่งการด้วย” ลูกเรือถามอย่างตื่นเต้น
ซาโต้ ไทชิหัวเราะอย่างมั่นใจ “คุณชินากาว่า ดูเหมือนว่าคุณไม่กล้าหาญสักเท่าไรเลยนะ ทำไมเราต้องเลือกว่าจะล่าตัวไหนล่ะ? เอาเถอะ! ผมจะไปควบคุมเครื่องหอกล่าวาฬด้วยตัวเอง เราล่าปลาใหญ่ทั้ง 2 ตัวในทีเดียวไม่ดีกว่าเหรอ?”
“กัปตันโชเอช่างฉลาดเหลือเกินครับ!” ทามุระพูดเลียแข้งเลียขาจนชินากาว่าที่ยืนอยู่ด้านข้างเบ้ปากมองบน
ฉินสือโอวสังเกตเห็นปลาทั้ง 2 ตัวนั้นก่อนคนบนเรือด้วยซ้ำ เมื่อเจอตัวปลาทั้งสองเสียงก็แยกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกเป็น 2 ส่วน แล้วควบคุมปลา 2 ตัวนั้นดำลงใต้ทะเลลึก
เมื่อปลาวาฬว่ายลึกลงไป ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำรวจหรือเครื่องส่งเสียงเตือนก็ไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากว่าพวกเขาก็มีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน
เมื่อซาโต้ ไทชิมาถึงดาดฟ้าเรือ ก็ไม่พบฉลามและปลาวาฬเลยแม้แต่ตัวเดียว เขาถึงทำหน้าดุแล้วพูดขึ้น : “พวกโง่! พวกแกกำลังล้อเล่นกับฉันเหรอ? ยามาโมโตะยูกิ! อิจิมะยูยะ! พวกบ้าใส่หัวมาเดี๋ยวนี้! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ซาโต้ ไทชิโกรธจนหน้าแดง ฉินสือโอวก็โกรธไม่แพ้กัน ไม่เห็นฉลามที่รอคอยความตายอยู่ใต้ทะเล และปลาวาฬที่ตายอย่างน่าสงสาร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือของคนญี่ปุ่นพวกนี้ คนบนโลกนี้ก็มีแต่คนหน้าด้านกลุ่มนี้เท่านั้นที่จะทำเรื่องพวกนี้ได้
ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก็มีกฎหมายที่ห้ามล่าปลาวาฬและฉลามทั้งนั้น
เมื่อขยับขึ้นไปเป็นค่ามาตรฐานโลก คนที่ยังคงล่าวาฬและฉลามก็ยังคงเป็นคนญี่ปุ่นอยู่ดี พวกเขาใช้ปลาวาฬและฉลามในการทำวิจัย แถมยังใช้ข้ออ้างที่ว่าประชาชนญี่ปุ่นต้องการโปรตีนจากปลาวาฬ ผู้คนห้ามซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังทำ ทำให้คนทั้งโลกพากันเกลียดชัง!
นี่ก็ถือว่าเป็นโชคชะตาอย่างหนึ่ง เพราะฉินสือโอวกำลังเตรียมที่จะไปทำธุรกิจที่ญี่ปุ่นพอดี คนญี่ปุ่นส่งคนมาล่าวาฬในเขตของเขาก่อนเสียแล้ว ดีมาก! ในเมื่อได้รับมาเราก็ต้องตอบแทนกลับบ้าง พวกสุนัขญี่ปุ่นเตรียมตัวรับความพิโรธแห่งโพไซดอนได้เลย!
ฉินสือโอวไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน ราวกับว่ามีไฟกำลังลุกลามจากจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนเข้าสู่หัวใจของเขา เผาไหม้จนเขารู้สึกทรมานไปทั้งตัว เผาไหม้จนเขาอยากที่จะถล่มเรือลำนี้ไปซะ!
ใต้ความโกรธที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คลื่นน้ำค่อยๆ ขยายตัวเป็นวงกว้าง พลังแห่งโพไซดอนค่อยๆ ผลักคลื่นให้เชี่ยวจนชนกัน ทำให้กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ใต้ท้องทะเล!
เมื่อรับรู้ถึงความน่ากลัวของแรงพิโรธนี้ ฉลามขาวและปลาวาฬแอตแลนติกต่างก็พากันมุดตัวอยู่ใต้ทะเล พยายามแนบชิดกับก้นทะเลเพื่อไม่ให้ตนถูกพัดไปกับคลื่นอันน่ากลัวนี้ ถึงแม้ว่าคลื่นนี้จะทำอะไรทั้งคู่ไม่ได้ แต่พวกเขาก็กลัวอยู่ดี ความกลัวจากจิตใต้สำนึกค่อยๆ โผล่ขึ้นในตัวของทั้งคู่
‘โครม!’ เสียงคลื่นซัดดัง คลื่นลูกแรกซัดขึ้นบริเวณผิวน้ำราวกับระเบิดที่พุ่งเข้าหัวเรือไดโตะโชวะมารุ
เมื่อโดนคลื่นซัด เรือไดโตะโชวะมารุที่มีขนาดเพียงพันกว่าตันก็สั่นสะเทือนไปทั้งลำ จนลอยถอยหลังไป 10 กว่าเมตรราวกับเรือกระดาษ
เรือสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ซาโต้ ไทชิและลูกเรือถูกแรงกระแทกเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว พวกเขาถูกซัดจนกลิ้งไปมาบนเรือราวกับลูกน้ำเต้า
ทามุระผู้โชคร้าย ชนเข้าใต้คางของซาโต้ ไทชิจนหัวโนเป็นซาลาเปา ซึ่งซาโต้ ไทชิเองก็ปากแตกจากการกระแทกของฟันเช่นกัน
“ฝาคายาโหล!” ซาโต้ ไทชิปวดจนพูดไม่ชัด คำว่า ‘บากะยาโร่’ ถูกกลืนเข้าไปในลำคอแทน เมื่อเขากำลังจะเปิดปากด่าอีกครั้ง คลื่นรอบ 2 ก็ซัดเข้ามาพอดี…
………………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset