ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 530 ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ

แต่แค่คิดไหนเลยจะสู้การลงมือทำในทันที
สุดท้ายจนวันที่สองฉินสือโอวก็ยังไม่ไปไหน
พอทานอาหารเย็นเสร็จฉินสือโอวก็แสดงความซาบซึ้งใจต่อ เทซึกะ โกดะ ผู้กว้างขวาง จากนั้นจึงพูดว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้ว
เทซึกะ โกดะ ถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก เขาแสดงออกถึงสีหน้าที่ตื่นตระหนกพร้อมกับถามขึ้นว่า “ฉินซัง หรือว่าผมต้อนรับคุณไม่ดีพออย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ มิสเตอร์เทซึกะ การต้อนรับของคุณทำให้ผมพอใจอย่างหาที่สุดมิได้ แต่ว่าที่บ้านผมตอนนี้เกิดเรื่องเล็กน้อย เลยอยากจะกลับเร็วสักหน่อย” ฉินสือโอวอธิบายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด เพราะทางนั้นวางท่าเป็นกันเองขนาดนั้น เขาเลยต้องไว้หน้าอีกฝ่ายสักหน่อย
จากนั้นสีหน้าของเทซึกะ โกดะก็เปลี่ยนไปทันที เขาหัวเราะเสียงดัง “ทั้งสองท่านพอใจก็ดีแล้ว ฉินซังอย่าเพิ่งรีบร้อนกลับไปกันเลยนะ พรุ่งนี้ผมกะจะให้นิชิมุระพาพวกคุณไปชมเกาะโอชิมะสักหน่อย ที่นั่นมีแหล่งเพาะเลี้ยงปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่ดีที่สุดของพวกเราชาวญี่ปุ่น แถมคุณก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่ด้วย เลยต้องขอให้ช่วยแนะนำด้วยสักเล็กน้อย”
พอฉินสือโอวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกเอะใจขึ้นทันที หืม คุณจะพาผมไปดูแหล่งเพาะเลี้ยงปลาทูน่าของพวกคุณ? นี่คงไม่ใช่จะยัดลูกสะใภ้ให้มาอยู่ในอ้อมอกของคนบ้ากามหรอกนะ? งั้นผมก็คงจะไปไหนไม่ได้แล้วจริงๆ
เขาที่ดูลังเลเล็กน้อย เทซึกะ โกดะก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าเขาไม่อยากไปดู จึงรีบใช้สายตาส่งสัญญาณไปให้นิชิมุระ เร็น จากนั้นนิชิมุระก็รีบลุกยืนขึ้น ‘ปั๊บ’ แล้วก็โค้งตัวลงคำนับ “ฉินซัง ขอร้องล่ะ!”
ฉินสือโอวจึงจำต้องอยู่ต่อ เลยตกลงว่าเดี๋ยวไปอยู่ฟาร์มปลาสักสองสามวัน ดูสถานการณ์ในตอนนั้นแล้วค่อยกลับก็ได้
เกาะโอชิมะอยู่ทางตอนใต้ของโตเกียว ซึ่งระยะทางจากที่นี่ไปก็ประมาณหนึ่งพันกว่ากิโลเมตรพอดี ที่นิชิมุระคิดไว้คือจะพาขับรถไป แต่ฉินสือโอวก็เสนอว่าให้นั่งเรือไป
เขาไม่สนว่าจะต้องใช้เวลาไปเท่าไร ที่สำคัญคือได้ล่องทะเลต่างหาก อย่างนี้เขาถึงจะได้ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนหว่านแหเผื่อจับพวกปลาโลมาหรือปลาแอมเบอร์แจ๊คอะไรพวกนั้นได้ก็จะได้เอากลับไปด้วยเลย
จากนั้นนิชิมุระก็ได้ไปหาเรือลาดตระเวนมาหนึ่งลำ ความยาวของเรือประมาณยี่สิบสองยี่สิบสามเมตร ประกอบด้วยวัสดุใยแก้วทั้งลำ มีรูปร่างหัวมนท้ายแหลม ซึ่งถ้ามองรวมๆ จากภายนอกนับว่าสวยมากเลยทีเดียว ส่วนชื่อของเรือลำนี้ก็ไพเราะเฉกเช่นเดียวกัน เรียกว่าหิมะแล่นลม
คณะเดินเรือขับเรือจากโตเกียวไปถึงนางาซากิ แล้วค่อยไปขึ้นเรือต่อที่ท่าเรือนางาซากิ จากนั้นเรือลาดตะเวนก็แล่นโต้ลมโต้คลื่นทะเลออกไป
หลังจากที่ฉินสือโอวทอดจิตสำนักแห่งโพไซดอนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นก็พบว่าสาหร่ายใต้น้ำเพิ่มขึ้นมาเยอะมากกว่าเมื่อสองวันก่อนหน้า
การเพิ่มขึ้นชนิดนี้คือการเติบโตแบบเอ็กซ์โพซีพ(การเติบโตอย่างรวดเร็ว) อีกทั้งพวกพืชทะเลเล็กๆ ที่ขึ้นชุมได้เติบโตรวมกับสาหร่ายทะเลเล็กละเอียดซึ่งกำลังลอยพลิ้วอยู่ภายในน้ำ เขาจึงใช้จิตวิญญาณแห่งโพไซดอนเตร่ไปตามผิวน้ำทะเล ถึงได้เห็นว่าพวกนี้เป็นสาหร่ายทะเลเล็ก
เพราะว่าน่านน้ำแทบจะไม่ได้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิกเลย ดังนั้นจึงก่อให้อ่าวโตเกียวเกิดปรากฏการณ์อ่าวน้ำนิ่ง ใช่แล้ว อ่าวโตเกียวก็มีคลื่นทะเลเช่นกัน แต่คลื่นแบบนี้เป็นเพียงแค่คลื่นที่โดนลมตะวันออกจากมหาสมุทรแปซิฟิกพัดเข้ามา ที่ไม่ใช่คลื่นที่พัดมาโดยกระแสน้ำ
อย่างนี้ นอกจากผิวน้ำแล้ว ภายใต้ท้องน้ำต่างก็เงียบสงัด มีทั้งขยะต่างๆ ทั้งวัสดุที่เป็นภัยต่อธรรมชาติที่ไม่โดนคลื่นซัดไปในทันที จึงทำให้มันเหลือทิ้งไว้อยู่ที่เดิม ยิ่งสะสมนานเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
พอเห็นสาหร่ายทะเลน้อยๆ พวกนี้เกิดการแพร่พันธุ์เยอะขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ทำไมฉินสือโอวถึงจะไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ! อ่าวโตเกียวเกิดการระเบิดของขี้ปลาวาฬขึ้นอีกแล้ว!
ปรากฏการณ์ขึ้ปลาวาฬเป็นชื่อหนึ่งที่ใช้อิงตามประวัติศาสตร์ ซึ่งมันก็ไม่แน่ว่าจะต้องเป็นสีแดงเสมอไป แต่ในความเป็นจริงนั้นก็เป็นชื่อที่เรียกรวมๆ ของปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬในหลายๆ แห่ง ส่วนสาเหตุ ชนิด และปริมาณในการเกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬก็ไม่เหมือนกัน อย่างเช่นในน้ำก็ปรากฏสีที่ไม่เหมือนกัน มีทั้งสีแดง หรือสีแดงอิฐ สีเขียว สีเหลือง สีน้ำตาล ฯลฯ
ซึ่งอย่างพวกจีนัส ยิมโนดิเนียม สาหร่ายไฟและพืชอื่นๆ ที่เป็นตัวก่อให้เกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬแต่บางครั้งก็ไม่ได้ก่อให้เกิดสีพิเศษอื่นใดขึ้นในทะเล และปรากฏการณ์แบบนี้ไม่ว่าจะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่หมด เมื่อเกิดขึ้นมันจึงทำให้ชาวประมงเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง
ระหว่างอ่าวโตเกียวกับปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬนับว่าอยู่อย่างไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด เพราะปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนสมัยฟูจิวาระและสมัยคามาคุระเสียอีก และเมื่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมได้เริ่มขึ้น อ่าวโตเกียวจึงได้กลายเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดเป็นที่ซึ่งนำพาผู้คนมารวมตัวกันเป็นชุมชนขนาดใหญ่
แบบนี้ทั้งสิ่งปฏิกูลจากการใช้ในชีวิตประจำวันและจากอุตสาหกรรมจำนวนมากก็ถูกระบายลงสู่อ่าวโตเกียว สิ่งปฏิกูลพวกนี้จึงเปรียบเสมือนสารอาหารของแพลงตอน เพราะไม่มีการถูกคลื่นทะเลซัด ขยะจึงไม่สามารถออกจากอ่าวโตเกียวลงสู่งมหาสมุทรได้ พวกแพลงตอน สาหร่ายไดอะตอม สาหร่ายสีน้ำเงินและสาหร่ายสีน้ำตาลจึงค่อยๆ ไหลมารวมกัน และเมื่อจำนวนมันเยอะจนถึงขั้นวิกฤติ จึงทำให้เกิดการระเบิดของพวกแพลงตอนขึ้น
และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉินสือโอวไม่มีทางที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ถึงอยากหลีกเลี่ยงปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ แต่มันก็เป็นแค่ห่วงโซ่ชีวภาพทางทะเลรูปแบบหนึ่งที่แข็งแรงและสมบูรณ์แบบเท่านั้นเอง
ซึ่งถ้าคนญี่ปุ่นไม่ได้จับพวกปลาหรือปลาโลมาในอ่าวโตเกียวกันจนเกินเหตุ หรือถ้าพวกเขาไม่ได้ปล่อยสิ่งปฏิกูลลงสู่อ่าวโตเกียวกันอย่างโหดร้ายขนาดนั้น มันก็คงจะไม่เกิดปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬเช่นนี้
ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่ากลัว ในขณะที่เรือยอชต์ล่องไปทางใต้ และกำลังเข้าสู่ท่าเรือโยโกะสุกะของอ่าวโตเกียว ก็เริ่มมีสีแดงลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ
นิชิมุระเป็นนักศึกษาเกียรตินิยมที่จบจากมหาวิทยาลัยระบบนิเวศทางน้ำโตเกียว เมื่อเห็นสาหร่ายสีแดงพวกนี้ปรากฏขึ้น เขาก็ทอดถอนใจออกมา “โอ้ว มายก็อด! ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬระเบิดขึ้นอีกแล้วเหรอเนี่ย? ทำไมอ่าวโตเกียวถึงได้อับโชคขนาดนี้นะ?”
เหมือนเป็นการระบายอารมณ์ของนิชิมุระ เขาพูดขึ้นอย่างเดือดดาลว่า “เป็นความผิดของโรงงานพวกนั้นทั้งหมดนั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะปล่อยสิ่งปฏิกูลลงสู่อ่าว ไม่อย่างนั้นอ่าวโตเกียวก็คงจะใสสะอาดเหมือนเมื่อสองร้อยปีก่อนแล้ว เป็นอย่างนี้แล้วพวกเราก็คงไม่ต้องไปเลี้ยงปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เกาะโอชิมะแล้วล่ะมั้ง? แหล่งเพาะเลี้ยงที่อ่าวโตเกียวยังจะดีกว่าอีก!”
เพราะคุณภาพน้ำของอ่าวโตเกียว ปกติแล้วเมื่อมองเผินๆ ก็ดูสะอาดดี แต่จริงๆ แล้วมลพิษนั้นเยอะมากจนน่ากลัว อย่างปลาทูน่าครีบน้ำเงินถ้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้คงจะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่ารสชาติของปลาทูน่าจะดี แต่พวกมันก็ไม่ใช่อาหารที่ดีเท่าไร เพราะพวกมันจับปลาแฮริ่ง ปลาซาบะ ปลาขนเกล็ด และพวกปลาขนาดเล็กกินเป็นอาหารในการดำรงชีวิต เนื้อของมันจึงสะสมสารปรอทเอาไว้จำนวนมาก เลยส่งผลอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก
นี่จึงเป็นเหตุให้พวกมันว่ายกระจัดกระจายลงสู่สี่มหาสมุทร เพราะถ้าพวกมันยังอยู่ในอ่าวโตเกียว เดาว่าคงไม่ต้องรอให้พวกมันโตก็คงจะตายจากพิษโลหะหนักเอาซะก่อน
ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬกับฉินสือโอวนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกันมากเท่าไร พวกเขาได้ลงเรือที่ท่าเรือชิโมะดะแห่งคาบสมุทรอิซู ซึ่งห่างจากเกาะโอชิมะไม่ไกลนัก
“พวกเราหาอะไรที่นี่กินกันสักหน่อยเถอะ ฉินซัง คุณลองชิมซาชิมิปลาจานสดแห่งชิโมะดะสักหน่อยสิ รสชาติดีมาก แถมยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วยนะ” นิชิมุระกำลังแนะนำอย่างกระตือรือร้น หลังจากออกมาจากอ่าวโตเกียวที่กำลังได้รับผลกระทบจากการระเบิดของปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬได้แล้ว
ปลาจานนั้นถือว่าอยู่ในวงศ์ปลากะพง แถมยังสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด และในทะเลญี่ปุ่นก็มีปลากะพงแดงอยู่เป็นจำนวนมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่ของมัน รสชาติก็สดอร่อย อีกทั้งยังมีชื่อที่เป็นมงคลอีกด้วย มันจึงได้รับความนิยมอย่างมากในทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฉินสือโอวตื่นเต้นกับอาหารเป็นอย่างมาก นิชิมุระนำพวกเขาไปยังร้านเหล้าเล็กๆ ร้านหนึ่งที่อยู่ข้างๆ กับท่าตกปลา ร้านเหล้านี้มีชื่อว่าสามรุ่น และนิชิมุระยังได้แนะนำว่าถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้โด่งดังอะไร แต่เจ้าของร้านมีฝีมือในการทำซาชิมิปลาจานเป็นอันดับหนึ่งเลยซึ่งเป็นสูตรที่ได้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
หลังจากที่เจ้าของร้านได้นำซาชิมิที่แทบจะดูไม่ออกถึงขนาดหนาบางและขนาดใหญ่เล็ก วินนี่ก็คีบขึ้นมาหนึ่งชิ้นและใช้ด้านหนึ่งจิ้มไปที่ซอส ส่วนอีกด้านหนึ่งจิ้มไปที่วาซาบิและนำไปป้อนใส่ปากให้กับฉินสือโอว
ฉินสือโอวที่พอได้กินก็ถึงกับยกนิ้วโป้งชม อันที่จริงแล้วเขายกขึ้นมาชมวินนี่ เพราะปลาชิ้นนี้ไม่ได้น่าอร่อยขนาดนั้นเลย ทั้งเย็น ทั้งเค็ม แต่พอเอาไปจิ้มกับวาซาบิที่กินแล้วก็ถึงกับเผ็ดเผาหัวแม้แต่รสฝาดของปลาจึงได้ถูกกลบไป
เมื่อเห็นฉินสือโอวชมปลาที่ตัวเองแนะนำ นิชิมุระ ก็รู้สึกได้หน้า จึงยิ้มขึ้นอย่างภูมิใจ
ฉินสือโอวจึงทั้งกินข้าวทั้งให้นิชิมุระ แนะนำสภาพการณ์ของแหล่งเพาะเลี้ยงปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่เกาะโอชิมะให้เขาฟังไปด้วยสักหน่อย
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset