ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 539 วินนี่สั่งสอนหลัวปอ

เฮยป้าหวังว่ายสำรวจบริเวณชายฝั่งหนึ่งรอบพอเห็นว่าไม่มีท่าทีของคู่ต่อสู้ มันถึงค่อยว่ายกลับสู่ทะเลลึกอย่างเชื่องช้า เหลือไว้แต่ความน่ากลัวที่ไม่สิ้นสุดแก่คนงาน…
กั้งตั๊กแตนถึงแม้จะน่ากลัว แต่อย่างมากที่สุดก็โดนต่อยแค่ที่แขนหรือขา แต่ฉลามขาวไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าตัวนี้เขมือบคนได้ทั้งตัวโดยไม่คายกระดูกออกมาด้วย!
ครั้งนี้ชายหนุ่มหมดหนทาง อำนาจของเขาก็ใช้ไม่ได้ ตกงานยังดูน่ากลัวกว่าถูกฉลามขาวกินซะอีก?
ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงแค่โทรหาอัลเบิร์ต
พอได้ยินว่าฉลามขาวบุกมาที่ฟาร์มปลาของตน นางพยาบาลที่กำลังจะเปลี่ยนยาให้ขาของอัลเบิร์ตก็โดนถีบจนล้มพับ ส่วนเขาก็แผดเสียงขึ้น “ตาข่ายกันฉลามล่ะ? พวกเราได้ล้อมตาข่ายกันฉลามไว้ไหม? ไม่ใช่ว่าล้อมไว้ตั้งสามรอบแล้วเหรอ?!”
ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับใบหน้าโศกเศร้า “ตาข่ายกันฉลามยังอยู่ แต่ฉลามตัวนี้ไม่ได้ว่ายมาจากทะเลลึกของฟาร์มปลาพวกเรา มันมาจากเขตทะเลข้างๆ ดูเหมือนกำลังไล่ตามเหยื่อมา…”
อัลเบิร์ตเงียบไปสักพักด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ในที่สุดเขาก็กัดฟันพูดว่า “ใช้ยาพีดีพีเอ! เคลียร์น่านน้ำให้ฉันให้เรียบร้อย! ยาพิษนี้จะไม่ทำให้ปลาคาร์ฟเอเชียตาย ก็คงจะไม่ทำให้คนเอเชียตาย?!”
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าเจ้าคนอังกฤษคิดอะไรอยู่ รู้แค่ว่าตัวเองสบายใจมาก ไม่มีอะไรทำก็ส่งเฮยป้าหวังไปว่ายเล่นที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง ไม่เกี่ยงว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เวลาไหนอารมณ์ดีก็ไปวนเวียนตอนนั้น เวลาไหนอารมณ์ไม่ดีก็ไปวนเวียนอีกอยู่ดี…
เหล่าคนงานที่ไปกินเบียร์ที่ร้านเหล้าอยู่บ่อยๆ พวกผู้ชายพอเหล้าเข้าปากก็มักจะพูดอะไรต่างๆ นาๆ ออกมาโดยไม่คิด
ผ่านไปยังไม่ถึงวัน คนทั้งเมืองแฟร์เวลก็รู้กันทั่วแล้วว่ามีฉลามขาวยาวสิบเมตรตัวหนึ่งมาที่ฟาร์มปลาแกธเธอริง!
ฉลามขาวยาวสิบเมตรเลยนะ มันจะต้องเป็นจ้าวนักล่าแห่งมหาสมุทรแน่ๆ เลย มีหลายคนที่ไม่เชื่อ พวกเขาจึงพากันไปรอดูที่หน้าผาโรงงานเคมีซึ่งอยู่ห่างจากฟาร์มปลาแกธเธอริงไม่ไกล
ไม่นานก็มีเงาของเฮยป้าหวังว่ายมาตามที่คาด มันกำลังไล่ตามตัวหิมะโชคร้ายตัวหนึ่งอยู่ด้านหลังอย่างไม่รีบร้อน
พอเห็นครีบบนหลังทรงสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่คล้ายกับธงโจรสลัด มุมปากของพวกคนที่มารอดูก็กระตุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ พวกคนงานไม่ได้โม้ ถ้าฉลามขาวตัวนี้ไม่ได้เป็นโรคกระดูกโตที่ทำให้ครีบบนหลังมันใหญ่ผิดปกติ งั้นมันก็คงมียาวสิบเมตรจริง!
ในมหาสมุทรใช่ว่าจะไม่มีฉลามขาวขนาดใหญ่ แต่ที่ว่ายเข้ามาใกล้ชายฝั่งจะเห็นได้น้อยมาก ดังนั้นข่าวแบบนี้จึงค่อนข้างดูมีสีสันขึ้นมา ทำให้ข้อมูลแพร่จากเกาะแฟร์เวลไปยังเซนต์จอห์นอย่างรวดเร็ว เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้มีคนไปดูวิลล่าแถบชายหาดน้อยลงทุกที
อัลเบิร์ตได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ส่วนฉินสือโอวนั้นยิ้มอย่างมีความสุข
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะทำให้เขาดีใจได้ อย่างเช่นหลังจากเขากลับมาครั้งนี้แล้วพบว่า เจ้าหลัวปอน้อยตัวร้ายทำนิสัยฉี่และขี้เรี่ยราด
แต่ก่อนมีวินนี่คอยควบคุมมันก็จะวิ่งไปทำธุระข้างนอกอย่างว่านอนสอนง่าย ส่วนตอนนี้มันไม่ได้สนอะไรเลยเหมือนกับกระบอกรั่วที่ปวดตรงไหนก็ปล่อยตรงนั้น
วันถัดมาโอดอมได้ออกจากฟาร์มปลา ส่วนเจมส์ก็รออยู่ที่นี่สี่วันแล้ว เขาก็เหมือนกับชาวประมงทั่วไปตามชาร์คและคนอื่นๆ ออกทะเลตั้งแต่เช้าส่วนตอนเย็นถึงค่อยกลับ พร้อมกับพกสมุดบันทึกไว้กับตัวตลอดเพื่อคอยบันทึกการจับปลาของฟาร์มปลาต้าฉิน
คืนวันนั้นหลังจากได้ทานปลาลิ้นหมา ปลาค็อด ปลาแฟงค์ทูธและปลาทะเลอื่นๆ เจมส์ก็กะพริบตาปริบๆ
เพราะว่าอุตสาหกรรมแปรรูปในอเมริกาใต้ไม่เจริญ ส่วนอเมริกาเหนือก็รักษาสิ่งแวดล้อมได้ดี ดังนั้นอาหารทะเลของมหาสมุทรแอตแลนติกจึงไม่มีมลพิษแถมอาหารยังอร่อยขึ้นชื่อ คุณภาพจึงดีกว่าของทะเลจากมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย
ส่วนที่มหาสมุทรแอตแลนติกไม่ต้องสงสัยเลยเพราะอาหารทะเลที่ได้คุณภาพที่สุดนั้นมาจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ เพราะการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของแคนาดาได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก บวกกับอยู่ติดขั้วโลกเหนือที่ไม่มีมลพิษ จึงเป็นองค์ประกอบที่ทำให้มหาสมุทรแปซิฟิกได้รับสมญานามว่า‘แหล่งกำเนิดอาหารทะเล’
แต่ในมุมมองของเจมส์ต่อให้มีแหล่งกำเนิดอาหารทะเลอีก ก็ไม่สามารถผลิตอาหารทะเลที่มีรสชาติดีขนาดนี้ได้ ไม่ว่าจะเนื้อนุ่มชุ่มน้ำของปลาลิ้นหมา เนื้อแน่นรสชาติดีของปลาค็อด ปูราชินีที่หอมมัน ยิ่งพวกปลาแฟงค์ทูธกับปลายอดม่วงยิ่งไม่ต้องพูดถึง…
พอทานอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินเสร็จ เขาก็ตัดสินใจไม่ไปทันที เพื่อจะพิจารณาดูก่อนว่าถ้าคุณภาพอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินสูงได้มาตรฐาน งั้นต่อให้เขาต้องเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย ก็คงต้องร่วมมือกับฉินสือโอวให้ได้
ช่องทางการยึดอำนาจแห่งร้านอาหารทะเลระดับสูงมาถึงแล้ว!
ฉินสือโอวตามใจเจมส์ เจมส์จึงเช่าโรงแรมหนึ่งห้องไว้ในเมือง ข้าวก็มาตักกินที่บ้านฉินสือโอว กลางวันก็ตามไปออกทะเลด้วยกลางคืนก็กลับไปนอนโรงแรม จนดูเหมือนเป็นวันธรรมดาที่แสนสุข
ไม่ว่าแต่เจมส์ ฉินสือโอวเวลาไม่มีอะไรทำก็จะร่างภาพฟาร์มปลาลงในกระดาษขาวแผ่นใหญ่อยู่ที่ห้องรับแขก
จนในตอนที่เขากำลังขมวดคิ้วใช้ความคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น…
ฉินสือโอวก้มลงมองอย่างช้าๆ ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็เห็นดวงตาเล็กๆ ดำขลับสองข้าง
เจ้าหลัวปอน้อยเอียงคอมองฉินสือโอวอย่างกระดากอาย มันได้ย่อขาหลังลงแล้วหางน้อยๆ ก็ชันสูงขึ้นคล้ายกับเสาธง จากนั้นฉี่ใสๆ ก็ไหลลงบนพื้น…
จากนั้นหู่จือและเป้าจือที่หมอบรับลมอยู่หน้าประตูก็สูดจมูก ย่นหน้าเล็กๆ แล้วหันหัวมองไปทางห้องรับแขก พอเห็นถึงสีหน้าตะลึงงันของฉินสือโอว พวกมันกลับร่าเริง แล้วรีบลุกขึ้นอย่างไวเพื่อรอดูโชว์สนุกๆ จากการที่เห็นหลัวปอมีทุกข์
แต่น่าเสียดายที่ความจริงทำพวกมันผิดหวัง หนังฮอลลีวูดฉากใหญ่ไม่ได้ถูกฉาย ที่พวกมันเห็นยังคงเป็นแค่มีมือปีศาจมาฉีกละครในอุดมคติไป ฉินสือโอวไม่ทำอะไรเลย แค่ควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายคลิปวิดีโอเฉยๆ แล้วส่งให้วินนี่
ตกเย็นวินนี่จึงรีบกลับมาอย่างลุกลี้ลุกลน พอลงรถเสร็จก็ได้ถอดแว่นกันแดดออกจากใบหน้าสวยๆ ที่เต็มไปด้วยเหงื่อ จากนั้นก็รีบสาวเท้าตรงเข้าไปดูยังห้องรับแขก
ฉี่ได้โดนลมทะเลพัดจนแห้งเรียบร้อย แต่บนพื้นไม้ยังคงเหลือคราบไว้อย่างชัดเจนราวกับรูปภาพแผนที่
เจ้าหลัวปอน้อยฉลาดไม่เบา เพราะพลังแห่งโพไซดอนได้ปรับปรุงความฉลาดของมัน เมื่อเห็นสีหน้าอึมครึมของวินนี่ที่มองไปยังฉี่ของตัวเอง มันก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงรีบชิงเข้าไปทำตัวน่ารัก ใช้ขาหน้ากอดไปยังขากางเกงของวินนี่แล้วเอาตัวกลิ้งไปมาบนพื้น
ฉินสือโอวก้มลงบนโต๊ะแล้วถามว่า “ฮันนี่ คุณคิดว่าจะจัดการยังไงกับลูกสาวคุณล่ะ”
คราวนี้วินนี่ไม่ตำหนิเจ้าหลัวปอน้อย เธอแค่ถอดแว่นกันแดดออกและโยนลงบนโซฟาพร้อมกับกระเป๋า มือหนึ่งก็ใช้ผ้าขนหนูเช็ดฉี่จนสะอาด ส่วนอีกมือหนึ่งก็หิ้วคอเจ้าหลัวปอน้อยพามันเดินออกจากคฤหาสน์ไปยังท่าเทียบเรือบล็อคคอนกรีต
หู่จือและเป้าจือปีนจากพื้นขึ้นมาอย่างเงียบๆ แล้วเงยหน้ามองฉินสือโอว ฉินสือโอวจึงขมวดคิ้วแล้วถามว่า “พวกแกคิดจะทำอะไร? ตามไปดูอะไรสนุกๆ ไหม? ถ้าอยากจะไปดู หึหึ ยังไม่รีบตามไปอีก”
วินนี่พาเจ้าหลัวปอน้อยไปยังริมสุดของท่าเทือบเรือบล็อคคอนกรีต จากนั้นก็จับมันวางไว้ที่ขอบท่าเรือ แล้วหยิบผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดฉี่ให้มันดม “ดูสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
เจ้าหลัวปอน้อยจามออกมา มันหดตัวแล้วตั้งใจหลบตาวินนี่ หางน้อยของมันๆ ก็จุกเข้าไปในตูด พร้อมกับนั่งลงแล้วเงยหน้ามองโดยไม่เปล่งเสียงใดๆ ด้วยความเศร้าโศก
วินนี่ใช้นิ้วเชยคางเจ้าหลัวปอน้อยขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยความโมโหว่า “แกดูสิ แม่ไม่อยู่บ้านแกกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วเหรอ? ปกติแกฉี่และขี้ตรงนั้นเหรอ?”จากนั้นเธอได้หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดคลิปวิดีโอให้มันดู “นี่แกทำกำลังทำอะไรอยู่? นี่คือแกใช่ไหม?!”
เจ้าหลัวปอน้อยครางหงิงหงิง เงยหน้าขึ้นมองวินนี่ด้วยท่าทางน่าสงสาร วินนี่ยังไม่ได้ทำอะไร เธอวางโทรศัพท์ลงแล้วยื่นมือออกไปผลักเจ้าหลัวปอน้อย “ในเมื่อแกไม่เชื่อฟัง งั้นฉันก็จะจับแกโยนลงทะเลไปเลย!”
………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset