ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 581 สัมผัสแนวปะการัง

ฤดูใบไม้ผลิเหมาะแก่การอาบแดดเป็นเป็นอย่างยิ่งแดดในตอนเที่ยงก็ไม่ร้อนฉินสือโอวนั่งอยู่บนชายหาดข้างๆ คือเหมาเหว่ยหลง ทั้งสองมีกระป๋องเบียร์เปล่าไม่กี่กระป๋องอยู่รอบตัว
บางครั้งลมทะเลก็พัดแรงไปหน่อยจนกระป๋องเบียร์เปล่าหล่นเต็มพื้น หู่จือและเป้าจือเลยกระโจนมาแย่งขวดเบียร์กันอย่างตื่นเต้น
ฉินสือโอวไม่ได้กินข้าวกลางวันวินนี่เข้าเมืองไปซื้อพิซซ่าที่เพิ่งออกจากเตามาให้พวกเด็กๆ แบ่งกับหู่จือและเป้าจือกินกัน รอจนพวกเขากินอิ่มแล้วฉินสือโอวก็ลองลงน้ำไป เมื่อน้ำทะเลไม่เย็นก็พาเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนลงน้ำ
น้ำลงทำให้แนวปะการังอยู่ใกล้ผิวน้ำหากน้ำลงกว่านี้อีกสักห้าหกเมตรก็สามารถเผยแนวปะการังออกมาได้แล้ว เมื่อเป็นอย่างนี้ระยะห่างระหว่างแนวปะการังและผิวน้ำใกล้มากมีบางที่ที่ยอดเล็กๆ โผล่ออกมา
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเสริมให้แนวปะการังเติบโตสีสันสวยงามอยู่ในทะเลน้ำใส แสงอาทิตย์ส่องสว่างอยู่ด้านบนเป็นประกายสว่างไสวสวยงามราวกับดอกไม้สดที่เบ่งบาน
พวกโพลิปที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าคว้าโอกาสที่เข้าใกล้ผิวน้ำในการดูดซับแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นสาหร่ายรอบๆ คลายใบยื่นออกมาปลาเล็กและกุ้งน้อยจำนวนหนึ่งแหวกว่ายที่แนวปะการังอย่างอิสระโดยไม่รู้เลยว่าอีกแค่นิดเดียวก็จะถูกทอดทิ้งจากทะเลผู้เป็นแม่
ฉินสือโอวก็เห็นแนวปะการังพวกนี้ด้วยตาเปล่าเป็นครั้งแรกแม้จะไม่ชัดเท่าการใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแต่อยู่ในน้ำก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ
น้ำทะเลใสราวคริสตัลถูกลมทะเลพัดไหวเป็นคลื่นเล็กๆ แบบนี้แนวปะการังเลยดูเหมือนเคลื่อนไหวเบาๆ กิ่งก้านสาขาที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ด้วยความเร็วของพวกโพลิปใช้จับแพลงตอนที่มากับคลื่นเข้าปากถือโอกาสกินอย่างอิ่มเอม
อย่าเห็นว่าปะการังสวยแต่อ่อนแอ ที่จริงแล้วเมื่อพวกมันได้รับบาดเจ็บจะมีเซลล์พิษ แต่ละเซลล์พิษเมื่อได้รับการกระตุ้นจะปล่อยเข็มพิษออกมามีผลทำให้เป็นอัมพาตนี่ คือวิธีที่พวกมันใช้เพื่อจับแพลงตอนและป้องกันตัว
โพลิปคือส่วนหลักและส่วนควบคุมของปะการัง พวกมันจับอาหารและให้พลังงานกับเซลล์ที่สร้างกระดูกของผิวภายนอกไม่หยุด ทำให้มีแคลเซียมและคาร์บอนไดออกไซด์ที่ดูดซับได้จากน้ำผสมกันเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต จากนั้นเซลล์สร้างกระดูกของพวกมันยังสามารถปล่อยแร่คาร์บอเนตออกมาแล้วค่อยๆ กลายเป็นกระดูกที่คอยยึดแนวปะการังไว้
พวกตัวทำลายเช่นพวกหอยหิน หอยกาบ หอยแมลงภู่หิน หอยเสียบก็อาศัยอยู่รอบๆ แนวปะการังพวกนี้
ฉินสือโอวหนีบหอยหลอดที่ขนาดเกือบเท่านิ้วกลางของเขาขึ้นมาแล้วพูด “ดูสิ ของพวกนี้สามารถทำลายแนวปะการังของพวกเราได้ดังนั้นพวกเราต้องดึงพวกมันออกมาให้หมด อีกอย่างเจ้าสิ่งนี้ก็อร่อยมากด้วยพรุ่งนี้จะต้มให้พวกนายกินโอเคไหม?”
“หอยเชลล์ล่ะ?” มิเชลถาม
ฉินสือโอวหาหอยเสียบตัวใหญ่ตัวหนึ่งส่งให้มิเชลพลางหัวเราะ “นี่ก็นับเป็นหอยเชลล์ ใช่ไหม?”
มิเชลพูดด้วยความผิดหวัง “แต่น่าเกลียดเกินไปหรือเปล่า?”
เชอร์ลี่ย์จับหอยรูปลิ่มสามเหลี่ยมตัวหนึ่งให้มิเชลดู “นายไม่ต้องเรียกร้องอะไรมาก หอยตัวนั้นของฉินสวยกว่าตัวนี้ไหม?”
ฉินสือโอวมองดูที่จอมโลลิจับได้คือหอยกาบคู่เปลือกหอยของมันใหญ่แต่บางด้านหน้าแหลมด้านหลังกว้างดูเหมือนหอยเชลล์ตัวเล็ก ที่ผิวเปลือกหอยมีแนวลายสีดำน้ำตาลมองดูแล้วน่าเกลียดมาก
แต่เจ้าสิ่งนี้รสชาติอร่อยมาก สุดท้ายก็ถามอย่างตะลึง “เจ้านี่คือหอยจอบ ที่รัก รสชาติของมันยอดเยี่ยมมากที่บ้านเก่าของฉันมีคำพังเพยว่า ‘ปลิงทะเลหอยเป๋าฮื้อหอยจอบ’ ว่ากันว่าพวกมันเป็นสุดยอดของหอยเลยนะ”
ฉินสือโอวอธิบายไปควานหาไปไม่นานก็เห็นเงาของหอบจอบ
หอยชนิดนี้มีตีนเป็นใยมันใช้เปลือกที่แหลมสอดไปในโคลนทรายและใช้ชีวิตในนั้นใช้ตีนยึดพื้นทะเล เนื่องจากลักษณะคล้ายหินปะการัง หากเชอร์ลี่ย์ไม่ดึงขึ้นมาเขาก็คงไม่เจอ
หลังจากสังเกตพบหอยจอบแล้วการหาก็ง่ายขึ้นเยอะ มีบางที่ที่พวกหอยจอบจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ พวกมันกลับหัวแทรกตัวเจริญเติบโตอยู่ที่พื้นทะเล ดูแล้วเหมือนสวนหินขนาดย่อมแห่งพื้นทะเล
ได้ยินว่าอร่อยชาร์คน้อยและคราเคนน้อยก็จะลงมือจับแต่ฉินสือโอวยั้งไว้ ให้พวกเขาเก็บพวกหอยหลอดและพวกหอยต่างๆ ที่อยู่บนหอยเชลล์ก่อน หอยพวกนี้สามารถทำลายแนวปะการังได้
สำหรับหอยจอบนั้นไม่จำเป็นต้องรีบจัดกานพวกมันไม่ได้สนใจแนวปะการังเพียงแต่ชอบตามมาอยู่กับหอยเสียบเท่านั้น ปล่อยพวกมันไว้ก่อนต่อไปถ้าอยากกินค่อยมาเก็บไปก็ได้อย่างไรเสียก็อยู่ที่เขตน้ำตื้น
ฉินสือโอวเรียกปอหลัวมาดูพวกเด็กๆ มันเก่งในการดำน้ำเมื่อมีเด็กไม่ระวังตกไปตรงน้ำลึกปอหลัวก็จะสามารถพาขึ้นมาได้ใครให้มันทั้งว่ายน้ำเก่งทั้งพลังเยอะล่ะ?
ในมือของพวกเด็กๆ มีถังพลาสติกเล็กๆ เก็บหอยพวกนี้อย่างไม่หยุด ฉินสือโอวหาถังใหญ่มาหนึ่งถัง เวลามีใครที่ถังเล็กเต็มเขาก็จะไปเก็บมารวบรวม
พวกหอยมีทั้งเล็กและใหญ่ตัวที่ใหญ่ก็ใหญ่ขนาดปากชามตัวที่เล็กๆ ก็เล็กเหมือนเล็บ แต่ละขนาดมีวิธีกินของตัวเอง
ฉินสือโอวให้พวกเด็กเก็บแบบไม่ต้องแยกเล็กใหญ่แค่เจอก็เก็บขึ้นมาเลย ถึงจะกินไม่ได้ ก็ไม่สามารถปล่อยหอยพวกนี้ไว้ที่นี่ให้ทำลายแนวปะการังได้
หลังจากเก็บได้สองถังใหญ่ในที่สุดพวกเด็กๆ ก็เบื่อแล้ว ด้านในของหอยแต่ละตัวมีความสวยงาม แต่ละล้วนแตกต่างกันด้านบนมีลวดลายที่แปลก บางตัวพอจะเป็นลวดลายแอบส์แตรกได้เลย
แบบนี้พวกเด็กก็ดีใจกัน หลังจากมิเชลหาหอยกาบรูปหัวใจเจอหนึ่งตัวก็ลืมเรื่องหอยแมลงภู่สีเหลืองที่หายไป เขาชูไว้อในมือแล้วร้องเจี๊ยวจ๊าว
เล่นพอแล้วฉินสือโอวก็พาพวกเขาขึ้นฝั่งจากนั้นเรียกพวกเขาไปข้างหน้าแล้วพูด “มา พวก ตอนนี้พวกเรามาคุยปัญหาเรื่องหอยเชลล์กัน หอยเชลล์หายไปไม่ได้ใช่ไหม?”
จอมโลลิรีบพูด “ใช่ ไม่มีทางหายไปแน่”
“อย่างนั้นพวกมันไปไหนล่ะ?” ฉินสือโอวมองเด็กๆ ไม่กี่คน “ฉันไม่ถามหรอกว่าใครเอาไป เพราะทุกคนก็ทำผิดพลาดได้ แต่พวกเธอต้องจำไว้ของที่ไม่ใช่ของตัวเองห้ามเอาไป ถ้าพวกเธออยากได้อย่างนั้นก็ไปพยายามดิ้นรนเองแบบตอนนี้อย่างนี้ของที่ได้มาถึงจะเป็นของของตัวเอง เข้าใจไหม?”
กลุ่มเด็กๆ พยักหน้ามีคนอยากพูดแต่ฉินสือโอวโบกมือไม่ให้พวกเขาพูดต่อไป “คืนนี้ฉันจะให้ตั๋วตั่วอยู่ที่ห้องฉันใครเอาไปก็ไปหาตั๋วตั่วแล้วเอาให้เธอ เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ ถูกไหม?”
เชอร์ลี่ย์แบมือพลางพูด “นี่เป็นความคิดที่ดีที่สุดแล้ว”
ฉินสือโอวขึ้นฝั่งแล้ววินนี่ก็ขึ้นมากอดพร้อมจูบเขาครั้งหนึ่งแล้วพูดด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้ง “วันนี้คุณทำดีมาก ฉันอยากให้ต่อไปคุณสั่งสอนเบบี้น้อยของพวกเราให้เติบโตเป็นคนดี”
“อันดับแรก พวกเราต้องพยายามมีเบบี้ให้ได้ก่อน” ฉินสือโอวพูดพลางหัวเราะ “อันดับแรกอีกอย่างคือเราต้องแต่งงานกันก่อน ท้องก่อนแต่งไม่ได้หรอกมั้ง?”
วินนี่ได้ยินเขาพูดอย่างสนุกก็หัวเราะออกมาแต่ความคิดเห็นของเธอไม่เหมือนเขา “ฉันไม่ต้องการแต่งงานกับคุณอย่างโดดเดี่ยวอย่างนี้หรอก พวกเราต้องมีลูกกันสักสองคนก่อนแล้วค่อยแต่งงาน ตอนนั้นพวกเราจูงมือพวกเขาเข้าไปในโบสถ์ต้องสวยงามมากแน่ๆ”
ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ แล้วถาม “คุณไม่ได้จริงจังใช่ไหม?”
วินนี่พูดอย่างแน่วแน่ “แบบนี้ไม่ดีเหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะอย่างจนใจ แม่เจ้า สภาพบ้านเมืองของเราไม่เหมือนกันนะถ้าพ่อแม่เขารู้ว่าเขามีลูกแล้วแต่ยังไม่แต่งงานคงต้องฉีกเนื้อเขาจิ้มน้ำจิ้มกินแน่
……………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset