ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 513 ประเพณีที่แตกต่าง

เบิร์ดมองไปที่วินนี่อย่างระมัดระวังแล้วพูดขึ้น “ผมคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศที่แตกต่างกัน บางทีเราอาจจะให้นายผู้หญิงลองพูดดู เธอน่าจะมีความเห็นที่ไม่เหมือนใคร”
วินนี่เม้มปากแล้วอมยิ้ม เธอยังไม่ทันได้พูด ฉินสือโอวก็พูดขึ้นก่อน “ถ้าจะพูดถึงความคิดที่เอกลักษณ์พวกนายควรถามฉัน สำหรับคนแคนาดา พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเป็นงานที่ทั้งอันตรายและเหนื่อย ไม่ต่างอะไรมากจากพนักงานให้บริการทั่วไป แต่สำหรับคนญี่ปุ่น ฮิฮิ…”
วินนี่แตะไปที่ฉินสือโอวเบาๆ แสร้งทำเป็นงอนใส่ “ไม่เข้าใจก็อย่าพูดมั่วซั่วนะคะ ก็เหมือนที่เบิร์ดบอกแบบนั้นแหละ วัฒนธรรมแตกต่างกันก็เท่านั้น ประเทศในแถบเอเชียจะคิดว่าสายการบินระหว่างประเทศเป็นเหมือนหน้าตาของประเทศ แต่ทางแถบอเมริกาเหนือกลับคิดว่าเป็นแค่เครื่องมือทางการคมนาคม การให้ความสำคัญถึงไม่เหมือนกัน รายได้ก็แตกต่างกันเช่นกันค่ะ”
ฉินสือโอวน้อยใจ “ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกันนี่นา คุณให้ผมพูดให้จบก่อนสิ”
อีวิลสันก้มหน้าสวาปามทุกสิ่ง อาหารอันแสนประณีตบนเครื่องบินเกลี้ยงในพริบตา หลังจากนั้นมองไปที่ฉินสือโอวพูดเสียงอ่อนว่า “ยังหิว”
ฉินสือโอวหัวเราะ การนั่งเครื่องบินแบบนี้ไม่ต้องกลัวคนกินจุแบบอีวิลสันเลย เพราะว่าสายการบินระหว่างประเทศมีบุฟเฟต์บริการให้ฟรี โดยเฉพาะชั้นเฟิร์สคลาสที่พวกเขานั่ง บุฟเฟต์มีล้นเหลือ
วินนี่เรียกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เป็นสาวงามคนหนึ่งมา เธอมีความเกรงใจต่อเพื่อนร่วมงานในอดีตพวกนี้ ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างใจดีว่า “คุณช่วยพาเพื่อนของเราไปที่ส่วนบุฟเฟ่ต์ของคุณเพื่อทานอาหารได้ไหมคะ เขาค่อนข้างกินจุทีเดียว”
ฉินสือโอวกำลังกินโดรายากิแล้วก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา ค่อนข้างกินจุ? คำพูดของวินนี่ดูจะไม่ตรงกับใจไปซะหน่อย
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินตอบอย่างสุภาพ “ผู้ร่วมทางของคุณนั่งตรงนี้ได้ค่ะ เขาอยากกินอะไรสามารถสั่งพวกเราได้ ดิฉันจะบริการเต็มที่ค่ะ”
อีวิลสันไม่ลังเลแม้แต่น้อย “แฮมเบอร์เกอร์เนื้อกวาง พิซซ่าปลาค็อด ปลาตัวเป่าย่าง ปูราชินีนึ่ง…”
“พวกนี้ไม่มีนะ อีวิลสัน นี่คือบนเครื่องบิน” วินนี่ยิ้มกว้าง เธอมองไปที่พนักงานต้อนรับแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณแล้วค่ะ มีอะไรก็ยกมาได้เลยค่ะ”
เพียงครู่เดียวพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินก็ยกข้าวผัดปูจานใหญ่มา พอเธอกำลังจะเดินจากไป วินนี่ก็รั้งเธอไว้ ยิ้มอย่างเกรงใจแล้วพูดว่า “คุณช่วยรอสักครู่ได้ไหมคะ สักครึ่งนาที?”
ปากใหญ่ของอีวิลสันเริ่มทำงาน ‘ซวบซวบซวบ’ เสียงช้อนกระทบกับจานดังเคร้งดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับก็อ้าปากเล็กๆ ที่เหมือนลูกเชอร์รี่สีแดงเข้ม ไม่ถึงยี่สิบวินาทีด้วยซ้ำ ข้าวผัดปูที่เธอสามารถทานได้ถึงสามมื้อหายไปในพริบตาอย่างนี้เลยเหรอ!
นอกจากบริการด้านอาหารแล้ว สายการบินระหว่างประเทศยังมีบริการนม น้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มพวกสาเก
ฉินสือโอวให้นีลเซ็นไปเอาน้ำผลไม้มาให้ นีลเซ็นบอกว่า “อยู่บนเครื่องบินของญี่ปุ่นกินน้ำผลไม้อะไรกัน ดื่มสาเกดีกว่า…”
“หุบปากไปเลย บอสอยากกินอะไรก็ให้เขาแบบนั้น!” เบิร์ดพูดด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
นีลเซ็นจึงนำน้ำผลไม้มา ฉินสือโอวรู้สึกเสียใจจริงๆ แม่งเอ๊ย นี่มันชั้นเฟิร์สคลาสนะ น้ำผลไม้ไม่ได้คั้นออกมาจากผลไม้สดแน่นอน แต่ดันใช้ผงผลไม้ชงออกมา เขาดื่มน้ำผลไม้คั้นสดทุกวันที่ฟาร์มปลา ดังนั้นปากของเขาจึงคุ้นชินมาก
แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ เขาคงจะต้องดื่มสาเกจริงๆ แล้ว เพราะโดยปกติไวน์หรือเบียร์ที่ฉินสือโอวดื่มเป็นของคุณภาพดีเลิศทั้งนั้น ของที่ทางเครื่องบินบริการคุณภาพยังไม่ผ่าน
นีลเซ็นนำเหล้าสาเกสองขวดมาด้วยสีหน้าแบบ ‘ผมรู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้’ ฉินสือโอวจิบแก้วเล็กๆ อืม ก็ไม่เลวมากนัก รสชาติค่อนข้างนุ่ม มีรสหวานนิดๆ เมื่อดื่มลงไปรสชาติก็ถูกปากทีเดียว
อาหารมื้อกลางวันของฉินสือโอวกินเขากินโดรายากิเล็กน้อย วากาชิ ซูชิปลาเพิร์ช แค่อาหารพวกนี้เท่านั้น ส่วนอาหารอย่างอื่นเขากินไม่ลงจริงๆ
แต่กับเรื่องนี้ อีวิลสันกลับมีความคิดที่ต่างออกไป แค่เห็นท่าทางเหนื่อยโรยของพนักงานต้อนรับสาวสวยก็รู้แล้วว่า เขากินอย่างมีความสุขขนาดไหน
คนอื่นที่นั่งอยู่ด้านหลังชั้นเฟิร์สคลาสก็มองอีวิลสันอย่างสงสัยใคร่รู้ ชายชราผมขาวคนหนึ่งถึงกับพูดกับฉินสือโอวด้วยความอิจฉาว่า “เพื่อนของเธอกินเก่งจริงๆ ถ้าพระเจ้าอนุญาต ฉันก็อยากจะยกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของฉันแลกกับการที่กินอาหารได้แบบนี้อย่างเขา”
อีวิลสันนึกว่าชายชราอยากกินด้วย เขาจึงเอาเทมปุระยื่นให้ “คุณกินสิ”
ชายชราหัวเราะชอบใจ โบกมือแล้วพูดว่า “ขอบคุณมาก พ่อหนุ่ม แต่ตอนนี้ฉันไม่มีความอยากกินอาหารแบบนี้แล้ว”
อีวิลสันกะพริบตาปริบๆ “บอสเงินเยอะมากนะ กินเถอะ”
ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา “พวกเราต้องถ่อมตัว อีวิลสัน บอสไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนท่านนี้นะ”
พอพูดด้วยไม่กี่คำ ชายชราก็เริ่มจับได้ว่าอีวิลสันมีปัญหาด้านการพัฒนาสมองอยู่ เขาไม่ได้ปฏิเสธอีก จึงรับกุ้งทอดตัวหนึ่งไปทาน พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณมาก เด็กน้อยของฉัน รสชาติดีจริงๆ ”
อีวิลสันยิ้มบื้อๆ ก้มหน้ากินต่อไป
เวลาเที่ยงคืน เครื่องบินเตรียมแล่นลงจอดบนโตเกียว ในที่สุดก็มาถึงสนามบินนานาชาติโตเกียว ฮาเนดะ
ฉินสือโอวทนอาการคลื่นไส้อ่อนๆ พยายามมองไปด้านล่าง อย่างไรก็แล้วแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มาญี่ปุ่น และการที่ได้มาเที่ยวเมืองโตเกียวที่โด่งดังในประเทศจีนในช่วงสองสามปีมานี้จึงทำให้เขาเต็มไปด้วยความอยากรู้
หนึ่งในความฝันของเขาเมื่อก่อนคือไปโตเกียวหาสาวญี่ปุ่นที่น่ารัก น่าเสียดายที่ตอนนั้นไม่มีเงิน ไม่มีเวลาและไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้มีเงิน มีเวลาและมีโอกาสแล้ว และเขาก็ยังมีวินนี่ที่เพียบพร้อมมากกว่าอีกด้วย
“ชีวิตคนเรา ไม่เที่ยงจริงๆ” ฉินสือโอวทอดถอนใจออกมา
โตเกียวสมควรแล้วที่จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียและติดอันดับหนึ่งในห้าของโลก เวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ทั้งเมืองก็ยังประดับประดาไปด้วยแสงสี ถ้ามองมาจากฟากฟ้าแล้ว ก็จะเห็นแผ่นดินที่สว่างไสวเต็มไปด้วยแสงไฟ
แสงไฟที่ทั้งสว่างและมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า จึงทำให้เมืองนี้กลายเป็นเมืองแห่งแสงสี
ฉินสือโอวและคนอื่นๆ พอเอากระเป๋าเดินทางแล้วจึงเดินออกจากสนามบิน มองเห็นชายหนุ่มผู้มีชีวิตชีวาในมือยืนถือป้ายรับคนที่สนามบินท่ามกลางฝูงชนมากมาย บนป้ายเขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับคุณฉินสือโอวที่เดินทางมาไกลจากแคนาดา’
ก่อนที่จะมาโตเกียว บัตเลอร์หนวดเฟิ้มโทรหาเขาก่อนบอกว่าจะมีคนมารับที่สนามบิน เป็นพนักงานของบริษัทคิโยมุระ ซึ่งบริษัทนี้สนใจปลาทูน่าเป็นอย่างมาก
พอเห็นชายหนุ่มคนนี้ ฉินสือโอวก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร จึงเดินเข้าไปทักทาย “สวัสดีครับ คุณใช่พนักงานของบริษัทคิโยมุระใช่ไหมครับ?”
ชายหนุ่มพอเห็นเขากับวินนี่ ก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าออกมา แล้วก้มคำนับเก้าสิบองศา พูดด้วยความเคารพว่า “ใช่ครับ สวัสดีครับ คุณต้องเป็นคุณฉิน? สวัสดีครับ ผมนิชิมุระ เป็นผู้ช่วยประธานของบริษัทคิโยมุระครับ ยินดีต้อนรับคุณสู่โตเกียวและผมอยากจะต้อนรับคุณอย่างอบอุ่นในนามของท่านประธานเทซึกะ โคตะของเราด้วยครับ”
“ขอบคุณมาก คุณกระตือรือร้นมาก” ฉินสือโอวก็ก้มโค้งคำนับเช่นกัน เขาต้องทำให้คนญี่ปุ่นรู้ว่าเขามีมารยาทยิ่งกว่า
พอเขาก้มคำนับ นิชิมุระตื่นเต้นดีใจเล็กน้อย รีบบอกว่า “คุณเกรงใจไปแล้วครับ คุณฉิน ประธานของเราได้จัดเตรียมโรงแรมให้ไว้คุณเรียบร้อยแล้ว เชิญตามผมมาก่อนนะครับ?”
ฉินสือโอวได้บอกไว้แล้วว่าจะมากันห้าคน นิชิมุระจึงขับรถผู้บริหารโตโยต้ามาหนึ่งคัน ฉินสือโอวไม่เคยเห็นรุ่นนี้มาก่อน น่าจะยังไม่มีในตลาดประเทศจีน พื้นที่ในรถผู้บริหารแบบนี้กว้างขวางมาก ขนาดอีวิลสันตัวอ้วนใหญ่ยังนั่งข้างคนขับได้สบายๆ
หลังจากขึ้นรถเรียบร้อย นิชิมุระจึงแจ้งก่อนว่า “ได้โปรดให้อภัยด้วยนะครับ คุณฉิน การจราจรในโตเกียวไม่ค่อยคล่องมากนัก จึงอาจจะทำให้เสียเวลานิดหน่อย”
ฉินสือโอวไม่เคยชินกับความสุภาพแบบนี้ ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร คุณนิชิมุระ พวกเราไม่ต้องใช้คำว่า ‘คุณ’ มานำหน้าหรอก เรียกตามใจเลย”
นิชิมุระส่ายหน้า “ได้ที่ไหนกันล่ะครับ? คุณเป็นผู้อาวุโสกว่า เป็นแขกผู้มีเกียรติของท่านประธานของเรา ความเคารพที่ผมมีต่อคุณมาจากใจล้วนๆ ครับ”
ฉินสือโอวฝืนยิ้มแบบไม่มีประโยชน์ จะเรียกยังไงก็เรียกเถอะ จะบอกว่าเป็นความเคารพที่มาจากใจเหรอ? ไร้สาระไปหน่อย เธอไม่ได้ด่าฉันในใจก็ดีขนาดไหนแล้ว
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset