ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 579 ปลาเล็กที่คืบคลานได้

สาหร่ายจีฉ่ายเป็นชื่อเรียกรวมของสาหร่ายที่มีลักษณะใบเรียงสลับในทะเลจัดอยู่ในพวกสาหร่ายสีแดงโดยทั่วไปจะมีสีม่วงหรือเขียวอมน้ำตาลมีรูปร่างที่หลากหลาย ในฟาร์มปลาต้าฉินก็จะมีสาหร่ายใบ สาหร่ายแห้งอื้อ สาหร่ายเทเนอราและอื่นๆ หลายชนิด ที่ฉินสือโอวสอนเด็กๆ เลือกคือสาหร่ายใบ
เขาอธิบายให้พวกเด็กๆ ฟังก่อนว่าสาหร่ายแผ่นทำมาจากสาหร่ายจีฉ่ายตากแห้งย่าง นี่ไม่ผิด แต่ไม่ใช่สาหร่ายจีฉ่ายทุกชนิดจะทำเป็นสาหร่ายแผ่นได้เพราะมีบางชนิดที่ไม่สามารถกินได้ ที่ค่อนข้างเหมาะกับฟาร์มปลาต้าฉินคือสาหร่ายใบสาหร่ายจีฉ่ายประเภทนี้แตกออกได้ดีเถายาวประมาณยี่สิบกว่าเซนติเมตรมีสีม่วงอมแดงพันกันอยู่เป็นกลุ่มแถวๆ แนวหิน
พาวลิสจะถอนสาหร่ายใบขึ้นมาแม้แต่รากฉินสือโอวเลยรีบยั้งไว้ ให้นีลเซ็นไม่เอามีดเล่มเล็กมาแล้วพูด “ตัดพวกมันก็ได้แล้ว เหลือรากพวกมันไว้ เดี๋ยวพอน้ำขึ้นพวกมันก็จะยังโตขึ้นได้อีก”
ปกติแล้วสาหร่ายใบยิ่งใบหนายิ่งรากใหญ่ก็ยิ่งดีไม่อย่างนั้นพอแสงแดดส่องมาก็ไม่มีเนื้ออะไรให้กินแล้ว อีกอย่างใบหนาเนื้อก็จะเยอะแบบนี้พอเอาไปทำเป็นสาหร่ายแผ่นก็จะมีอะไรให้เคี้ยว
สาหร่ายจีฉ่ายที่ฟาร์มปลาต้าฉินมีคุณภาพสูง รากใหญ่ยาวอย่างไรเสียก็ได้รับจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ชาร์คเอาขึ้นมาดมแล้วพูดด้วยความชื่นชม “อื้ม เจ้านาย กลิ่นสดใหม่มากครับ ย่างสุกแล้วต้องอร่อยแน่นอน”
เนื่องจากกินปลาทะเลเยอะแล้วพวกเด็กๆ เลยสนใจสาหร่ายแผ่นมากกว่า สิ่งนี้เป็นอาหารทานเล่นกินกับข้าวโพดคั่วตอนเล่นเกม ความสดใหม่และกลิ่นหอมได้รับการต้อนรับอย่างมาก
ฉินสือโอวเอากล่องไม่กี่ใบมาแล้ววางสาหร่ายลงไปอย่างชำนาญ วินนี่ยิ้มให้หลิวซูเหยียนแล้วพูด “ตอนบ่ายพวกเราจะได้กินซุปสาหร่ายใส่ไข่ คุณชอบกินไข่ไก่ไข่เป็ดหรือไข่นก?”
“อย่าเกรงใจเลยค่ะ…” หลิวซูเหยียนรีบโบกมือ
วินนี่หัวเราะ “เปล่า ไม่ได้เกรงใจ ที่นี่พวกเรามีไข่เยอะเกินไปจริงๆ ได้มาทุกชนิดทุกประเภททุกวันจนกินกันไม่ไหว หวังว่าคุณจะชอบ”
พวกเด็กๆ เก็บสาหร่ายราวกับเป็นการแข่งขัน เชอร์ลี่ย์ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ “เฮ้ มาดูเร็ว ตรงนี้มีปลาที่คลานบนชายหาดได้!”
พวกเด็กๆ รอบๆ วิ่งไปมุงดู ชาร์คพูดโพล่งสุ่มสี่สุ่มห้า “นี่มีอะไรแปลก? เป็นปลาไหลอเมริกันอย่างแน่นอนฉันกับพ่อเธอเคยเห็นปลาแบบนี้ปีขึ้นรถมาแล้ว… อ้าว ไม่ใช่ปลาไหลอเมริกันเหรอ?!”
ถิ่นอาศัยของปลาอยู่ที่ทะเลแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่สามารถอยู่บนบกได้เลย
ตามทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตของดาร์วิน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมล้วนวิวัฒนาการมาจากปลา หรือพูดได้ว่าตั้งแต่เริ่มยุคดีโวเนียนเมื่อสามร้อยห้าสิบล้านปีก่อน มีพวกปลาโบราณบางส่วนออกจากน้ำแล้วค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมบนบก จากนั้นก็พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายกลายเป็นมนุษย์
ตามที่ฉินสือโอวรู้ตอนนี้มีปลากระดูกแข็งบางส่วนที่สามารถมีชีวิตอยู่นอกน้ำได้ในระยะเวลาหนึ่ง ไม่รู้ว่าหากมีปัจจัยเอื้ออำนวยพวกมันจะสามารถวิวัฒนาการจนกลายเป็นคนได้หรือเปล่า…
เห็นเด็กๆ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ตรงนั้นเขาก็เดินไปดูด้วย ตอนแรกเขาก็เดาว่าเป็นปลาไหลอเมริกันปลาชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่นอกน้ำได้สิบนาทีกว่าก่อนหน้านี้เขาเคยพบอยู่ไม่กี่ตัว แต่ปลาไหลพวกนี้มุดเข้าไปในทรายที่เปียกชื้นอย่างฉลาดสามารถอดทนอยู่ได้ถึงเวลาน้ำขึ้นเขาเลยจับไม่ได้
พอเดินมาถึงตรงหน้าปลาตัวนี้ฉินสือโอวก็ไขว้เขวอยู่บ้าง เฮ้ ไม่ใช่ปลาไหลอเมริกันจริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปลาชนิดนี้ปรากฏออกมาเลย
ปลาชนิดนี้ลักษณะแปลกประหลาดเหมือนกบไม่มีขาที่ถูกดึงให้ยาวส่วนหลังเป็นสีน้ำตาลดำท้องสีเทา ด้านหลังมีตุ่มสีดำหกตุ่มและมีจุดสีเขียวน้ำตาลอยู่ประปรายทั่วตัว
ดวงตาของมันเล็กมากอยู่ระหว่างหัวกับหลัง เปลือกตาล่างโต เผยให้เห็นฟันเวลาอ้าปาก แม้กระทั่งตอนที่ฉินสือโอวไปพบมันก็อ้าปากแยกเขี้ยว ครีบหางกว้างเป็นรูปลิ่มสามารถคืบคลานบนชายหาดได้
ยังดีที่ฉินสือโอวก็ถือว่าเป็นคนรอบรู้ปลาชนิดนี้ไม่เคยพบที่ฟาร์มปลาแต่กลับรู้จัก เขาอธิบาย “มันชื่อว่าปลาตีน พวกเธอเรียกมันว่าปลากระโดดก็ได้พบได้น้อยที่ฟาร์มปลาในนิวฟันด์แลนด์ปกติจะพบมากในทะเลเขตร้อน มันอาจจะตามกระแสน้ำอุ่นจากอ่าวเม็กซิโกมาที่นี่”
ใช่เจ้าปลารูปล่างประหลาดตัวนี้คือปลาตีน แม้มันจะดูไม่เหมือนปลาแต่มันมีทั้งเหงือกและครีบเป็นปลาโบราณที่มีวิวัฒนาการต่ำชนิดหนึ่ง
ลักษณะวิสัยของปลาตีนนั้นไม่เหมือนกับปลาทั่วไปผิวของพวกมันเพียงแค่รักษาความชุ่มชื้นก็จะสามารถรับออกซิเจนเพื่อใช้หายใจจากอากาศผ่านผิวได้โดยตรง อีกอย่างด้านข้างเหงือกของพวกมันมีช่องเล็กๆ สามารถเก็บน้ำไว้หายใจได้เหมือนกับการกลั้นหายใจของมนุษย์
ที่ฟาร์มปลาต้าฉินไม่มีป่าชายเลนไม่เช่นนั้นมันคงได้แสดงความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการปีนป่าย พวกมันคืออัจฉริยะในหมู่ปลาทางด้านนี้สามารถใช้ครีบท้องเป็นตัวดูดจับยึดต้นไม้ไว้และใช้ครีบอกปีนขึ้นไปถึงยอดไม้
ฉินสือโอวเห็นว่าพวกเด็กๆ สนใจปลาตีนตัวนี้เลยอธิบายทุกอย่างที่ตัวเองรู้ให้ฟัง อธิบายเสร็จเขาก็ถาม “โอเค พวกเธอยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกไหม? พูดมาเลย”
“อร่อยไหม?” ชาร์คน้อยถามขึ้นมา “ผมรู้สึกว่ามันอ้วนมาก”
ฉินสือโอวเหงื่อตก พูดกับเขาอย่างห้วนๆ “รู้จักแต่เรื่องกินๆๆ กลับไปฉันจะให้พ่อนายเอานายไปตุ๋นกิน!”
พูดจบเขาก็แย่งปลาตีนตัวนี้เอาไปไว้ในตะพังน้ำ น้ำพวกนี้จะช่วยลดผลกระทบจากเวลาทำให้พวกมันสามารถอยู่รอจนถึงเวลาน้ำขึ้นได้
ชาร์คไม่ได้เห็นปลาตีนเป็นครั้งแรกแต่กลับเห็นที่เกาะแฟร์เวลเลยถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมปลาชนิดนี้ถึงมาปรากฏที่ทะเลเขตอบอุ่นอย่างฟาร์มปลาของพวกเรา? อุณหภูมิน้ำในตอนนี้ไม่เพียงพอเหรอ?”
ฉินสือโอวยักไหล่พลางเดา “อาจจะตามกระแสน้ำอุ่นอ่าวเม็กซิโกมาถึงที่นี่ แล้วมันโชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ นายคิดว่าอย่างไร?”
ชาร์คก็ยักไหล่ “คิดได้แค่อย่างนี้แหละ ผมหัวไม่ดีไม่เข้าใจชีววิทยา สมุทรศาสตร์อะไรพวกนี้หรอก”
เด็กๆ จัดการอย่างรีบร้อนกว่าหนึ่งชั่วโมงในที่สุดก็เหนื่อยล้า ฉินสือโอวให้พวกเขาขึ้นฝั่งไปแล้วย่างสาหร่ายจีฉ่ายและสาหร่ายคอมบุให้พวกเขากิน
ฟาร์มปลาต้าฉินมีหอยน้อยบนชายหาดก็มีหอยเชลล์อยู่ไม่เท่าไร นี่ทำให้ความสนุกของการตกปลาลดลงมาก
มิเชลเดินไปตามแนวชายฝั่งครู่หนึ่งแล้วเจอผู้ใหญ่สองคนกำลังเก็บหอยแมลงภู่สีเหลืองทั้งตัวเล็กและใหญ่ดูแล้วช่างสวยงาม เปลือกหอยสะอาดลวดลายเรียบลื่น เป็นสีไข่แดงให้ความรู้สึกสะอาดบริสุทธิ์
มิเชลวิ่งกลับไปอย่างมีความสุขเพราะเจอหอยแมลงภู่สองตัวนี้พวกเด็กๆ ไปมุงดูกัน ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูด “กลับไปโทรหาบิลให้ซื้อหอยแมลงภู่มาเพาะเลี้ยงสักจำนวนหนึ่งสิ ไม่แน่ฟาร์มปลาของเราอาจจะเปลี่ยนเป็นฟาร์มไข่มุกก็ได้”
แม้จะแค่พูดไปตามอารมณ์แต่จริงๆ แล้วฉินสือโอวก็สนใจอยู่มาก เลี้ยงหอยก็ไม่เลวนอกจากจะกินได้แล้วยังสามารถให้ผลผลิตเป็นไข่มุกได้ด้วย
ไปๆ มาๆ ก็ไม่เห็นหอยสองตัวแล้วมิเชลร้องด้วยความตะลึง “เปลือกหอยของฉันล่ะ? เปลือกหอยสองอันนั้นของฉันไปไหนแล้ว?”
พวกเด็กดื้อแบมืออย่างจนใจด้วยความงงงวย ชาร์คน้อยชี้ไปที่กอร์ดอนแล้วพูด “ต้องอยู่ที่นายแน่ๆ เมื่อครู่ฉันเห็นนายเอาใส่กระเป๋าเสื้อ!”
“นายพูดมั่ว ชาร์คน้อยต้องเป็นนายที่เอาไปมีแต่นายนั่นแหละที่โลภขนาดนี้!” กอร์ดอนค้านอย่างไม่ยอม
…………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset