ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 527 พันธมิตรทางธุรกิจ?

หัวใจสำคัญของคฤหาสน์ของเทซึกะ โกดะหลังนี้ก็คือลักษณะที่อยู่อาศัยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ห้องนั่งเล่น ห้องดื่มชา ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องสวดมนต์ต่างก็มีพร้อมตามที่ควร
ฉินสือโอวเดินเข้าไปในสวนของคฤหาสน์ มองเห็นอาคารหลังเล็กๆ บางส่วนที่ยังใช้หลังคามุงหญ้าอยู่ นอกจากนี้ เขายังสังเกตเห็นว่าด้านหลังอาคารก็ยังมีหญ้าสุมอยู่อีกหนึ่งกอง คาดว่าคงจะสำรองไว้ใช้ในเวลาที่ต้องการ
สวนของคฤหาสน์เป็นแบบสวนในสมัยเอโดะ ตรงกลางมีสระน้ำ บริเวณรอบๆ สระน้ำสร้างทางเดินเล็กๆ เอาไว้ ประกอบด้วยศาลา สะพานและตะเกียงญี่ปุ่น บนพื้นที่ว่างก็ปลูกต้นไม้ไว้เป็นจำนวนมาก ที่มีอยู่เยอะที่สุดก็คือกุหลาบพันปี
เมื่อเดินผ่านสวนมาแล้ว เทซึกะ โกดะในชุดกิโมโนสีดำขาวตัดกันก็กำลังรออยู่ เมื่อมองเห็นฉินสือโอวกับวินนี่เขาก็โค้งคำนับให้ แล้วพูดกับพวกเขาว่า “ยินดีต้อนรับๆ ยินดีต้อนรับฉินซังกับวินนี่ซังสู่สวนเทซึกะนะครับ เทซึกะ โกดะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
วินนี่นำของขวัญมามอบให้กับเทซึกะ โกดะ มีของเล็กๆ น้อยๆ บางส่วนที่ซื้อตอนไปเดินช้อปปิ้งเมื่อวาน นอกจากนี้ยังมีของจำพวกใบชาชั้นยอดกับโสมอเมริกาที่นำมาจากเกาะแฟร์เวลอีกด้วย
เทซึกะ โกดะส่งของขวัญให้ลูกชายของเขา เขาหัวเราะฮ่าๆ พร้อมทั้งกล่าวออกมาว่า “รบกวนฉินซังแล้วจริงๆ มาเป็นแขกที่บ้านแท้ๆ แต่ก็ยังเอาของขวัญชื่อดังล้ำค่ามาให้เยอะแยะขนาดนี้ ผมรู้สึกซาบซึ้งมากจริงๆ รีบเข้าไปนั่งเถอะครับ บัตเลอร์ซังก็อยู่ด้านในแล้ว”
ฉินสือโอวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แต่ยิ้มได้อย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก เทซึกะ โกดะพูดจาสุภาพเรียบร้อย มารยาทก็ยิ่งมาก เขาไม่ชินเท่าไรจริงๆ
ขณะที่กำลังเดินเข้าไปข้างใน อยู่ๆ เทซึกะ โกดะก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ฉินซัง การแต่งกายของคุณทำให้คุณดูโดดเด่นจริงๆ ผมไม่ค่อยเห็นคนหนุ่มที่แต่งตัวเป็นทางการแบบนี้เลย น่านับถือจริงๆ”
ฉินสือโอวหันไปมองวินนี่ วินนี่ก็ยักไหล่อย่างไม่ใคร่สนใจนัก รอจนเทซึกะ โกดะไม่ทันสังเกต เธอถึงยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
บริเวณที่อยู่อาศัยของคฤหาสน์ทอดตัวติดกัน บริเวณรอบๆ มีสิ่งก่อสร้างบางส่วนที่ทอดตัวยื่นขยายออกมา สิ่งก่อสร้างเหล่านี้มีเฉลียงเป็นส่วนเชื่อมต่อ จะสามารถสัมผัสได้ถึงลมเบาๆ ที่พัดมาสัมผัสกับหน้าเท่านั้น แต่จะไม่มีฝนหรือหิมะหล่นเข้ามา ออกแบบได้อย่างเป็นเอกลักษณ์
ฉินสือโอวลองกวาดตามอง ห้องของบริเวณที่พักอาศัยใช้ไม้ซุงเป็นหลัก ไม่มีของจำพวกภาพอูกิโยะ เครื่องประดับจากเงินและทอง ผนังสีขาวกระเบื้องสีดำหรือต้นไม้เขียวดอกไม้แดง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงลักษณะความเข้มแข็งและเรียบง่ายของตระกูลเทซึกะ
เข้ามาที่ประตูทางเข้าห้องรับแขก บนผนังด้านหน้าแขวนภาพวาดตัวอักษรเอาไว้ห้าตัว ปกปิด ลึกล้ำ สงบ เงียบสงัด ตรงกลางคือตัวอักษรคำว่า ‘ฌาน’ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนวาดตัวอักษรพวกนี้ไว้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามาจากผู้เชี่ยวชาญ ลายเส้นตัวอักษรชัดเจนเปิดเผย ขีดแต่ละขีดของตัวอักษรเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
ชมคฤหาสน์หลังนี้ไปแล้วคร่าวๆ หลังจากนั่งคุกเข่าลงแล้วฉินสือโอวก็เอ่ยปากชมออกมาก่อนว่า “คฤหาสน์ของมิสเตอร์เทซึกะแฝงไปด้วยวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งมากจริงๆ ถึงผมจะไม่เคยเห็นคฤหาสน์ในเมืองหลวงสมัยก่อน แต่ผมคิดว่าก็คงจะไม่เกินไปจากนี้”
เขารู้สึกว่าคำพูดของตัวเองน่าจะค่อนข้างมีมารยาทแล้ว ทว่าเมื่อเทซึกะ โกดะได้ยินเขาพูดอย่างนี้กลับแสดงท่าทีเก้อเขินออกมาเล็กน้อย
วินนี่จึงรีบพูดเสริมว่า “ใช่แล้วค่ะ คฤหาสน์ที่เราอยู่กันในตอนนี้จะต้องเหนือกว่าคฤหาสน์ในเมืองหลวงพวกนั้นอยู่แล้ว อีกทั้งถ้าดูรวมๆ แล้ว ฉันยิ่งรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ที่วัดในเมืองหลวงยุคเอโดะเลยล่ะค่ะ”
คราวนี้ใบหน้าที่มีรอยยิ้มเก้อเขินของเทซึกะ โกดะก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างทันที เขาหัวเราะเสียงดังพร้อมกับพูดออกมาว่า “ฉินซังกับวินนี่ซังมีสายตาที่แหลมคมจริงๆ มาๆๆ ลองชิมชาของครอบครัวผมสิครับ เป็นชาที่ภรรยากับลูกชายของผมปลูกและเก็บแล้วนำไปตากให้แห้งด้วยตัวเอง รสชาติคงจะไม่เลวเลย”
รินชาให้ฉินสือโอวและวินนี่กับบัตเลอร์แล้ว เทซึกะ โกดะก็เอ่ยปากขอตัวออกไปจากห้องรับแขกแล้วเข้าไปในห้องครัว เห็นได้ชัดว่าจะไปเตรียมอาหารเที่ยง
ในตอนนี้ฉินสือโอวถึงได้ถามวินนี่ว่าเมื่อสักครู่เขาพูดอะไรที่ไม่เหมาะสมออกไปหรือเปล่า วินนี่จึงอธิบายว่า “ถ้าคุณไม่ได้เปรียบเทียบแบบนั้นก็คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เมืองหลวงสมัยก่อนมีคนมากแต่มีพื้นที่น้อย คฤหาสน์ส่วนใหญ่อยู่กันอย่างเบียดเสียดคับแคบ แตกต่างกับคฤหาสน์ในชนบทแบบนี้ แต่เนื่องจากชาวบ้านศรัทธาในพุทธศาสนา ดังนั้นวัดในเมืองหลวงจึงยิ่งใหญ่และกว้างขวางกว่ามาก ฉันก็ไม่รู้จักรูปแบบสิ่งก่อสร้างของญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ดูจากก้อนหินในสวน ตะเกียงญี่ปุ่น กับอ่างล้างหน้าหินที่มีคำสอนในพระพุทธศาสนา ฉันเลยเดาว่าคฤหาสน์หลังนี้น่าจะมีองค์ประกอบของวัดอยู่”
พอบัตเลอร์ได้ยินวินนี่พูดแบบนี้ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ใช่แล้ว เพื่อน วินนี่พูดถูกแล้ว เทซึกะเล่าให้ฉันฟังว่า พวกเขาเชิญปรมาจารย์ด้านการออกแบบไทอามิอะไรสักอย่างเพื่อมาสร้างคฤหาสน์ตามลักษณะของวัด”
จากเริ่มต้นการสนทนาด้วยรูปแบบสิ่งก่อสร้าง ตอนนี้ฉินสือโอว บัตเลอร์กับนิชิมุระ เร็นก็คุยกันมาจนถึงเรื่องอุตสาหกรรมประมง
ฟาร์มปลาของฉินสือโอวกำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จึงถามบัตเลอร์ว่าเขาพอจะรู้สึกสนใจไหม บัตเลอร์รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย เขาบอกว่าปลาแซลมอนแปซิฟิกยังพอได้ แต่ปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะทางฝั่งเขาจัดการค่อนข้างลำบาก
ฉินสือโอวไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ เลยบอกว่าถ้ากลับไปแล้วนายก็ไปหาฉันสักครั้งสิ จะได้ทานอาหารทะเลคุยกัน ลองชิมรสชาติอาหารทะเลของฉันดู ฉันคิดว่าปลาค็อด ปลาแฮร์ริ่ง ปลาซาบะของฉันค่อนข้างดีเลยล่ะ
บัตเลอร์ไม่ได้เก็บคำพูดเขามาคิดจริงจังนัก จึงพูดกับเขาอย่างสบายใจว่า “โอเค ถ้าฉันจัดการธุระที่ญี่ปุ่นเสร็จแล้วฉันจะไปหานาย บรรยากาศฟาร์มปลาของนายน่ะเยี่ยมยอดมาก พูดจริงๆ เลยนะเพื่อน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องช่วยครอบครัว ฉันก็อยากจะไปขอซื้อที่บางส่วนจากฟาร์มปลาของนายมาสร้างบ้านสักหลังแล้วอยู่ที่นั่นไปตลอดชีวิตจริงๆ ”
แค่ครู่เดียว คนรับใช้สองคนก็เขามากางโต๊ะตัวเตี้ยๆ ออกหนึ่งตัว แล้วยกเครื่องปรุงบางส่วนเข้ามา มีพวกซอสอาหารทะเล วาซาบิ น้ำตาลทรายป่น เกลือหิน น้ำส้มสายชูหมักข้าว โชยุชนิดเข้มข้น มิโสะ เหล้าทำอาหารก็มีครบ
หลังจากกางโต๊ะออกแล้ว คนรับใช้ทั้งสองก็เดินไปที่ประตูเพื่อตั้งเตาอบ คนหนึ่งกำลังวางปูเอจิเซ็นตัวใหญ่ลงไปบนเตาอบแล้วเริ่มต้นอบอาหาร ส่วนอีกคนก็ตั้งเตาต้มปู
เทซึกะ โกดะยกโถเหล้าใบใหญ่หนึ่งใบกับโถเหล้าขนาดเล็กสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งใบเข้ามา แล้วกล่าวว่า “ฉินซัง บัตเลอร์ซัง ต้องลองชิมสาเกเท็นกุไมของพวกเรานะครับ ผมคิดมันว่ารสชาติดีมากๆ เลย หวังว่าพวกคุณจะชอบนะครับ”
คนญี่ปุ่นนิยมจิบเหล้าก่อนทานอาหาร ดังนั้นขณะที่อาหารคาวยังไม่มา ทั้งสามคนก็เริ่มพากันดื่มเหล้าก่อนแล้ว
เมื่อเริ่มจิบเหล้าไปแล้ว หากว่ากันตามความเคยชินของคนญี่ปุ่น เรื่องธุรกิจก็จะถูกเปิดประเด็นตามมา
แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อจิบสาเกเข้าไปแล้วหนึ่งอึก เทซึกะ โกดะก็พูดขึ้นมาว่า “ฉินซัง ต้องขอโทษจริงๆ นะ ผมเคยแอบสอบถามเรื่องของคุณมาก่อน นั่นก็เหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติคุณ ได้โปรดให้อภัยด้วยนะครับ”
ฉินสือโอวกล่าวกับเขาว่า “เป็นเรื่องธรรมดามากครับ เทซึกะซัง นี่ไม่ใช่การไม่ให้เกียรติผมหรอกครับ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำใจของลูกชายครอบครัวชาวประมงอย่างพวกเรา ก็เหมือนกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ ขออย่าให้คุณคิดมากอีกเลยครับ”
เมื่อเทซึกะ โกดะได้ยินแบบนี้ก็ปรากฏสีหน้ามีความสุขขึ้นมา เขากล่าวว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็ขอพูดตรงๆ เลยนะครับ”
เทซึกะ โกดะนั่งตัวตรง เขาพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “ฉินซัง ตามที่ผมรู้มา คุณเป็นคนที่มีฝีมือในการตกปลาทูน่ามาก เพื่อนของผมที่เมืองกลอสเตอร์พอพูดถึงคุณก็ถึงกับชมออกมาไม่ขาดปาก นับถือคุณว่าเป็นผู้มีฝีมือสูง ราชาปลาทูน่าในคราวนี้ก็ช่วยยืนยันจุดนี้แล้ว ดังนั้นผมจึงคิดว่า พวกเราพอจะมีโอกาสทำธุรกิจร่วมกันไหมครับ?”
ฉินสือโอวตอบเขากลับไปว่า “เทซึกะซังถ่อมตัวกับผมแล้ว ทักษะการจับปลาทูน่าของผมก็ทั่วๆ ไปนั่นล่ะครับ เพียงแต่ว่าที่จริงแล้วผมมีชาวประมงที่เก่งกาจอยู่ในมือกลุ่มหนึ่ง”
หลังจากพูดจบ เขาก็พูดขึ้นมาต่อว่า “แต่ว่า เทซึกะซัง ให้อภัยในความโง่เขลาของผมด้วยนะครับ บริษัทร่วมทุนคิโยมุระของพวกคุณเป็นผู้ค้าอาหารทะเลรายใหญ่อันดับต้นๆ ของโตเกียว ปลาทูน่าของผมแค่ไม่กี่ตัว คุณไม่จำเป็นต้องเก็บมันไว้ในสายตาเลยครับ”
เทซึกะ โกดะลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ พูดกับเขาช้าๆ ว่า “ฉินซังคงจะแค่ถ่อมตัวเท่านั้น คืออย่างนี้นะครับ คุณก็รู้ว่าปลาทูน่าครีบน้ำเงินเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่าของบริษัทการประมงทุกแห่งในญี่ปุ่น ทุกๆ ปีพวกเราจะส่งเรือสำรวจจำนวนมากออกไปตรวจสอบจำนวนปลาทูน่าครีบน้ำเงินในน่านของทุกๆ ประเทศ”
“ตามข้อมูลที่เรือลำหนึ่งจากองค์กรของเราตรวจสอบพบ ฟาร์มปลาของคุณไม่ได้จับปลามาเป็นระยะเวลายี่สิบกว่าปีแล้ว ทรัพยากรประมงก็ถูกรักษาไว้ดีมาก ปลาซาร์ดีนก็มีอยู่เป็นมากเป็นพิเศษ ตามการคาดการณ์ของพวกเราแล้ว ฟาร์มปลาของคุณน่าจะมีฝูงปลาทูน่าครีบน้ำเงินอยู่!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใจของฉินสือโอวก็เริ่มรู้สึกถึงคลื่นของความอันตราย
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset