ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 515 ตลาดปลาสึกิจิ

คนที่มารับฉินสือโอวและบัตเลอร์ยังคงเป็นนิชิมุระ
ไม่รู้ว่าเมื่อวานเขาถึงบ้านกี่โมง แต่เช้านี้ก็ยังคงมาทำงานตามปกติ และเต็มไปด้วยความสดชื่น ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความขยันและอดทนของคนญี่ปุ่น ได้ยินมาว่าโตเกียวเป็นเมืองที่ฝึกฝนให้คนทนต่อความกดดันได้ดีที่สุดในโลก ดูท่าแล้วจะเป็นอย่างสมคำร่ำลือ
พอรับคนสองคนที่หน้าทางเข้าประตูแล้ว นิชิมุระก็พาเขาสองคนเข้าไปในห้องทำงานท่านประธานด้วยความกระตือรือร้น
ฉินสือโอวจำได้ว่านิชิมุระคือผู้ช่วยของท่านประธาน นึกว่าตำแหน่งนี้จะสูงส่งและก็คงเดินทำงานไปมาแถวละแวกห้องท่านประธาน แต่พอเขาได้เข้าไปในห้องทำงานท่านประธานจึงรู้ว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด นิชิมุระไปที่ห้องทำงานของฝ่ายบุคคล
บัตเลอร์เห็นว่าเขาดูสงสัยอะไรบางอย่างจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ฉินสือโอวพอพูดให้ฟังเสร็จ หนุ่มหนวดเฟิ้มก็หัวเราะออกมา “เมื่อต้องออกไปต้อนรับแขก พนักงานที่ฝ่ายบุคคลทุกคนต่างก็สามารถเรียกตัวเองได้ว่าเป็นผู้ช่วยท่านประธานทั้งนั้น”
ฉินสือโอวพยักหน้าเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ชื่อตำแหน่งเพื่อหน้าตานั่นเอง
ไม่ต้องพูดถึงศักยภาพของบริษัทคิโยมุระให้มากความ เพราะแค่ดูจากขนาดห้องทำงานท่านประธานของพวกเขาก็รับรู้ได้ การที่จะสามารถมีห้องทำงานได้ร้อยกว่าตารางเมตรในเมืองโตเกียวที่ที่แพงแสนแพงแบบนี้ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว
ภายในห้องประดับเรียบง่ายแต่มีระดับ โดยมีโปสเตอร์ของปลาหายากเช่นปลาทูน่าครีบน้ำเงินและปลาไหลอเมริกันแขวนอยู่บนผนัง บนโต๊ะมีโมเดลเรือประมงและกรอบรูปตั้งโต๊ะตั้งอยู่ ภายในกรอบรูปนั้นน่าจะเป็นรูปท่านประธานและครอบครัว นอกจากนั้นแล้ว มุมหนึ่งในห้องยังปรับใช้ให้เป็นเหมือนสนามกอล์ฟ ซึ่งเห็นชัดเลยว่าท่านประธานจะต้องเป็นนักกอล์ฟตัวยง
ตอนที่ฉินสือโอวและบัตเลอร์เข้าไปในห้องทำงานด้านในไม่มีใครอยู่เลย แต่เพียงไม่นานก็มีคนผลักประตูเข้ามา เป็นชายวัยกลางคนสูงราว 170 กว่า สวมแว่นสายตาสั้น รูปร่างออกไปทางอ้วนท้วมเล็กน้อย มักมีรอยยิ้มจางๆ อยู่บนใบหน้าเขาเสมอ
พอเห็นฉินสือโอวและบัตเลอร์ ชายวัยกลางคนก้มโค้งคำนับลง 90 องศาดัง ‘พั่บ’ หลังจากนั้นก็ยื่นมือทักทาย “สวัสดีครับ คุณฉิน ยินดีต้อนรับสู่บริษัทครับ ผมคือเทซึกะ โคตะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ภาษาอังกฤษของเทซึกะ โคตะดีมาก ตอนที่ฉินสือโอวจับมือทักทายกับเขาก็ใช้จุดนี้ชื่นชมเขาไปด้วย เขาจึงยิ้มน้อยๆ “เป็นเกียรติมากครับที่ได้รับคำชมของคุณ สมัยที่ผมเรียนผมอยู่ที่ลอนดอนมา ดังนั้นผมก็ต้องฝึกฝนภาษาอังกฤษเป็นพิเศษอยู่ครับ”
พอรู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยก็นั่งลง เทซึกะ โคตะลงมือชงชาให้กับทั้งคู่ด้วยตัวเขาเอง หลังจากผ่านท่วงท่าที่สลับซับซ้อน เขายื่นถ้วยคริสทัลเล็กๆ ให้กับฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ทักษะการชงชายังด้อยนัก เลยทำให้คุณฉินเห็นข้อผิดพลาดเสียแล้ว แต่ว่าชานี้คุณภาพไม่เลว เป็นชาต้าหงเผาจากภูเขาอู่อี๋ เชิญลองชิมครับ”
โดยปกติอยู่ที่วิลล่าไม่มีอะไรทำ ฉินสือโอวก็เรียนรู้การชิมชาอยู่ มีแต่ชาดีๆ ทั้งที่บ้านเหมาเหว่ยหลงและในบริษัท เวลาไม่มีอะไรก็ส่งชามาทางไปรษณีย์ให้กับเขา ของขวัญเมื่อวานที่วินนี่ให้กับนิชิมุระก็เป็นชาหวงซานเหมาเฟิงหนึ่งกล่อง
พอฉินสือโอวจิบไปได้เล็กน้อยก็เอ่ยชม “ท่านประธานมีฝีมือการชงชาที่ประณีตมากเลยครับ ชานี้หอมหวนดั่งดอกหอมหมื่นลี้ ยิ่งถ้าหากได้ชิมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงด้วยแล้ว จะต้องเป็นเรื่องที่งดงามที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว”
พอฟังเขาพูดแบบนี้ เทซึกะ โคตะก็ตาเป็นประกาย หัวเราะเสียงดัง “คุณฉินเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ถ้าเป็นไปได้เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง โคตะหวังว่าคุณจะไปเป็นแขกที่บ้านเทซึกะได้ ให้ผมได้ชงชาต้าหงเผาให้คุณชิมด้วยตัวเองอีกสักครั้ง”
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น มารยาทต่อหน้าของคนญี่ปุ่นถือว่าทำได้ถึงที่สุดแล้ว เทซึกะ โคตะดูแลต้อนรับฉินสือโอวครบถ้วนทุกกระบวนการ ไม่มีปัญหาให้สามารถเจอได้แม้แต่นิดเดียว
เรื่องสำคัญของวันนี้ก็คือคุยเรื่องปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เทซึกะ โคตะแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของเขาที่จะได้ปลาตัวนี้มา บอกว่าต่อให้คนอื่นจะตกลงแล้วว่าจะไม่ปั่นราคาปลาทูน่า แต่จากการคาดการณ์ปลาตัวนี้ราคาประมูลอาจจะมากกว่าสองล้านดอลลาร์สหรัฐ
สามคนพูดคุยกัน หัวข้อหนีไม่พ้นเรื่องปลาทูน่า แล้วก็ถึงเวลากลางวันอย่างรวดเร็ว เทซึกะ โคตะเชิญชวนให้ฉินสือโอวและบัตเลอร์อยู่ร่วมทานอาหารกลางวันด้วยกัน แล้วตอนบ่ายไปเดินดูตลาดปลาสึกิจิ เพราะวันมะรืนก็จะเริ่มงานประมูลปลาทูน่าอย่างเป็นทางการแล้ว
เนื่องด้วยตอนกลางวันไม่ได้เป็นมื้ออย่างเป็นทางการ อาหารที่เทซึกะ โคตะเลี้ยงเป็นแบบง่ายๆ ซึ่งก็กินที่โรงอาหารในบริษัท ฉินสือโอวกินอุด้งน้ำคู่กับโอเด้งต้นตำรับ รสชาติไม่เลวทีเดียว
ตอนบ่ายก็จะไปเดินดูตลาดปลาสึกิจิ ซึ่งฉินสือโอวเคยมีศึกษามาบ้างแล้ว
ตลาดตั้งอยู่ที่บริเวณ ชินจูกุ นิโจวเม่ เป็นหนึ่งในตลาดขายส่งกลางในโตเกียว ครอบคลุมพื้นที่ 230,000 ตารางเมตรและแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ โดยแบ่งเป็นส่วนขายปู กุ้งมังกร กุ้งทะเล และปลาชนิดต่างๆ เป็นต้น
แน่นอนว่านอกจากอาหารทะเลแปรรูปแล้ว ตลาดยังมีพวกผักผลไม้ เนื้อไก่ ไข่ไก่ ผักดองและอาหารแปรรูปต่างๆ ตลาดปลาสึกิจิเป็นตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นตลาดเกษตรกรรมที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโตเกียวรองจากตลาดโอตะ
พอนั่งรถมาถึงทางเข้าหน้าตลาด สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาคือป้ายหินขนาดยักษ์ บนนั้นมีตัวอักษรญี่ปุ่นสลักไว้ว่า ‘とうきょうとちゅうおうおろしうりしじょう’ ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่ก็ไม่จีรัง
ฉินสือโอวยื่นมือไปลูบป้ายหิน เทซึกะ โคตะพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “คุณฉิน สิ่งที่คุณสัมผัสตอนนี้มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ตัวอักษรที่อยู่บนป้ายหินนี้ถูกสลักโดยชายชราที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดปลาที่เป็นมหาตำนานของตลาดแห่งนี้ มันผ่านการเปลี่ยนแปลงของตลาดแห่งนี้มาหลายครั้งหลายครา และยังประสบกับแผ่นดินไหวคันโตครั้งใหญ่ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของตลาดนี้ไปแล้ว!”
เดิมทีตลาดปลาสึกิจิไม่ได้ตั้งอยู่ที่ชินจูกุ แต่พื้นที่ดั้งเดิมถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวคันโตดังนั้นรัฐบาลโตเกียวจึงให้ย้ายมาอยู่ที่นี่ในเวลาต่อมา
เทซึกะ โคตะถือว่ามีหน้ามีตามากในตลาดปลาสึกิจิ เพราะหลังจากที่เขาลงรถ ทุกคนที่เดินผ่านจะก้มหัวคำนับให้กับเขา ตอนที่เดินจากทางเข้าหลักเข้าไป มีชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงกำยำทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น หัวเราะเสียงดัง “โคตะ นายช่วงนี้ไปหมกตัวอยู่ที่ไหนกันล่ะ? ฉันไม่ได้เจอนายมาจะเดือนหนึ่งแล้ว นัดเวลาไปดื่มกันให้สุขสุดๆ ไปเลย!”
เทซึกะ โคตะพยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นก็แนะนำฉินสือโอวให้รู้จัก “วันนี้ฉันพาเพื่อนมาเดินดูตลาดของพวกเรา นายไปทำธุระก่อนเถอะ”
ชายหนุ่มร่างกำยำแสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา รีบโค้งคำนับฉินสือโอวและบัตเลอร์ และพูดต้อนรับหลายต่อหลายครั้ง
บัตเลอร์แนะนำให้ฉินสือโอวฟังว่า “ตลาดปลาสึกิจิบริหารโดยผู้ค้าส่ง 8 รายและพ่อค้าคนกลางประมาณ 1,000 คนซึ่งคุณเทซึกะ โคตะก็เป็นหนึ่งในผู้ค้าส่งแปดคน”
ฉินสือโอวรีบเอ่ยชมเทซึกะ โคตะทันที ในเวลาเดียวกันภายในใจก็ก่อเกิดคำถามด้วยความสงสัย ค่าตัวเทซึกะ โคตะคนนี้อย่างน้อยก็น่าจะมีพันล้านเหรียญสหรัฐล่ะมั้ง เป็นบุคคลสำคัญที่สมควรแก่การยกย่องของตลาดทะเลแห่งนี้ แล้วทำไมเขาถึงต้อนรับขับสู้ตัวเขาเองขนาดนี้?
มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ ฉินสือโอวไม่เชื่อหรอกว่าคนญี่ปุ่นจะใจดีได้ถึงขนาดนี้
มีแผงขายสินค้าหลายแบบในตลาดปลาสึกิจิ มีคนมากมายกำลังซื้อของอยู่ เทซึกะ โคตะบอกว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากประเทศต่างๆ จากทั่วโลก ซึ่งตอนนี้ตลาดปลาสึกิจิก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดูดีของเมืองโตเกียวแล้ว
ตามหลังเทซึกะ โคตะไป ฉินสือโอวก็ตรงไปที่ตลาดปลา
รอบนอกตลาดปลา โคมไฟกระดาษเทพอินาริก็ยังคงสว่างไสวในยามกลางวัน โคมไฟส่วนใหญ่พิมพ์ชื่อ บริษัท ญี่ปุ่นและผู้จัดจำหน่ายอาหารทะเลที่มีชื่อเสียง ซึ่งชื่อของบริษัทคิโยมุระก็ถูกแปลเป็นหลายภาษาทั้งจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซียเขียนอยู่บนโคมไฟนั้น
ที่ตลาดปลามีภาพโปสเตอร์ขนาดใหญ่จำนวนมากแปะอยู่บนกำแพง มีภาพหนึ่งคือภาพถ่ายคู่ของเทซึกิ โคตะและปลาทูน่าครีบน้ำเงิน
ฉินสือโอวเดินเข้าไปดู บนภาพมีเขียนบรรยายไว้ว่า นี่เป็นภาพถ่ายแรกของงานประมูลเมื่อปี 2013 ในเวลานั้นที่บริษัทคิโยมุระถ่ายภาพกับราชาปลาน้ำหนัก 220 กิโลกรัม สุดท้ายแล้วราคาซื้อขายคือ 2.4 ล้านเหรียญสหรัฐ!
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset