ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 510 กักตัวเอาไว้

เครื่องบินแทรกเตอร์สีเหลืองอ่อนกำลังบินด้วยความเร็วสูง วิสัยทัศน์บนเครื่องบินดีมาก ฉินสือโอวนั่งอยู่ในตำแหน่งด้านข้างคนขับเครื่องบินข้างๆ เบิร์ด เบิร์ดคอยขับเครื่องบิน ส่วนเขาก็นั่งเฉยๆ
นีลเซ็นถือปืนกลดัดแปลง M60 นั่งตรงตำแหน่งประตูผู้โดยสาร พูดกับชาร์คที่นั่งด้านหลัง “โอว เพื่อน มันสุดยอดจริงๆ! ฉันเหมือนได้กลับมาอยู่ที่กองทัพเลย แต่ว่าตอนนั้นฉันถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงไม่ใช่ปืนกลหรอกนะ!”
ชาร์คหัวเราะเสียงดัง “นายกลับไปได้นะ ฉันคิดว่าที่แคนาดาตอนนี้ยังขาดแคลนทหารอีกมาก”
นีลเซ็นส่ายหัวไปมาเหมือนของเล่นป๋องแป๋ง “ พูดเป็นเล่น! ฉันไม่กลับไปหรอก ไม่มีเหล้า ไม่มีสาวสวย ไม่มีรายได้ที่สูงขนาดนี้ แล้วยังต้องทะเลาะกับพวกทหารกันเองอีก เซ็งตายเลยแบบนั้น!”
เบิร์ดขับเครื่องบินไปอย่างเงียบๆ เขามองไปที่ฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “บอส คุณสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไหวไหมครับ?”
เขานึกว่าฉินสือโอวกลัวความสูง แต่จริงๆ แล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตอนนี้อารมณ์ความรู้สึกปนเปไปหมด ภายในใจของฉินสือโอวมีทั้งความโศกเศร้าที่ฉลามและวาฬตายไปจำนวนมาก ความโกรธแค้นต่อเรือที่มาจับวาฬไป ทำให้เขาลืมโรคกลัวความสูงไปเสียสนิท
ฉินสือโอวหน้าซีดเผือด เพราะพลังโพไซดอนเกินขีดจำกัด ตราบใดที่ไม่ใช่ตอนที่เครื่องบินบินขึ้นหรือลงจอด อยู่แค่บนเครื่องบินเฉยๆ เขาจะไม่กลัวการบินที่ความสูงระดับนี้เลย
คลื่นยังคงเคลื่อนไหวเป็นระลอกอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ พาเรือไดโตะโชวะมารุไปสู่ส่วนที่ลึกของฟาร์มปลา ตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างจากเกาะแฟร์เวลไม่ถึง 200 กิโลเมตร นับว่าได้รุกล้ำพื้นที่ฟาร์มปลาส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว
แผนการของฉินสือโอวก็คือ ต้อนพวกมันไปที่ฟาร์มปลา หลังจากนั้นก็กักตัวเอาไว้ และดำเนินคดีกับพวกมันสำหรับความผิดในการจับกุมข้ามแดน!
ชาวประมงบนเรือไดโตะโชวะมารุรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล ซาโต้ ไทชิมีความกังวลเพราะเขารู้ดีว่าเรือของเขาได้เข้าสู่น่านน้ำของประเทศแคนาดาแล้ว ถ้าตอนนี้เกิดมีหน่วยยามชายฝั่งมาพบเข้า คงเกิดเรื่องไม่ดีตามมาแน่
เรือของเขาแล่นในทะเลหลวงได้อย่างอิสระเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะข้ามมาในเขตสหรัฐอเมริกาหรือแคนาดาไม่ได้หรอกนะ แต่ก่อนข้ามจะต้องไปที่กรมศุลกากรเพื่อทำบันทึกและตรวจสอบหนังสือเดินทางก่อน มิเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับการลักลอบข้ามแดน!
ซาโต้ ไทชิไร้หนทางอื่น คลื่นยังหมุนวนเป็นเกลียวอย่างต่อเนื่อง ระลอกคลื่นที่ซัดมาทีหลังแม้จะเบาลงหน่อย แต่เมื่อมองไปรอบๆ กลับยังเห็นเพียงน้ำทะเลที่ปั่นป่วน และเพื่อความปลอดภัยเขาก็ไม่กล้าขับกลับไปตอนนี้ เพราะใครจะรู้ว่าในที่ไกลโพ้นออกไปอาจจะมีคลื่นยักษ์รออยู่หรือไม่?
ตอนนี้ยิ่งขับมาใกล้ชายฝั่ง คลื่นก็ยิ่งเบาลง ซาโต้ ไทชินึกว่าเขาออกมาจากแนวแผ่นดินไหวของประเทศเฮติหรือไม่ก็ตำแหน่งภูเขาไฟใต้น้ำได้แล้ว แต่ที่จริงแล้วนี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ เพราะพลังโพไซดอนของฉินสือโอวเริ่มไม่เพียงพอ จึงก่อคลื่นสูงไม่ได้
รอจนคลื่นเบาลงจนไม่เป็นอันตรายต่อเรือประมงแล้ว ซาโต้ ไทชิก็ให้ทามุระ อาโออิ เปลี่ยนทิศทางหางเสือมุ่งหน้าไปเมืองเซนต์จอห์นที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อไปกรมศุลกากรลงทะเบียนทันที
โชคดีที่ว่า พวกเขาไม่ได้พบเข้ากับหน่วยยามชายฝั่ง จึงทำให้ซาโต้ ไทชิที่ตอนแรกรู้สึกกังวลดีขึ้น พูดกับลูกเรือที่อยู่ข้างกายด้วยรอยยิ้มว่า “หากลืมที่จะเตรียมพร้อมเมื่อมีภัยมาย่อมตกอยู่ในอันตราย! ชีวิตของคนแคนาดาสบายมากไปแล้ว กองทัพเรือของพวกเขาไม่สามารถป้องกันแม้แต่ชายแดนของตัวเองได้ ถ้าอยู่ในช่วงสงครามแล้วละก็…”
“กัปตันหนุ่มลมทะเล มีเครื่องบินลำหนึ่งบินมาทางนี้!” ทามุระ อาโออิตะโกนบอก เขาคิดว่าตัวเขาเองก็เคยร่วมผ่านอุปสรรคทั้งความเป็นความตายมากับซาโต้ ไทชิ ความสัมพันธ์จึงแนบแน่นขึ้นมาอีกขั้น การที่เรียกชื่อเล่นว่า ‘หนุ่มลมทะเล’ ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
ซาโต้ ไทชิที่กำลังโอ้อวดยกใหญ่ กลับถูกทามุระ อาโออิมาขัดจังหวะทำให้เขาไม่พึงพอใจ แต่เนื่องด้วยมีเครื่องบินกำลังบินมาทางนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นตำรวจทะเลส่งมาหรือเปล่า เขาจึงเริ่มรู้สึกประหม่า จึงไม่ได้ก่นด่าทามุระ อาโออิแต่มองไปทางทิศเหนือแทน
เครื่องบินแทรกเตอร์สีเหลืองอ่อนลักษณะน่าเกรงขามปรากฏตัวออกมา แต่พอซาโต้ ไทชิเห็นชัดก็ถอนใจโล่งอก ตะโกนใส่ด้วยความโกรธ “แหกตาหมาๆ ของนายดูก่อน คุณทามุระ! ช่วยดูให้ชัดก่อนว่าเป็นใครแล้วค่อยรายงาน ฉันตอนนี้เริ่มสงสัยความสามารถในการทำงานของนายแล้วล่ะ ไอ้โง่!”
“โอเค โอเค! ผมไม่รู้จักกาลเทศะเอง ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยหนุ่มลมทะเล!” ทามุระ อาโออิตื่นตระหนกในทันที
แต่เสียงที่ดังออกมาจากวิทยุหลังจากนั้นทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าเดิม “คนญี่ปุ่น ทอดสมอแล้วหยุดเรือเดี๋ยวนี้ ตอนนี้พวกคุณได้รุกล้ำมาที่น่านน้ำประเทศแคนาดาและฟาร์มปลาส่วนตัวของพวกเราแล้ว พวกเราจำเป็นต้องยึดเรือของพวกคุณซะ!”
การเดินทางไกลในมหาสมุทรจำเป็นต้องมีล่าม การที่ทามุระ อาโออิสามารถเปลี่ยนจากเรือลำเล็กขึ้นไปที่เรือไดโตะโชวะมารุได้ หลักๆ แล้วก็พึ่งพาภาษาอังกฤษอันคล่องแคล่วของเขาทั้งนั้น หลังจากที่เบิร์ดอธิบายทุกอย่างช้าๆ ชัดๆ ให้ฟังจนหมด หลังของเขาก็ท่วมไปด้วยเหงื่อเย็นยะเยียบ
พอซาโต้ ไทชิกำลังจะสั่งสอนลูกเรือของเขาต่อ ทามุระ อาโออิก็ตะโกนลงมาจากห้องคนขับด้วยความหวาดกลัว “กัปตัน คนที่อยู่บนเครื่องบินลำนั้นบอกว่าพวกเรารุกล้ำเขตแดนฟาร์มปลาของพวกเขาแล้ว และจะกักตัวพวกเราไว้!”
พอได้ยินทามุระ อาโออิบอกเช่นนี้ ซาโต้ ไทชิก็รู้สึกกลัวขึ้นมา เพราะยังไงก็อยู่ต่างแดนไกลจากบ้าน จึงง่ายนักที่จะถูกคนรังแก
อย่างไรก็ตามเขาก็ผ่านโลกและรู้อะไรมามาก จึงรู้ว่าความสัมพันธ์ทางการทูตของญี่ปุ่นและอเมริกาเหนือมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยทั่วไปก็ไม่มีข้อขัดแย้งอะไรในเรื่องใหญ่ๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ตื่นตระหนกเท่ากับทามุระ อาโออิ
บนเครื่องบินแทรกเตอร์ หลังจากที่เบิร์ดตะโกนเสร็จก็รีบกดแท่นบังคับลง เครื่องบินจึงค่อยๆ บินต่ำลง ฉินสือโอวแบกปืนไว้ และยืนเรียงกันสี่คนอยู่ตรงประตูทางออกกับนีลเซ็น บูล และซีมอนสเตอร์
นีลเซ็นอธิบายจุดที่สำคัญในการกระโดดร่มให้ทุกคนฟัง “กางแขนออกไปด้านหน้า พอลงไปในน้ำอย่าเพิ่งรีบร้อนลอยตัว ปล่อยตัวว่ายไปอย่างอิสระสักพักค่อยถีบตัวลอยขึ้นมา ไม่ต้องตื่นเต้นนะ เพราะว่าทักษะในการขับของเบิร์ดยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ระยะห่างจากผิวน้ำจึงไม่สูงมาก ทุกคนแค่กระโดดลงไปอย่างไม่ต้องกังวลก็พอแล้ว…”
แล้วก็จริงอย่างที่ว่า เบิร์ดสามารถขับเครื่องบินแทรกเตอร์ราวกับเป็นเครื่องบินที่แล่นบนผืนน้ำ เขาบังคับให้เครื่องบินแล่นลงจนสามารถอยู่เหนือผิวน้ำเพียงสามถึงสี่เมตร ถ้ายังดิ่งลงไปอีกก็คงจะมุดลงไปในน้ำเรียบร้อยแล้ว
ฉินสือโอวหลับตา เหยียดแขนสองข้างออกแล้วกระโดดลงไป
ความสูงต่ำมาก เพียงชั่วพริบตา เขาก็รู้สึกได้ถึงน้ำทะเลที่ให้ความรู้สึกสบาย
หัวใจโพไซดอนไม่ได้ทำให้เขาแค่ควบคุมน้ำทะเลได้เท่านั้น แต่ยังสามารถว่ายไปมาได้อย่างอิสระได้อีกด้วย เขาไม่จำเป็นต้องว่ายลงไปใต้น้ำเพื่อปรับพลังงานศักย์โน้มถ่วงที่อยู่ในร่างกายก่อน เพราะน้ำทะเลจะชดเชยพลังงานส่วนนี้ให้เขา เขาจึงว่ายผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำได้เลย
ทั้งสี่คนกระโดดตามกันมา เบิร์ดดึงแท่นบังคับขึ้นอย่างใจเย็น เครื่องบินแทรกเตอร์ที่เกือบจะแนบติดผิวน้ำส่งเสียงดังก่อนที่จะโบยบินขึ้นไป!
ชาวประมงที่อยู่บนเรือไดโตะโชวะมารุต่างตกตะลึง นี่มันเครื่องบินที่ใช้ในเกษตรกรรมหรือว่าเครื่องบินรบกันแน่? ยังสามารถทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
หลังจากที่ทะยานขึ้นไปแล้ว เบิร์ดจึงใช้วิทยุออกคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง “โปรดจอดเรือ! คนญี่ปุ่น โปรดทอดสมอแล้วจอดเดี๋ยวนี้! ถ้ายังจะขับต่อไปอีก พวกเราจะถือว่าพวกคุณจงใจยั่วยุ และในฐานะผู้มีอำนาจอธิปไตย พวกเรามีสิทธิ์ตอบโต้ได้ทันที!”
แน่นอนว่าซาโต้ ไทชิหยุดเรือไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนี้คิดจะทำอะไร? เขารู้แค่ว่าพวกเจ้าหน้าที่ข้าราชการที่แคนาดากับอเมริกาเป็นประเภทคุยด้วยง่าย ดังนั้นจึงตะโกนบอกทามุระ อาโออิว่า “เร่งเครื่อง! เร่งเครื่องมุ่งไปที่เมืองเซนต์จอห์นเลย!”
แต่ความเร็วมากสุดของเรือล่าปลาวาฬก็ไม่เกิน 20 นอต จะเร็วกว่าเครื่องบินได้อย่างไรกันเล่า? ต่อให้นี่เป็นแค่เครื่องบินเกษตรกรรมก็ตาม!
เบิร์ดพยักหน้าให้ชาร์ค หลังจากนั้นบังคับให้เครื่องบินบินเป็นวงรอบใหญ่หนึ่งรอบ ไปที่เรือประมง
ชาร์คเปิดช่องประตูส่งอาหารออก แล้วเปิดลังน้ำทะเลที่ได้ผสมยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์แกโนฟอสฟอรัสอยู่ออกมาด้วย เพียงพริบตาก็เหมือนฝนตกลงมาห่าใหญ่ น้ำยาฆ่าแมลงจำนวนมากเทสาดลงมาจากเครื่องบิน ทุกคนเปียกชุ่มเหมือนลูกหมาตกน้ำ ยกเว้นแต่ทามุระ อาโออิที่หลบอยู่ในห้องคนขับ…
 ……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset