ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 521 พาโลมาไปด้วย

ชายสูงวัยอายุราวๆ หกสิบปีสองคนเป็นผู้ให้การบรรยาย ฉินสือโอวอ่านคำแนะนำก็พบว่าทั้งสองคนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำใกล้แถบชายฝั่งจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลแห่งโตเกียว หนึ่งในนั้นมีหนึ่งท่านที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานักศึกษาระดับปริญญาเอก
เห็นฉินสือโอวกับวินนี่เดินเข้ามา นักศึกษาที่จัดงานบรรยายก็เข้ามาแจกโบชัวร์ให้พวกเขาหนึ่งชุด
ฉินสือโอวลองพลิกๆ ดู มีแต่ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้น เขาอ่านไม่ออก แต่เขาพอจะรู้จักปลา ข้างในมีเนื้อหาเกี่ยวกับปลาแอมเบอร์แจ๊คกับปลามะได น่าจะแนะนำการเพาะเลี้ยงปลาทั้งสองชนิดนี้
วินนี่เข้าใจแค่ภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน ส่วนฉินสือโอวขนาดภาษาญี่ปุ่นระดับพื้นฐานก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งสองคนฟังการบรรยายไม่รู้เรื่อง จึงพากันยืนฟังแค่ครู่เดียวก็เดินจากไป
ทว่าในระหว่างนี้ ฉินสือโอวก็สามารถสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความจริงจังที่มาจากชาวประมงและเจ้าของฟาร์มปลาที่มาร่วมฟังการบรรยาย
การเรียนรู้บนพื้นดินจำเป็นต้องรู้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อการสื่อสาร หรือไม่ก็ต้องเข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่เมื่อลงมาในทะเลก็ไม่จำเป็นแล้ว จิตสำนึกแห่งโพไซดอนกำลังเข้าไปสู่อ่าวโตเกียวอย่างฮึกเหิมภาคภูมิ
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนรัฐบาลโตเกียวจะเคยพยายามปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในอ่าวโตเกียวอย่างหนัก แต่คุณภาพน้ำในอ่าวโตเกียวก็ยังแย่มากอยู่ดี ถึงอย่างไรก็มีพื้นที่อุตสาหกรรมล้อมรอบอยู่ถึงสองแห่ง รวมกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากในแต่ละวัน ไหนจะเรือที่แล่นเข้าๆ ออกๆ อีก
สิ่งที่แสดงให้เห็นได้ชัดที่สุด ก็คือสาหร่ายทะเลในอ่าวที่มีสภาพการเจริญเติบโตอย่างย่ำแย่ จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าไปเพ่งมองใกล้ๆ ก้นทะเล ห่างกันไม่เท่าไรถึงจะมองเห็นพุ่มสาหร่ายทะเลเป็นหย่อมๆ ไม่เหมือนกับที่ฟาร์มปลาต้าฉิน ที่ใต้น้ำบริเวณใกล้ฝั่งทะเลแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสนามหญ้าอยู่แล้ว
สาหร่ายทะเล วัชพืชน้ำไม่เหมือนกับพวกกุ้งกับปลา พวกมันไวต่อระดับค่าพีเอชของน้ำอยู่มาก คุณภาพของน้ำสกปรกไม่เป็นปัญหา สารอาหารน้อยเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ถ้าสภาพแวดล้อมของที่อยู่อาศัยมีค่าพีเอชไม่เหมาะสม เช่นนั้นพวกมันก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับมหาสมุทร ความยาวและความกว้างของมหาสมุทรนับตั้งแต่อดีตกาล ตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ค่าความเป็นกรดด่างของมหาสมุทรผืนใหญ่ทุกแห่งแทบจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลย ดังนั้นสาหร่ายทะเลที่แพร่พันธุ์และดำรงชีวิตอยู่ในน่านน้ำเหล่านี้จึงไม่ได้วิวัฒนาการให้สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าพีเอช
ไม่มีสาหร่ายและวัชพืชทะเล แต่ในอ่าวโตเกียวก็มีปลาอยู่ไม่น้อย ปลาโบนิโต ปลาจาน ปลาแชด ปลาเพลซ ปลาซันมะ ปลาจำพวกปลาแซลมอนก็มีหมด นอกจากนี้ยังมีหมึกกระดอง หมึกและสัตว์ที่มีลำตัวนิ่มชนิดต่างๆ ก็มีอยู่มาก
ฉินสือโอวลองหาสาเหตุ ก็พูดได้เพียงว่าอ่าวโตเกียวสร้างแนวปะการังเทียมได้สำเร็จ เนื่องจากอ่าวแห่งนี้มีแม่น้ำหลายสายที่ไหลมาสู่ปากอ่าว ด้วยเหตุนี้จึงนำเอาแพลงก์ตอนจำนวนมหาศาลเข้ามาสู่ก้นทะเลด้วย
พอในอ่าวมีแนวปะการังเทียมเยอะขึ้น กระแสน้ำใต้ทะเลที่ซัดสาดใส่แนวปะการังเทียมก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ แล้วพัดเอาแพลงก์ตอนขึ้นมาเป็นอาหารให้ปลาและกุ้ง ช่วยขับเคลื่อนทรัพยากรประมงในบริเวณนี้
มาอ่าวโตเกียวในครั้งนี้ ฉินสือโอวก็มาเพื่อดูแนวปะการังเทียม กรมประมงโตเกียวใช้วัตถุทุกชนิดที่สามารถนำมาสร้างแนวปะการังเทียม ซากเรือลำเล็ก ก้อนหินไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้บางส่วนที่ใช้งานไม่ได้แล้ว
อ่าวโตเกียวค่อนข้างตื้น ดังนั้นข้อกำหนดความสูงของปะการังจึงค่อนข้างต่ำ ตอนที่ฉินสือโอวเห็นซากเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้งานไม่ได้แล้วอย่างเครื่องเรือนที่ถูกทิ้งไว้ใต้ทะเลพวกนั้นเขายังนึกว่าเป็นวิธีการจัดการขยะของคนญี่ปุ่นเสียอีก แต่เมื่อสังเกตดูดีๆ พวกเขาใช้วิธีสร้างปะการังที่รวดเร็วและสะดวกต่างหากล่ะ
ทุกวันนี้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมีพลังเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน เมื่อปลาทะเลสัมผัสได้ถึงพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็จะตามมาอย่างใกล้ชิด
ผ่านไปไม่นานลูกโลมาตัวเล็กๆ หลายตัวก็ปรากฏตัวขึ้นบ้างแล้วเหมือนกัน โลมาพวกนี้ต่างก็มีขนาดไม่ถึงครึ่งเมตร ตัวยังเล็กกระจิริด พวกมันม้วนตัวเล่นอยู่ในบริเวณน่านน้ำที่ถูกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนควบคุมอย่างซุกซน นานๆ ครั้งก็จะกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำพร้อมทั้งส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข
โลมาพวกนี้เหมือนกันกับตัวโง่เง่า เป็นโลมาปากขวด เวลามีความสุขพออ้าปากออกก็เหมือนว่าพวกมันกำลังยิ้มอยู่ ดูน่ารักมากๆ
มองเห็นโลมาพวกนี้ ฉินสือโอวก็เกิดอาการใจกระตุกขึ้นมาทันที ชื่อเสียงเหม็นโฉ่ที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วของอ่าวโตเกียวคืออะไร? ก็คือการฆ่าฝูงโลมายังไงล่ะ! เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนของทุกปี ชาวประมงญี่ปุ่นจะจัดงานที่เรียกว่าประเพณีบูชาทะเล
แต่ประเพณีโบราณก็เป็นแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงก็เพื่อล่าโลมามาทาน
ฉินสือโอวเคยดูภาพยนตร์สารคดีที่คว้ารางวัลออสการ์เรื่องหนึ่ง ชื่อว่า ‘เดอะ โคฟ’ โหดร้ายทารุณอย่างถึงที่สุด! โหดเหี้ยมอำมหิตอย่างยิ่ง! ไร้ความปรานีที่สุด! แม้กระทั่งคนเย็นชาอย่างเขา ก็ยังทนดูไม่จบจนต้องกดปิดวิดีโอ
ฉินสือโอวรู้ที่มาของโลมาพวกนี้ พวกมันไม่ได้ว่ายน้ำมาเอง ทว่าว่าถูกเรือประมงจับมาหรือไม่ก็ถูกต้อนเข้ามาที่อ่าวโตเกียว
เนื่องจากโครงสร้างพิเศษของอ่าวโตเกียว ที่มีปากอ่าวเล็กเกินไป ดังนั้นหากมีปลาใหญ่เข้ามาในอ่าว ก็ยากที่จะว่ายน้ำหนีออกไปได้
ชาวประมงญี่ปุ่นจึงใช้วิธีการนี้ในการเลี้ยงโลมา รอจนพวกมันโตแล้วค่อยฆ่าพวกมัน หรือที่เรียกว่า ‘หมูในอวย’ หมูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงโลมา แต่หมายถึง ‘ลูกหมู’ นำโลมาที่ถูกฆ่ามาบรรยายด้วยหมูกับแกะที่ถูกเลี้ยงไว้รอวันเชือด
ไม่มีอะไรจะน่าละอายไปกว่านี้แล้ว!
ฉินสือโอวควบคุมลูกโลมาพวกนี้ แล้วออกคำสั่งอย่างชัดเจนเพื่อให้พวกมันหนีไปจากอ่าวโตเกียวทันที
เพื่อป้องกันไม่ให้พวกลูกโลมามัวแต่อ้อยอิ่งเห็นแก่เล่นอยู่รอบๆ อ่าวโตเกียวจนถูกทำร้าย ฉินสือโอวจึงกำหนดตำแหน่งสำคัญไว้ให้พวกมัน นั่นก็คือเส้นทางไปสู่ฟาร์มปลาต้าฉิน
สำหรับพวกลูกโลมาแล้ว การเดินทางในครั้งนี้เรียกได้ว่ายากลำเค็ญ เนื่องจากพวกมันต้องว่ายน้ำจากอ่าวโตเกียวที่อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกไปสู่ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
แต่ฉินสือโอวต้องทำใจแข็งปล่อยให้พวกมันรับการขัดเกลาในครั้งนี้ มีแค่ที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเท่านั้น ที่เขาจะสามารถปกป้องโลมาพวกนี้เอาไว้ได้
หลังจากรับคำสั่งมาแล้ว เหล่าโลมาก็เริ่มเคลื่อนไหว ฉินสือโอวไม่คิดเสียดายที่จะถ่ายทอดพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนให้กับพวกมัน หลังจากนั้นก็ส่งพวกมันให้ออกเดินทาง
พอคิดถึงความเลวร้ายที่คนญี่ปุ่นทำกับโลมา ฉินสือโอวก็ไม่อยากศึกษาการสร้างแนวปะการังเทียมอะไรแล้ว จึงมุดผ่านอ่าวโตเกียวไปอย่างรวดเร็ว พอพบกับโลมาก็รวบรวมพวกมันเข้าด้วยกันแล้วกำหนดพิกัด ให้พวกมันว่ายไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
ในอ่าวโตเกียวมีโลมาอยู่ไม่น้อย ดูท่าว่าพวกชาวประมงก็น่าจะลงแรงเพื่อไล่ต้อนล่อให้พวกมันมาที่นี่ นอกจากโลมาปากขวดแล้ว ก็ยังมีโลมาคาดขาว โลมาฟันห่าง โลมาอิรวดี โลมาลายจุดแอตแลนติก โลมาลายจุดและสมาชิกอื่นๆ ในวงศ์โลมา
หลังจากจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเลื่อนระดับแล้วตอนนี้ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม ถ้าหากจะพูดว่าก่อนหน้านี้เป็นรถซูเปอร์คาร์ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้มันก็คงเป็นรถแข่งเอฟวันแล้ว มันร้องคำรามและพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วจนบางครั้งฉินสือโอวก็รู้สึกว่าเขาคิดตามไม่ทัน
อ่าวโตเกียวมีพื้นที่ไม่ใหญ่ มีขนาดเพียงเก้าร้อยกว่าตารางกิโลเมตรเท่านั้น ด้วยความเร็วของฉินสือโอว เวลาแค่ครึ่งวันก็เพียงพอสำหรับการสำรวจแล้ว
ต่อจากนั้นวินนี่เห็นว่าเขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จึงหาแผงขายเครื่องดื่มแล้วพาเขาไปนั่งอาบแดดเพื่อหาอะไรดื่มสักหน่อย
เมื่อถึงเวลาบ่ายสาม ในที่สุดฉินสือโอวก็สำรวจอ่าวโตเกียวได้เกือบครบรอบแล้ว เขาคิดว่าโลมาในอ่าวน่าจะถูกเขาส่งออกไปจนหมดไม่มีตัวไหนหลุดรอดออกมาแล้ว
นอกจากนี้ ทรัพยากรปลาจานกับปลาแอมเบอร์แจ๊คในอ่าวโตเกียวก็ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์อยู่โดยตลอด พอได้พบฉินสือโอวก็ปล่อยพวกมันไป ทิ้งพิกัดของฟาร์มปลาต้าฉินเอาไว้ ให้มันหาทางไปเองแล้วกัน
ปลาทั้งสองชนิดนี้มีหลายตัวที่เป็นปลาขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นปลาที่ค่อนข้างมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ
กวาดดูอ่าวโตเกียวแล้วหนึ่งรอบ ฉินสือโอวใช้พลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปพอสมควรแล้ว เขาจึงพาวินนี่กลับไปที่โรงแรมอย่างมีความสุข
หลังจากกลับมาถึงโรงแรม ก็พบว่ายังมีสื่ออีกจำนวนไม่น้อยที่ยังเหลือคนไว้ที่ที่โรงแรม นีลเซ็นกับเบิร์ดกำลังโม้ให้นักข่าวฟังด้วยความเบิกบานใจ
พอเห็นฉินสือโอวกับวินนี่ นีลเซ็นก็ทักทายพวกเขา แล้วส่งกระดาษแผ่นใหญ่ความยาวสองเมตรกว้างกว่าหนึ่งเมตรให้กับพวกเขา แล้วบอกให้พวกเขาถ่ายรูปร่วมกัน
ฉินสือโอวมองดูกระดาษแผ่นนี้ ที่แท้ก็เป็นแผ่นป้ายเลียนแบบเช็คเงินสดนั่นเอง มีเลขศูนย์เรียงต่อกันไม่ขาด หน่วยเงินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ
2,750,000 ดอลลาร์สหรัฐ นี่คือเงินรางวัลที่สมาคมตกปลานานาชาติมอบให้!
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้บัตเลอร์จะเคยพูดถึงจำนวนเงินรางวัลให้เขาฟังแล้ว แต่พอฉินสือโอวเห็นก็ยังรู้สึกตกใจอยู่ดี นักตกปลาพวกนี้มีอันจะกินกันจริงๆ!
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset