ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 534 กลับมามีชีวิตชีวาแล้ว

ฉินสือโอวไม่พอใจกับวิธีการของนักอสังหาริมทรัพย์ชาวอังกฤษคนนี้เป็นอย่างมาก มันเหมือนกับวิธีการของพวกขี้แพ้ เดิมทีฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์นั้นมีหินโสโครกจากก้นทะเลแบบนี้น้อย ฉินสือโอวก็มีโครงการที่จะพัฒนาหินปะการังกับหินโสโครกเทียม
ซึ่งนี่สามารถอธิบายได้โดยกระแสน้ำกัล์ฟสรีมกับกระแสน้ำเย็นแลบราดอร์ เพราะเมื่อสองกระแสน้ำในมหาสมุทรไหลมารวมตัวกันก็นำพาเหยื่อตกปลาจำนวนมากมาสู่ฟาร์มปลา แต่จากการกัดเซาะเป็นเวลานานของพวกมันเป็นเหตุให้หินโสโครกตรงก้นทะเลในฟาร์มปลาโดนเซาะจนเรียบ
ถ้าพูดถึงการที่ฉินสือโอวสนใจฟาร์มปลาแกธเธอริงขนาดนั้น เหตุผลส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ฟาร์มปลานั้นตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือทำให้ได้รับผลกระทบจากการไหลมารวมตัวกันและกัดเซาะของกระแสน้ำมหาสมุทรน้อยที่สุด อีกทั้งหินโสโครกตรงก้นทะเลในฟาร์มปลานี้ขึ้นซ้อนกว่าฟาร์มปลาที่อื่นๆ เล็กน้อย จึงเหมาะแก่การเลี้ยงปลาค็อดมาก
แต่ตอนนี้ จบเห่กันแล้ว! เพราะช่วงที่เขาไปญี่ปุ่น คนอังกฤษนั่นก็ลงมือบดขยี้หินโสโครกตรงก้นทะเลฟาร์มปลาในตอนนั้นพอดิบพอดีราวกับมีจิตสื่อถึงกัน
ในใจของฉินสือโอวก็แผดร้องออกมา แม่งเอ้ย ไอ้เลว! ทำกันอย่างนี้เลยหรอวะแม่ง! มันแม่งไม่คิดจะเหลือที่ทำกินให้ฉันสักที่เลยเหรอวะ? ! แม่งเอ้ย ฉันจะจัดการแกให้ได้เลยคอยดู!
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแล่นไปๆ มาๆ อยู่บริเวณฟาร์มปลาแกธเธอริงอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ฉินสือโอวสำรวจดูก้นทะเลทุกซอกทุกมุมแล้วก็ทั้งดีใจทั้งเสียดายไปพร้อมๆ กัน
เพราะหินโสโครกตรงฟาร์มปลาที่ถูกทลายส่วนใหญ่อยู่บริเวณแถบชายฝั่งทะเล จำกัดขอบเขตระยะห่างจากฝั่งในระยะสองร้อยกว่าเมตร ส่วนพวกหินโสโครกที่อยู่ลึกลงไปกว่านั้นยังคงอยู่ดี นี่จึงเป็นเรื่องที่ทำให้เขาดีใจ
ส่วนเรื่องที่ทำให้เขาเสียใจก็คือตามแนวของชายฝั่งประมาณสิบถึงยี่สิบกิโลเมตร หินโสโครกที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็โดนทลายจนหมด!
ไม่ต้องสงสัยเลย เป็นเพราะฟาร์มปลาแกธเธอริงนั้นต้องการจะสร้างชายหาดที่มีคุณภาพ จึงได้ทำลายหินโสโครกก้นทะเลบริเวณแถบชายฝั่ง แล้วปูทับด้วยทรายละเอียด แค่นี้ก็สามารถที่จะเพิ่มมูลค่าให้แก่บ้านพักตากอากาศได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ฉินสือโอวโกรธจัดเลยใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนช้อนไปที่ด้านล่างของเครื่องจักรตาข่ายทรายตัดแล้วทุบลงไปที่หินโสโครก ผลที่ได้ก็คือหินนั้นแตกละเอียดแต่เครื่องจักรไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย ที่แท้มันก็เป็นแบบที่เอาไว้ใช้ทำลายหินโสโครกโดยเฉพาะ โดยไม่กลัวการกระแทกจากสิ่งอื่น!
เช่นนี้แล้วฉินสือโอวก็ดูจะหมดหนทาง ทำได้เพียงแต่ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไป
แต่พอกลับมาถึงบ้านความกลัดกลุ้มจากฟาร์มปลาแกธเธอริงก็ค่อยๆ เจือจางเปลี่ยนเป็นความดีใจ เมื่อได้เห็นนิมิตส์และบุชบินโฉบลงมาจากบนฟ้าทั้งซ้ายและขวา แถมบุชยังได้ส่งเสียงร้องของเหยี่ยวออกมาอย่างไพเราะ เสียงที่ทั้งสูงและดัง คล้ายกับถูกกลิ่นอายของหินทองเข้าแทรกซึมแล้วเล็กน้อย
ฉินสือโอวยื่นแขนของเขาออกไป บุชที่บินโฉบลงมาก่อนแล้วใช้จะงอยปากที่คล้ายกับตะขอของมันจิกลงไปเบาๆ ที่ไหล่ของเขา ในลำคอก็ส่งเสียง ‘อุ๊กอุ๊ก’ ออกมา พร้อมกับมีสายตาที่เฉียบแหลมบวกกับท่าทางที่สง่าผ่าเผย
เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิสิ้นสุดลง น้ำหนักของบุชลดลง หัวก็เล็กลงด้วยเช่นกัน แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามันอ่อนแอ เพียงแต่ผ่านการบินฉวัดเฉวียนบนฟ้ามาอย่างโชกโชน ไขมันเสียในร่างกายจึงถูกเบิร์นออกหมดเหลือไว้แต่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
พลังของนกอินทรีหัวขาวปรากฏออกมาแล้ว
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ปีกของบุชยังไม่ได้ผลัดขนยังคงเป็นปีกสีดำคล้ำ ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกอันน่าเกรงขามของมัน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นหัวสีขาว ลำตัวสีดำ กรงเล็บสีทองเมื่อไหร่ นั่นถึงค่อยเรียกว่ามีท่าทางน่ายำเกรงที่แท้จริง!
วินนี่เอานิมิตส์เขามากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วสางขนที่ปีกให้มัน แล้วก็พูดอะไรสักอย่างด้วยเสียงเบา นิมิตส์จึงใช้หัวของมันคลอเคลียไปที่คางของวินนี่อย่างสนิทสนมเพื่อแสดงถึงความคิดถึงของมัน
พอขึ้นท่าเรือมา หู่จือ เป้าจือ ฉงต้าและหมาป่า เด็กๆ ทั้งสี่ตัวนี้ก็วิ่งกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว เดิมทีเสี่ยวหลัวปอนั้นวิ่งมาหน้าสุด แต่ฉงต้าได้ใช้วิธีการสกปรก ทำเป็นให้ตูดอ้วนๆ ของมันกระดกขึ้นมาแล้วชนเข้าไปที่หัวของเสี่ยวหลัวปออย่างไม่ทันระวัง มันชนเข้าไปที่เสี่ยวหลัวปออย่างจังจนทำให้เสี่ยวหลัวปอกลิ้งอยู่หลายตลบ
จากนั้นเสี่ยวหลัวปอก็ลุกขึ้นจากที่กลิ้งอยู่ แล้วหันไปคำรามใส่ฉงต้า “โฮกโฮก-โฮ่งโฮ่งโฮ่ง! อ๊าวู้-!โฮ่งโฮ่งโฮกโฮกโฮก!”
ฉินสือโอวจึงนั่งยองลงพลางขยี้หัวเล็กๆ ของหู่จือกับเป้าจือ และหัวเราะขึ้น “ไง ที่รัก ลูกสาวแกกำลังร้องอะไรอยู่น่ะ?”
จากนั้นวินนี่ก็จิ้มไปที่หัวอันไร้ประโยชน์ของฉงต้าอย่างมันเขี้ยว พอฉงต้ายืนขึ้นก็เกือบจะสูงถึงหน้าอกของวินนี่ แล้วมันก็ร้องฮือฮือขึ้นพลางแลบลิ้นไปเลียที่แก้มของวินนี่ วินนี่หัวเราะเบาๆ แล้วหลบมัน แล้วก็ไม่ตำหนิมันอีก
“คุณน่ะใจดีกับพวกเด็กๆ เกินไปแล้ว ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่วิธีการสั่งสอนที่ดีเท่าไรนะ” ฉินสือโอวหัวเราะขึ้น
วินนี่ยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ก็พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ แล้วทำไมฉันถึงจะใจดีสักหน่อยกับเด็กๆ ที่น่ารักไม่ได้ล่ะ? แล้วถ้าพวกเขาทำผิดจริง ฉันก็ต้องสั่งสอนพวกเขาอยู่แล้ว”
ส่วนด้านหลังได้มีเงาสีทองๆ วิ่งมาดั่งลมกรด ปอหลัวที่กำลังดูโรงเรือนเพาะปลูกอยู่เลยวิ่งมาเป็นตัวสุดท้าย ซึ่งก่อนหน้ามันก็ได้มีกระรอกเสี่ยวหมิงกับเสี่ยวหวงวิ่งไปก่อนแล้ว
“ดูนี่สิ บ้านของพวกเราเหมือนกับสวนสัตว์มากขนาดไหน” ฉินสือโอวหัวเราะชอบใจแล้วพูดขึ้น
แลนซ์ที่คาบไปป์อยู่ก็เดินเข้ามา แล้วพูดขึ้น “งั้นคุณกัปตันเรือก็คงจะเป็นดรูอิดผู้น่ายกย่องสินะ”
ดรูอิดคือบุรุษผู้อยู่ในป่าทึบในเทพนิยายของยุโรปเหนือ ทั้งยังไปปรากฏอยู่ในหลายๆ เกมเช่น เวิลด์ ออฟ วอร์คราฟต์ และดิอาโบล เขามีความชำนาญในด้านการสื่อสารกับพวกสัตว์ปีกและสัตว์ป่า ทั้งยังใช้พลังจากธรรมชาติต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตแห่งธรรมชาติ
และดูจะเป็นปัญหาของความเคยชิน เพราะชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็นและเบิร์ดต่างก็เรียกฉินสือโอวว่าบอสกันทั้งนั้น แต่แลนซ์ บลูและคนอีกกลุ่มหนึ่งเรียกเขาว่ากัปตัน เลยถือเป็นอีกหนึ่งความพิเศษ
เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์เก็บของ วินนี่ได้ขึ้นไปดูชั้นบน ในห้องมีกลิ่นไม่ค่อยดี ตรงมุมก็มีอึอยู่สองสามก้อน อีกทั้งบนพื้นยังมีรอยน้ำแห้ง
พอเห็นสิ่งพวกนี้แล้ว วินนี่กับฉินสือโอวเปลี่ยนเป็นสายตาก็ลุกเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นทันที พวกเขาทั้งสองหันมามองซึ่งกันและกัน แล้วก็ได้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “เจ้าโง่เสี่ยวหลัวปอ!”
หู่จือ เป้าจือ ฉงต้ากระทั่งเสี่ยวหมิงก็วิ่งอย่างหัวหกก้นขวิดกันขึ้นมา ส่วนเจ้าเสี่ยวหลัวปอที่ซึ่งใกล้ชิดกับวินนี่มากที่สุดไม่ขึ้นมา แต่กลับนั่งกลัวหัวหดรออยู่ชั้นล่าง
ฉินสือโอวเปิดหน้าต่างระบายอากาศออก วินนี่จึงเข้าไปตรวจสอบสิ่งที่เจ้าเสี่ยวหลัวปอทำไว้ ในห้องไม่มีฝุ่นไม่มีอะไร มีแต่อึและฉี่ที่เจ้าเสี่ยวหลัวปอมาทำและฝากกลิ่นเหม็นไปทั่วห้องเอาไว้
เนื่องจากเออร์บักยุ่งกับการไปจัดการปัญหาค่าชดเชยของเรือไดโตะโชวะมารุ ช่วงสองสามวันมานี้เลยไม่ได้กลับมาฟาร์มปลา ส่วนภรรยาของชาร์คก็ต้องไปรับเชอร์ลี่ย์กับเด็กๆ ทั้งสี่เพื่อให้ไปเรียนและไปอยู่ด้วยกันกับลูกของชาร์ค เป็นเหตุให้ที่คฤหาสน์ไม่มีคนมาทำความสะอาด
จากนั้นวินนี่ก็พาเจ้าเสี่ยวหลัวปอเข้าไปในห้องและตั้งใจทำท่าทางโกรธเพื่อตำหนิมัน ในตอนแรกเสี่ยวหลัวปอมีความกลัวนิดหน่อย ไม่กล้าหันไปมองรอยอึรอยฉี่ของตัวเอง กล้าแค่ใช้หางตาชำเลืองมองท่าทีของวินนี่แวบหนึ่ง
จากนั้นมันก็หน้าม่อยคอตกไปสักพัก แล้วเริ่มผันตัวทำตัวแอ๊บแบ๊วโดยใช้ขาสะกิดไปยังมือของวินนี่แล้วร้องอ๊าวู้อ๊าวู้ออกมา และพอวินนี่เริ่มยิ้มออกมา มันก็รีบแลบลิ้นนุ่มๆ ของมันออกมาเลียมือวินนี่
วินนี่ตวาดมันด้วยเสียงสองอย่างน่ารัก เจ้าเสี่ยวหลัวปอก็หมอบลงไปกับพื้นทันทีและเริ่มกลิ้งไปกลิ้งมา ตัวอ้วนตุ๊ต๊ะอย่างกับลูกขนไก่ของมัน กลิ้งไปกลิ้งมาพร้อมทั้งร้องอุ๊กอุ๊ก และจ้องวินนี่ด้วยสายตาอ่อนช้อย ทำการแอ๊บแบ๊วจนถึงที่สุด
เดิมทีวินนี่อยากจะต่อว่ามันสักสองสามประโยค แต่พอมันทำท่าทางน่ารัก เลยต้องปล่อยมันไป
นี่จึงทำให้เจ้าพวกตัวเล็กหู่จือ เป้าจือและฉงต้าสามตัวไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เพราะพวกมันตั้งตารอดูการแสดงสนุกๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีหนังใหญ่ฮอลลีวูดใดๆ แล้วก็เหมือนมีมือปีศาจมาฉีกฉากละครพวกนั้นออกไป ทำให้พวกมันผิดหวังเป็นอย่างมาก
แล้วฉินสือโอวก็ไปตรวจดูห้องครัว ว่ากันว่าห้องที่มีคนอยู่ค่อยดูมีชีวิตชีวา นี่แค่ออกบ้านไปไม่กี่วัน ห้องครัวกลับมีบรรยากาศซบเซาอึมครึม มีทั้งพวกหนอนพวกแมลง และแมลงหวี่บินไปบินมาเต็มห้องไปหมด นี่ยังดีที่ยังไม่เข้าหน้าร้อน แมลงวันเลยไม่ค่อยมี ไม่อย่างนั้นคงวุ่นวายกว่านี้
ฉินสือโอวเลยถามว่ายาฆ่าแมลงอยู่ไหนแล้ว วินนี่เลยผลักเขาออกไปแล้วพูดขึ้น “ห้องครัวจะไปใช้ยาฆ่าแมลงได้ยังไงกันล่ะ?”
เธอเลยไปหยิบมะนาวหนึ่งลูกออกมาจากตู้เย็น หลังจากปอกเปลือกออกแล้วก็หั่นผลเป็นแว่นๆ นำไปแช่ในน้ำผึ้งให้ฉินสือโอว ส่วนเปลือกมะนาวก็นำไปคั้นแล้วเอาไปฉีดตามพื้นตามมุมต่างๆ
พอพวกหนอนพวกแมลงได้กลิ่นนี้แล้วก็พากันไต่ออกหน้าต่างไป ไม่นานห้องครัวก็ไม่มีแมลงแล้ว เหลือไว้แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมะนาว
………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset