ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 535 มือสังหารออกโจมตี

ขณะที่ทำความสะอาดคฤหาสน์อยู่นั้น ฉินสือโอวก็ได้เห็นว่าห้องของเออร์บักยังคงว่างเปล่า เลยโทรศัพท์ไปหาเขา
จากนั้นทนายความใหญ่ดีกรีเหรียญทองก็ได้พูดกับเขาว่า ตอนนี้คดียังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบและรวบรวมหลักฐาน ซึ่งทางกรมประมงแคนาดาและกรมประมงญี่ปุ่นได้เดินเรื่องแล้ว
เดิมทีทั้งสองฝ่ายทำการหารือแก้ไขปัญหานี้ได้แล้ว แต่เป็นเพราะกรมประมงแคนาดาต้องการใช้โอกาสนี้กำจัดเรือล่าวาฬของทางญี่ปุ่นให้สิ้นซาก จึงเรียกร้องให้กรมประมงญี่ปุ่นลงนามในสัญญาและประกาศแถลงการณ์ถึงการไม่อนุญาตให้มีเรือล่าวาฬเข้าไปในเขตน่านน้ำมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอาร์กติกเพื่อล่าวาฬอีก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้น
ถึงญี่ปุ่นจะไม่ยอมเสียเส้นทางห่วงโซ่เศรษฐกิจนี้ไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเปิดเส้นทางเดินเรือในแคนาดาได้อยู่ดี แต่ถ้าได้ลงนามในสัญญาการยุติการเดินเรือล่าวาฬกับทางแคนาดาแล้ว ประเทศอื่นๆ จะต้องพากันลุกฮือขึ้นประท้วงอย่างแน่นอน
เช่นนี้ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มถกเถียงกัน เมื่อกรมประมงแคนาดาเล็งเห็นแล้วว่าฝั่งประเทศตัวเองจะต้องเสียเปรียบในที่สุดก็นึกถึงฟาร์มปลาต้าฉินขึ้นมา เออร์บักผู้ที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ต้องการให้เรือไดโตะโชวะมารุชดเชยค่าเสียหายจำนวนสิบล้านดอลลาร์
ฉินสือโอวที่ได้ฟังดังนั้นแล้วก็ขำแห้ง เรื่องง่ายๆ เรื่องเดียวแต่กลับกลายเป็นเรื่องระดับชาติไปแล้ว?
ผักในโรงเรือนที่เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม พออากาศเริ่มอุ่น ฉินสือโอวเลยคิดจะรื้อผ้าใบออก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแค่ดึงและพับเข้าจากทั้งสองฝั่งก็ได้แล้ว
พอเที่ยงเขาก็ไปเก็บทั้งแตงกวา มะเขือเทศ มะเขือยาว และพริกมากองใหญ่ ไหนจะไข่ไก่ ไข่เป็ดในฟาร์มเพาะเลี้ยงที่นับวันมีแต่จะเยอะขึ้น ทั้งยังเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์อีกด้วย
เช่นนี้พวกปอหลัว ฉงต้า ต้าป๋าย และหนูเสี่ยวหวงก็สบายกันเลยทีเดียว วินนี่ที่ทำหั่นผักและทำสลัดให้พวกมันกิน กินจนแต่ละตัวพุงอ้วนพลุ้ย
ไข่เป็ดไข่ไก่มากมาย ฉินสือโอวจึงทำไข่เจียวให้หู่จือและเป้าจือกิน รูปร่างของทั้งสองตัวที่โตเกือบจะเท่าแลบราดอร์โตเต็มวัยแล้ว ลุกขึ้นยืนแล้วใช้ขาหน้าปีนขึ้นไปบนโต๊ะอาหารในครัวพร้อมทั้งเกาคอแล้วมองดูไข่เจียวที่อยู่บนเตา
ไข่ไก่ธรรมชาติแท้ถึงแม้ไม่ใช้น้ำมันก็มีกลิ่นหอม ยิ่งฉินสือโอวทอดในกระทะเทฟลอน กลิ่นยิ่งหอมมากขึ้น ทำให้หู่จือและเป้าจอมตะกละจือต้องครางเอ๋งๆ ออกมา
พอปรนนิบัติเจ้าตัวเล็กเสร็จแล้ว ฉินสือโอวถึงค่อยไปเตรียมอาหารสำหรับเขาและวินนี่ ส่วนเบิร์ดกับอีกหลายๆ คนก็พาอีวิลสันเข้าไปกินพิซซ่ากับดื่มเบียร์กันในเมือง เพราะอาหารทะเลกับพวกเขาไปกันไม่ได้จริงๆ
พอช่วงบ่ายก็ได้มีรถคาดิลแลคเอ็กซ์ทีเอสสีแดงใหม่เอี่ยมคันหนึ่งขับเข้ามาในฟาร์มปลา ฉินสือโอวที่คิดว่าใครมา ก็ได้ออกไปดูด้วยความประหลาดใจ
หู่จือและเป้าจือที่กำลังเล่นสนุกกันอยู่ก็แค่เอียงคอมอง แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก แล้วกลับไปวิ่งไล่กระโดดโลดเต้นกันต่อ
แต่ฝูงห่านกลับเดินตูดส่ายพร้อมกับร้องก้าบก้าบตามท้ายรถของคนแปลกหน้าอย่างตื่นเต้น ทำให้ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะต้องถอนใจ “ให้ตายสิ เจ้าพวกนี้เหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเลยนะ!”
ประตูรถเปิดออก บูลและแลนซ์ก็ลงมาจากรถ
พอเห็นดังนั้นฉินสือโอวเลยหัวเราะขึ้น ไม่แปลกใจเลยที่หู่จือและเป้าจือไม่เห่า เพราะเป็นคนคุ้นเคยกันนี่เอง
หลังจากที่ฝูงห่านเดินไปดูทางหน้ารถแล้วก็เดินจากไป พวกชาวประมงที่จับได้ปลาตายกุ้งตายจากทะเลต่างก็จะเอามาป้อนพวกมัน จนตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็สนิทกันเป็นที่เรียบร้อย
ฉินสือโอวมองดูรถคันนี้ สีแดงเข้มมันวาว รูปทรงดูเรียบง่าย ให้ความรู้สึกสง่างามอย่างนุ่มนวล และที่เขาหัวเราะออกมาเมื่อกี้ก็เป็นเพราะว่ารถคันนี้ดูไม่เข้ากับบุคลิกของบูลเลยสักนิด แล้วอีกอย่างเขาจะซื้อแลนด์โรเวอร์ไม่ใช่หรอกเหรอ?
เขาเลยถามคำถามที่ตัวเองสงสัยออกไป บูลไม่ตอบแถมยังมองไปรอบๆ แล้วถามขึ้น “วินนี่อยู่ไหม?”
ฉินสือโอวเลยหันไปตะโกนเรียก วินนี่ที่กำลังทำงานบ้านอยู่ห้องโถงก็เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมา พอเห็นรถคาดิลแลคคันใหม่เอี่ยมกับชาร์คก็พากันพูดชมขึ้นว่า “ว้าว เป็นรถที่สุดยอดมาก บูล สายตานายนี่มันเฉียบแหลมจริงๆ ”
“ความจริงแล้ว รถรุ่นนี้ผมเป็นคนเลือกเองเลยนะ” แลนซ์พูดขึ้นอย่างภูมิใจ “อย่างน้อยที่สุดในการพิจารณาเลือกซื้อ ก็มาจากความเห็นผมเป็นส่วนมากแหละ”
วินนี่งงเล็กน้อย เลยถามขึ้น “นายก็ซื้อรถเหรอ? ฉันนึกว่าบูลอยากซื้อซะอีกน่ะ?”
แลนซ์ยักไหล่แล้วหัวเราะขึ้น “ไม่ๆ คุณเข้าใจผิดแล้ว ก็ใช่ที่พวกเราซื้อรถ แต่รถคันนี้พวกเราให้คุณเป็นของขวัญน่ะ”
วินนี่ตกใจจนตาค้าง เลยใช้ปลายจมูกของตัวเองถามขึ้น “ของขวัญฉัน?”
บูลเลยพูดแทรกขึ้นว่า “ใช่แล้ววินนี่ ก่อนที่ผมจะไปซื้อก็ได้ทำการปรึกษากับคนอื่นๆ ด้วยว่า อยากจะซื้อของขวัญให้คุณกับฉินสักหน่อย คิดไปคิดมา พวกเราเลยคิดได้ว่าคุณยังขาดรถรุ่นที่เหมาะจะพาคุณไปทำงานน่ะสิ”
ฉินสือโอวที่กำลังดูๆ คาดิแลคคันนี้อยู่ สักพักก็เกิดกลุ้มใจขึ้นมา แล้วพูดว่า “เฮ้ยๆ เพื่อน พวกนายคงไม่ได้คิดจะแย่งวินนี่ไปจากฉันหรอกใช่ไหม? บางคนให้ออดี้ ส่วนพวกนายให้คาดิลแลคเลยเหรอ?”
บูลโอบไหล่ของเขาแล้วพูดขึ้น “เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นกัปตัน พวกเราหมายถึงอยากจะขอบคุณที่พาพวกเราไปหาเงินที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ได้เฉยๆ น่ะ!”
หลังจากที่กลับมาจากอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ แลนซ์และพวกชาวประมงก็บอกว่าอยากจะให้ของขวัญแก่ฉินสือโอวสักชิ้น แต่ฉินสือโอวก็ปฏิเสธ แล้วพูดว่า ฉันมีทั้งรถแข่ง เครื่องบิน และฟาร์มปลาขนาดใหญ่ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากพวกเธอหรอกนะ
เห็นได้ชัดว่าพวกชาวประมงไม่ได้ฟังที่เขาพูดโน้มน้าวเลย พวกเขาเอาแต่คิดว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญแก่เขาดี พอพวกเขาเห็นเสื้อสูทผู้ชายก็เกิดปิ๊งไอเดีย วินนี่ไงไม่มีรถขับไปทำงานเลยสักคัน
วินนี่รีบยกมือขึ้นมาโบกปฏิเสธ แลนซ์เลยพูดกับฉินสือโอว “กัปตัน พวกคุณรับไว้เถอะนะ คุณก็รู้ ว่าพวกเราซาบซึ้งต่อคุณมากจึงอยากจะตอบแทนอะไรเล็กๆ น้อยๆ แต่พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้ว”
ฉินสือโอวเคยเห็นรถคันนี้ ซึ่งเป็นรุ่นหรูหราของซี่รีย์เอ็กแอลเอส แต่ราคาไม่ได้แพงเท่าไร ราคาในจีนประมาณสี่แสนหยวน ส่วนที่แคนาดารถขนาดใหญ่แบบนี้แค่ 44,000 หยวนเท่านั้น ชาวประมงแต่ละคนก็ออกเงินกันคนละประมาณสี่พันหยวน
แลนซ์และบูลที่พูดรบเร้าจนฉินสือโอวไม่กล้าปฏิเสธอีก เขาจึงจับมือวินนี่แล้วพูดขึ้น “งั้นก็รับไว้เถอะฮันนี่ ถือซะว่าพวกเขาให้เป็นของขวัญเทศกาลอีสเตอร์กับคุณแล้วกัน”
ได้ยินดังนั้นบูลเลยร้องอย่างเว่อร์วังออกไป “โนว กัปตัน นี่ก็เป็นของขวัญที่พวกเราให้วินนี่เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์แล้วไง แต่ในความหมายของคุณคือยังจะให้พวกเราให้ของขวัญในเทศกาลอีสเตอร์อีกรอบเหรอ?”
เทศกาลอีสเตอร์คือวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในวันที่กลางคืนและกลางวันเท่ากันของทุกปี แต่ปีนี้ค่อนข้างช้าซึ่งเป็นช่วงสิ้นเดือนเมษายนนั่นก็คือสุดสัปดาห์นี้
หลังจากที่วินนี่กอดบูลและแลนซ์เพื่อเป็นการขอบคุณก็ได้ขึ้นรถและขับรอบฟาร์มปลา มองรถและสาวงามกำลังแล่นออกไป บูลก็หัวเราะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ขึ้น “ให้รถไปหนึ่งคันแลกกับกอดนี้ผมว่าก็คุ้มแล้ว”
ฉินสือโอวพูดขึ้น “โชคดีนะที่พวกนายไม่ใช่กษัตริย์ของจีน ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดสงครามระหว่างคุณชายอีกรอบไปแล้ว”
พอวินนี่กลับมาก็พูดว่ารถคันนี้ขับดีแล้วก็สบายมาก เมื่อบูลและแลนซ์เห็นว่าเธอพอใจเป็นอย่างมากก็พากันกลับพร้อมกับความอิ่มอกอิ่มใจ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน แต่ละบ้านแต่ละครอบครัวรวมทั้งเทศบาลต่างก็พากันเตรียมงานเทศกาลอีสเตอร์
โลมาล็อตแรกที่พามาจากทะเลญี่ปุ่น ที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจนตอนนี้มาถึงมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือแล้ว
ฉินสือโอวเลยถอดจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปดู ล็อตนี้คือโลมาปากขวดถึง แม้การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ยังดูมีชีวิตชีวาดี ดูเหมือนพวกมันจะชอบฟาร์มปลาต้าฉินเข้าให้แล้ว
หลังจากทำการสำรวจฟาร์มปลาตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็ไปดูฟาร์มปลาแกธเธอริง วันเวลาที่ล่วงเลยใช้ไปกับการปรับปรุง ก้นทะเลของฟาร์มปลาที่อยู่ใกล้กับน่านน้ำทะเลก็โดนขัดจนเรียบไปหมดแล้ว และก็มีเรือขนทรายขาวเม็ดเล็กละเอียดมาเทลงก้นทะเลตรงนั้น
อย่างนี้ก้นทะเลตรงนั้นก็จะไม่มีตัวกำบังให้สิ่งมีชีวิต แล้วก็จะไม่มีปลามีกุ้ง
ฉินสือโอวจึงได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วเตรียมตัวกลับ อยู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเปลือยเท้าเปล่าลงน้ำ เขาหันไปมอง คนที่เป็นแกนนำก็คือเจ้าคนอังกฤษอัลเบิร์ต วิลเลียม สมิธ
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด ทางดีๆ ก็มีให้เลือกแต่กลับไม่เอาใช่ไหม ถึงคราวที่เขาจะได้แสดงฤทธิ์เดชบ้างแล้ว!
เหล่ามือสังหารจ้าวแห่งท้องทะเล กั้งตั๊กแตนเจ็ดสี เตรียมโจมตี!
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset