ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 558 ขยายฟาร์มปศุสัตว์

ฉินสือโอวควรจะเสียใจที่มาสอนพวกเด็กๆ เล่นวงล้อไฟตอนนี้ ไว้ฟาร์มปลาเป็นระเบียบแล้วค่อยมาสอนพวกมารน้อยทั้ง 7 ทีหลัง
ฟาร์มปลานอกจากตำแหน่งของชายหาดแล้ว สถานที่อื่นๆ ล้วนเป็นพื้นแข็ง วงล้อไฟจะวิ่งได้ต้องใช้แรงดันไม่น้อย
เด็กทั้ง 7 คนเรียนรู้ที่จะเล่นแล้วก็เริ่มเหยียบวงล้อไฟกระจัดกระจายกันไปทั่วทันที ทั้งจับไก่และไล่สุนัข ไล่กันจนไม่รู้ว่าแต่ละคนล้มกันไปแล้วกี่ครั้ง
พวกห่านสีขาวตัวใหญ่ก็กำลังประสบปัญหา เมื่อก่อนพวกเด็กๆ ไม่กล้าเข้าไปยั่วยุพวกมัน เพราะถึงแม้ว่าห่านขาวจะไม่ไล่ตาม แต่ก็ง่ายมากที่จะเข้าไปอยู่ในวงล้อมของฝูงห่าน
ตอนนี้พอมีวงล้อไฟแล้ว พวกห่านขาวไม่รู้ว่าของสิ่งนี้คืออะไร แค่มองว่ามันทั้งยิงเปลวไฟทั้งแสงแฟลชได้ พวกห่านก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย พวกเด็กๆ เหยียบบนวงล้อไฟและพุ่งเข้าไปในฝูงห่าน พวกห่านขาวก็รีบหนีออกไปจากตรงนั้นด้วยความกลัว
ดังนั้นไข่ห่านที่พวกห่านขาวรวบรวมไว้ด้วยความยากลำบากจึงถูกฉกไป ครั้งนี้ห่านขาวเป็นผู้เสียหายแต่ก็ร้องไม่ออก พวกมันไม่ค่อยกล้าที่จะไปไล่ตาม
ทั้งตอนเข้าเรียนและเลิกเรียน เด็กทั้ง 7 คนต่างก็พกวงล้อไฟไปด้วย เดิมทีเด็กนักเรียนประถมของแคนาดาก็ไม่ต้องพกหนังสือเรียนไปเท่าไรอยู่แล้ว แต่แบบนี้ยิ่งไม่พกไปเลย พวกเด็กๆ ต่างโยนหนังสือไว้ที่บ้านที่โรงเรียน ในกระเป๋าหนังสือก็ใส่ไว้แค่วงล้อไฟที่พับเก็บได้
ครั้งที่แล้วบัตเลอร์กลับมาจากการตกปลาหลังจากนั้นก็ไม่มีกิจกรรมนี้อีก ฉินสือโอวก็ยิ่งไม่อยากตกปลามากขึ้น ต่อจากนี้ปลาที่อยู่ในทะเลจะไม่ถูกทอดทิ้งและเจริญเติบโตต่อไป
เมื่อเข้าสู่กลางเดือนพฤษภาคม ในที่สุดน้ำแข็งที่พื้นก็ละลายหมดแล้ว ฉินสือโอวพาชาร์คและคนอื่นๆ ไปวางแผนขยายฟาร์มปศุสัตว์นิดหน่อย
จำนวนของไก่และเป็ดในฟาร์มปศุสัตว์เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า เพราะพ่อไก่และแม่ไก่ พ่อเป็นและแม่เป็ดผสมพันธุ์กัน นับดูแล้วไม่แน่ใจว่าพวกมันผสมพันธุ์และวางไข่กันตอนไหน ไข่พวกนี้สามารถนำมาเพาะพันธุ์เป็นลูกไก่และลูกเป็ดได้ทีละเล็กทีละน้อยทำให้จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ดังนั้นการเพิ่มไก่งวงเข้ามา การเจริญเติบโตของหมูเลี้ยงและหมูป่าส่งผลให้ฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กรองรับไม่ไหว ตอนฤดูหนาวฉินสือโอวจึงคิดที่จะขยายฟาร์ม แต่รั้วทั้งหมดก็ถูกแช่แข็งติดอยู่กับพื้นจึงไม่สามารถทำได้
ฉินสือโอวพาชาร์ค ซีมอนสเตอร์ นีลเซ็น บูลและอีกหลายคนไปหาชุดทำงานบนเรือ พวกเขาสวมถุงมือผูกผ้าโพกหัวเพื่อไปขยายฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก
ซีมอนสเตอร์เอาผังก่อสร้างมาและใช้ดินสอวาดเส้นลงบนผังอย่างจริงจัง ฉินสือโอวมองไปที่ผังแล้วก็ประหลาดใจจึงถามว่า “นี่คืออะไร?”
“พิมพ์เขียวครับ ถ้าไม่มีพิมพ์เขียวพวกเราจะทำงานอย่างไร?” ซีมอนสเตอร์ตอบกลับอย่างไม่ต้องสงสัย
คนอเมริกาและคนแคนาดาล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำงานซึ่งจะดูได้จากซีรีส์อเมริกันทีวี ภาพยนตร์ฮอลลีวูด บล็อกบัสเตอร์และอื่นๆ ถ้าในบ้านมีอะไรรั่วต้องซ่อมแซมพวกเขาก็ทำมันด้วยตัวเอง สนามหญ้าพวกเขาก็ตัดด้วยตัวเอง ไม่ใช่ว่าพวกเขาขยันทำงาน แต่ถ้าต้องจ้างคนมาทำก็ต้องใช้เงิน ดังนั้นผู้ชายชาวอเมริกาเหนือล้วนรู้จักทักษะบางอย่างเล็กน้อย
พวกเขาเป็นมืออาชีพอย่างมากในการทำงานฝีมือ ห้องเก็บของภายในบ้านมักจะเก็บเครื่องมือเอาไว้อย่างครบครัน ก่อนที่จะทำงานเขาจะวาดพิมพ์เขียวและทำการตรวจวัดทางเทคนิค โดยซีมอนสเตอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญในส่วนนี้
ฉินสือโอวมองดูแล้ว บนพิมพ์เขียวของซีมอนสเตอร์วาดแบบพื้นที่ของฟาร์มปศุสัตว์ใหม่ออกมาได้อย่างชัดเจนมาก ที่ไหนต้องใช้ไม้หนารองรับ ที่ไหนสำหรับเปิดประตู ที่ไหนต้องติดตาข่ายกั้นเพิ่ม เขียนออกมาได้อย่างชัดเจนมาก
นอกจากนั้นซีมอนสเตอร์ยังปรับแต่งพื้นที่ฟักไข่ของแม่ไก่และแม่เป็ดบนพิมพ์เขียวด้วย หลังจากนั้นไข่ก็จะอยู่รวมกันเหมือนเมื่อก่อนและเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหมูเหยียบแตกและอื่นๆ
ฟาร์มปศุสัตว์ใหม่มีรูปร่างเหมือนตัวอักษร ‘ทู’ ในภาษาจีน กล่าวคือส่วนแรกของฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กดั้งเดิมนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ส่วนหลังจะเปิดตรงแนวขวางและขยายออกไป ดังนั้นลำธารขนาดเล็กยังคงไหลผ่านตรงกลางในการขยายพื้นที่เพาะเลี้ยง
ชาร์คบอกฉินสือโอวว่า “ฟาร์มปศุสัตว์ของพวกเรากับลำธารบนภูเขาสูงรวมเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี ดูสิครับบอส ปลาและกุ้งในลำธารสายเล็กนี้สามารถใช้เป็นอาหารให้ไก่กับเป็ดได้ และมูลของไก่กับเป็ดก็จะไหลไปที่ปากอ่าวเพื่อเป็นอาหารให้แก่แพลงก์ตอนจำนวนมาก ระบบความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันแบบนี้ก็ไม่เลวนัก”
ฉงต้าตามมาทำงานด้วย ฉินสือโอวนำรั้วลวดตาข่ายออกมาเพื่อไปใช้ขึงตามแนวด้านในฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก มันกางกรงเล็บเพื่อจะช่วย ผลคือมันเข้าไปแย่งลวดตาข่ายมาจนเกิดความยุ่งเหยิง ฉินสือโอวต้องลูบที่หัวของมันเพื่อให้มันนั่งลง
ฉงต้าที่เห็นว่าตัวเองไม่สามารถช่วยเหลือได้ก็นั่งหงุดหงิดอยู่บนสนามหญ้าด้วยความโกรธ
หมูป่าตัวเล็กของเจิงจี้เมื่อโตขึ้นแล้วเจ้าอารมณ์มาก เมื่อก่อนพวกมันก็วิ่งชนรั้วจนพังเพื่อจะหนีออกไป ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกจึงให้นีลเซ็นพาพวกมันไปเลื่อนฟันออก โดยจะพบว่ารั้วถูกดึงออกและเปลี่ยนเป็นรั้วลวดตาข่ายที่อ่อนกว่าแล้ว
หมูป่าหนักร้อยกว่ากิโลกรัมตัวหนึ่งหอบฮืดฮาดปีนขึ้นมาและวิ่งเข้าชนด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อฉีกลวดตาข่ายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและก็หนีออกไป
ในเวลาอันสั้นภายในฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กก็เกิดความวุ่นวายขึ้น หมูเลี้ยงยังโอเคอยู่ แต่ความกล้าก็หดหายไปด้วย หมูป่าตัวอื่นๆ ก็คิดที่จะวิ่งออกไป สายเลือดของพวกมันยังคงไหลเวียนไปพร้อมกับความดุร้ายที่บรรพบุรุษของพวกมันทิ้งไว้ให้
ฉินสือโอวมองดูด้วยความกังวลและตะโกนว่า “เร็วเข้า รีบล้อมพวกหมูป่าเอาไว้!”
ชาร์คและคนอื่นๆ ต่างก็แสดงความวิตกกังวล พวกเขาไม่ได้เอาปืน ธนูและลูกธนูมาด้วย จะจัดการกับหมูป่าตัวใหญ่หนักร้อยกว่ากิโลได้อย่างไร?
ฉงต้ากะพริบตามองปริบๆ และสุดท้ายก็เข้าใจว่าโอกาสที่จะแสดงความสามารถของตัวเองมาถึงแล้ว
มันลุกขึ้นเหวี่ยงอุ้งมือที่มีขนสีน้ำตาลทองออกไป ขนหมีที่แวววาวส่องประกายภายใต้แสงแดดซึ่งทำให้ตาพร่ามัว ไขมันที่ท้องสั่นระรัวทำให้ขนหมีดูแล้วเหมือนกับการเคลื่อนไหวของสายน้ำ
หมูป่าตัวหนึ่งหอบฮืดฮาดมองไปทางฉงต้าแล้ววิ่งเข้าใส่ ฉงต้าไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แขนและขาทั้ง 4 ยึดมั่นอยู่กับพื้นเหมือนกับศึกล้อมเมืองเพื่อรับแรงปะทะจากการโจมตีจากระยะไกล
“ตูม!” เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นทันทีที่หมูป่าถูกฉงต้าวิ่งเข้าชนจนล้ม แต่มันก็ยังอาจหาญ โดยไม่คาดคิดมันไม่ได้พุ่งเข้าชนกลับ มันเดินตัวสั่นถอยหลังกลับไป 2 ก้าวแล้วก็ยืนหยัด
ฉงต้าใช้โอกาสนี้วิ่งเข้าไปด้วยความเร็ว 2 ก้าวและอ้อมไปด้านข้างของหมูป่า ฝ่ามือถูกยกขึ้นสูงและ ‘ผลัวะ’ เหวี่ยงกรงเล็บไปที่คอของหมูป่าและใช้อีกฝ่ามือกดมันไว้กับพื้น
นี่ก็คือพลังของหมีน้ำตาลแห่งรัฐโคโลราโด
หมูป่าส่งเสียงคำรามและพยายามลุกขึ้นเพื่อจะสู้กับฉงต้า ผลคือภายในสายเลือดของฉงต้าก็มีประสบการณ์การต่อสู้ของบรรพบุรุษเหมือนกัน
หลังจากที่มันตบหมูป่าจนล้มลงไปด้วยกรงเล็บบนปากยาวๆ ของหมูป่า อีกฝ่ามือก็เหวี่ยงเข้าที่ส่วนหลังคอของหมูป่าอย่างดุร้ายและทุบกระดูกสันหลังส่วนคอของหมูป่าจนแตกละเอียด
ภายในปากหมูป่าที่ร่วงอยู่กับพื้นมีเลือดพุ่งออกมา ร่างอวบอ้วนกระตุกเล็กน้อยแม้ว่าขาทั้ง 4 จะยังสั่นระริก แต่ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป
หู่จือเป้าจือไล่ตามหลังหมูป่าตัวอื่นๆ ไป กระโดดเข้าไปและฉีกกระชากคอของหมูป่าอย่างรุนแรง หลังจากนั้นพวกหมูป่าทั้งหมดก็จะถูกเลี้ยงเอาไว้จนโต เมื่อขาดพวกบรรพบุรุษแห่งป่าเขาไปพวกมันก็เริ่มไม่ดุร้ายและกลัวตาย มีฉงต้าที่คอยเขย่าขวัญและหู่จือเป้าจือที่ไล่ตาม อีกทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ที่หนีออกจากรั้วลวดตาข่ายได้ยากลำบากด้วย
ฉงต้ายืนขวางอยู่ด้านนอกตรงที่รั้วลวดตาข่ายขาดและยกศีรษะขึ้นส่งเสียงร้องคำราม “โฮก!”
พละกำลังของสัตว์ป่าที่ดุร้ายกำลังเพิ่มสูงขึ้น!
หมูเลี้ยงกับไก่และเป็ดถูกทำให้กลัวและยืนตัวสั่นอัดกันอยู่ด้านหน้าของฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็ก ฝูงหมูป่าก็ไม่กล้าที่จะป่าเถื่อนอีกและล้มตัวนอนอยู่ใต้ต้นเมเปิลอย่างซื่อสัตย์
ฉินสือโอวกับพวกชาวประมงดึงรั้วไม้เดิมออกทั้งหมดแล้วและใช้พลั่วขุดหลุมอีกครั้งเพื่อฝังรั้วไม้ใหม่ลงไป ตามการออกแบบของพิมพ์เขียว แนวขวางทั้ง 2 ด้านแต่ละด้านจะขยายออกไปอีก 20 กว่าเมตรและแนวยาวจะขยายออกไป100 กว่าเมตร สุดท้ายจะเชื่อมเข้าด้วยกันเป็นรูปทรงเหมือนตัวอักษร ‘ทู’ ในภาษาจีน
ดังนั้นพื้นที่ของฟาร์มปศุสัตว์ขนาดเล็กจะมีขนาด 5 พันกว่าตารางเมตรเพียงพอที่จะเลี้ยงไก่ เป็ดและหมูได้
หลังจากที่วุ่นวายมาตลอดทั้งวัน ชาวประมง 10 คนที่มาช่วยกันสร้างฟาร์มปศุสัตว์ใหม่ ดังนั้นจึงมีหมูป่าตัวหนึ่งถูกฉงต้าฆ่าตายถูกลากกลับไปทำบาร์บีคิวตอนกลางคืน
…………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset