ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 582 น้ำขึ้นแล้ว

น้ำทะเลหยุดนิ่งอยู่ไกลๆ ตลอดทั้งวันนี่คือน้ำนิ่งพื้นผิวทะเลเข้าสู่ช่วงนิ่งสงบทั้งสองฝั่ง
ตั้งแต่พลบค่ำมหาสมุทรก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา
ตอนน้ำลงนั้นเงียบสงบน้ำทะเลลดลงมหาสมุทรไปเงียบๆ อย่างนั้นตอนนี้น้ำก็เริ่มขึ้นมาตามพระอาทิตย์ที่ลับภูเขาไป มหาสมุทรแสดงความโหดเหี้ยมอย่างรุนแรงออกมา เทพเจ้าแห่งท้องทะเลพิโรธแล้ว มาแล้ว!
ฉินสือโอวและคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่ท่าเทียบเรือบลอคคอนกรีตมองอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ เขาไม่เคยเห็นน้ำขึ้นด้วยตาตัวเองมาก่อนเลยรู้สึกตื่นตัว ถามชาร์คและพวกชาวประมงอย่างไม่วางใจ “พวกนายแน่ใจนะว่าไม่มีเรื่องอะไร? คลื่นทะเลจะพุ่งมาถึงท่าเรือไหม?”
เมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในประเทศเห็นข่าวว่าทุกปีที่สังเกตดูตอนที่แม่น้ำเฉียงถางมีน้ำขึ้นน้ำลงครั้งใหญ่ ก็มักจะมีคนถูกคลื่นดูดลงไปทำให้เกิดเหตุไม่คาดฝันก็เลยกังวลใจอยู่นิดหน่อย
ชาร์คหัวเราะแล้วพูด “คุณคิดมากไปแล้วเจ้านาย น้ำขึ้นน้ำลงที่ทะเลของพวกเราไม่ใช่น้ำขึ้นน้ำลงที่แม่น้ำคงคาของอินเดียหรือแม่น้ำอเมซอน พวกเราอาจจะได้เห็นคลื่นลูกใหญ่แต่มันจะไม่รุนแรงมากหรอก”
แลนซ์เองก็ปลอบเขา “แม้ว่านี่จะเรียกว่าน้ำขึ้น แต่อันที่จริงแล้วเป็นการฟื้นฟูน้ำทะเลเท่านั้น ฟื้นฟูพื้นผิวทะเลให้เหมือนแต่ก่อนและจะไม่เกินขอบเขตของพื้นผิวทะเลเดิม”
คนในกลุ่มกำลังคุยกันอู่ก็มีเสียงดังราวกับกลองรบดังขึ้นจากที่ไกลๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ พื้นผิวทะเลด้านล่างท่าเทียบเรือที่แต่เดิมสงบอยู่ก็เคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน ทีแรกพื้นผิวทะเลแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้นไม่ช้าคลื่นก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มาแล้ว!” พวกชาวประมงตะลึง พวกเขาไม่ได้เห็นภาพที่ยิ่งใหญ่แบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว เลยต้องคว้าโอกาสมองดูให้ดีเป็นธรรมดา
เสียงดังราวกลองรบดังขึ้นเรื่อยๆ ที่พื้นผิวทะเลไกลๆ มีเส้นยาวๆ สีขาวปรากฏอยู่ไม่รู้ว่ายาวเท่าไรอย่างไรก็ตามฉินสือโอวใช้กล้องส่องทางไกลมองไปก็ยังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเห็นเพียงว่าเส้นสีขาวนี้ยาวขนานกับแนวชายฝั่งของฟาร์มปลาไปตลอดทั้งแนว
แน่นอนว่าเส้นสีขาวนี้ก็คือคลื่นทะเลที่พัดขึ้นมาที่ข้างๆ เขายังมีฟองคลื่นมากมายกำลังม้วนไปมาและยังมีเส้นขาวๆ ที่เยอะกว่ากำลังขึ้นๆ ลงๆ
เสียงดังราวกลองรบดังขึ้นเรื่อยๆ คลื่นค่อยๆ ซัดเข้ามาใกล้
คลื่นทะเลใหญ่ลูกหลังชนลูกหน้าความเร็วของคลื่นลูกหลังมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะแรงต้านของพื้นผิวทะเลความเร็วของคลื่นลูกแรกก็เลยลดลงในที่สุดคลื่นพวกนี้ก็ชนกัน คลื่นยักษ์ก็ปรากฏขึ้นในตอนนี้สายขาวๆ สายแรกยกตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากครึ่งเมตรเป็นสามสี่เมตร!
ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง คลื่นลูกนี้ส่งเสียงราวกับจะออกรบ เรียกกองกำลังทหาร? นี่เป็นการเรียกกองกำลังทหาร!
ฉินสือโอวไม่เคยเห็นภาพทหารม้านับหมื่นของทัพหลวงออกรบ แต่ตอนนี้เขาเชื่อว่าต่อให้รวบรวมทหารม้าที่เก่งที่สุดในโลกมาโจมตีก็สู้คลื่นที่กว้างไกลไร้ขีดจำกัดลูกนี้ไม่ได้
พลังธรรมชาติยิ่งใหญ่ขนาดนี้นี่เองคนลิขิตเหนือฟ้าคำนี้ ฉินสือโอวรู้สึกว่าแค่เอาไว้ใช้ตอนอยู่ในบ้านดื่มเหล้าดื่มน้ำชาคุยกันเท่านั้น หากเอาคนมาไว้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้จริงๆ จะมีใครสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้
ฟองคลื่นลูกแล้วลูกเล่าน้ำทะเลมืดฟ้ามัวดินคลื่นลูกใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดคลื่นยักษ์สูงเจ็ดแปดเมตรก็ปรากฏออกมา!
คลื่นยักษ์แบบนี้สามารถซัดมาที่ท่าเทียบเรือได้พัดฟองคลื่นดูเหมือนในน้ำมีระเบิดทำให้คนรู้สึกหวาดหวั่น
คลื่นซัดขึ้นชายฝั่งซัดตีทรายขึ้นมาม้วนมาในอากาศแล้วลากลงไปอีกดูเหมือนมือมนุษย์ยักษ์กำลังสาดแป้งในกำมือ
ฉงต้าที่รออยู่กับผู้คนที่ท่าเทียบเรืออย่างตื่นตัวถูกทำให้ตกใจ มันยื่นอุ้งเท้ามากอดเอวฉินสือโอวไว้เอาหัวใหญ่ๆ ปุกปุยเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ฉงต้าที่น่าสงสารไม่เคยคิดมาก่อนว่าทะเลจะมีช่วงเวลาที่น่ากลัวแบบนี้ด้วย
ฉินสือโอวตบที่หลังของฉงต้าเบาๆ แข็งแกร่งดั่งภูผาน้อยๆ อย่างฉงต้าเผยให้เห็นความอ่อนแอเล็กๆ ของมัน มันออกแรงกอดฉินสือโอวปากร้องครวญครางแทบจะร้องไห้โฮ
หู่จือและเป้าจือเหยียดหยามท่าทางของฉงต้าพวกมันทั้งสองไม่กลัวคลื่น ดูอยู่ด้านหน้าด้วยกันอย่างตั้งใจแต่หลังจากนั้นมีคลื่นลูกใหญ่ลูกหนึ่งซัดมาโดนหน้าซัดมาข้างๆ พวกมัน เช่นนี้พวกมันทั้งสองก็เกิดระแวงขึ้นมารีบถอยไปด้านหลัง
แค่มีสมองสักหน่อยก็รู้แล้วว่าในสถานการณ์แบบนี้หากถูกน้ำซัดไปก็จบเห่เตรียมไปเฝ้าพระอินทร์ได้เลย
ตลอดสินสี่ชั่วโมงคลื่นทะเลซัดสาดบนพื้นผิวทะเลลูกแล้วลูกเล่าก้นทะเลที่ว่างเปล่าเมื่อเช้าตอนถูกน้ำทะเลครอบคลุมอีกครั้ง พวกปะการังที่เคยโผล่ให้เห็นหายไปแล้วฟาร์มปลาค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นสภาพเดิม
ด้านหลังยังคงมีคลื่นทะเลเคลื่อนไหวอยู่แต่ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้นแล้วเป็นเพียงฟองคลื่นธรรมดาที่ซัดขึ้นลง ฉินสือโอวและคนอื่นๆ เคยเห็นฉากที่น่าตกตะลึงก่อนหน้านี้แล้วพอเห็นอะไรเล็กๆ แบบนี้ก็เลยไม่สนใจ
ฉินสือโอวลากฉงต้าที่ฉี่ราดเดินไปด้านหน้าด้วยความลำบากแล้วอุทาน “มหาสมุทรยิ่งใหญ่เหลือเกินเห็นมันแสดงอานุภาพความยิ่งใหญ่ออกมาในบางครั้งก็ทำให้คนหวาดกลัว”
“ไม่ใช่แค่นี้นะเจ้านายปรากฏการณ์น้ำขึ้นในมหาสมุทรมีการเคลื่อนไหวที่งดงามเวลาน้ำขึ้นปรากฏการณ์น้ำลงมีความสวยงามราวภาพวาดของช่วงเวลาที่น้ำลง ไม่ต้องมองผมผมไม่ได้พูดเองหรอก เป็นคำพูดของนักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่แวร์ซายใน ‘ก้นทะเลสองหมื่นลี้’ แต่ผมรู้สึกว่ามีเหตุผลดี ใช่ไหม?” บูลลูบท้ายทอยพลางพูด
ฉินสือโอวมองเขาอย่างตกตะลึงแล้วถาม “นายอ่านก้นทะเลสองหมื่นลี้ด้วย?”
บูลได้ฟังก็นึกว่าตัวเองโดนดูถูกเลยโวยวาย “เจ้านาย นี่มันหมายความว่าไง?”
ฉินสือโอวรีบขอโทษ “โทษทีพวก ฉันพูดผิดอย่างนั้นถามใหม่นะ นายอ่านหนังสือด้วยเหรอ?”
แลนซ์และคนอื่นๆ หัวเราะกันเกรียว บูลประท้วงด้วยท่าทางไม่พอใจแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ได้แค่ยอมรับไปอย่างซื่อสัตย์ “โอเค ผมพูดความจริงก็ได้คำพูดนี้เป็นสิ่งที่แอนนาพูดกับฉันเมื่อเช้า แต่ฉันก็อ่านหนังสืออยู่บ้างโอเคไหม?”
“‘คุณชายนักรัก’ เหรอ?” แซ็กเพิ่มมีดเข้าไปอีกด้าม
ฉินสือโอวแปะมือกับ เขาคนในกลุ่มเริ่มเอาชาร์คมาพูดเล่น
พวกปลาวาฬขึ้นมาพ่นน้ำบนผิวน้ำท่ามกลางมหาสมุทรด้านหลังเขาทำให้เกิดเสียงเพลงทีทุ้มต่ำวาฬขาวสองตัวที่เพิ่งแหวกว่ายตามใจชอบเรียนรู้ที่จะงัดข้อกับคลื่นทะเล
ยังมีวาฬสีน้ำเงินตัวใหญ่ปลาโลมาที่สง่างามและฉลามที่องอาจ ปลาใหญ่พวกนี้แหวกว่ายอยู่ในผิวน้ำอย่างสุขใจตามกันไปเป็นระลอก
กินมื้อเย็นเสร็จหลิวซูเหยียนบอกให้ตั๋วตั่วไปเล่นเกมอยู่ในห้องคนเดียวจากนั้นฉินสือโอวให้เด็กๆ เรียงกันเข้าไปให้โอกาสพวกเขาแก้ไขความผิด
รอจนมิเชลเข้าไปเป็นคนสุดท้าย ตอนออกมาเขาถือหอยเชลล์สีเหลืองสองตัวไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มพอใจ
เห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็โล่งใจเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิธีของเขาจะใช้ได้หรือเปล่า หากมีเด็กคนไหนซ่อนเปลือกหอยไว้ไม่เอาออกมาอย่างนั้น ต่อไปความสัมพันธ์ของพวกเด็กๆ ก็คงไม่ดีแล้ว
ตอนนี้ดีแล้ว อาจจะมีเด็กคนไหนที่ทำผิดไปแต่สุดท้ายเขาก็รู้ตัวแล้ว
ก่อนนอนฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในทะเลสิ่งที่เห็นคือทัศนียภาพใต้ท้องทะเลที่มีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
น้ำลงน้ำขึ้นทำให้สารอาหารในทะเลกระจัดกระจายและพาปลาน้ำลึกจำนวนหนึ่งขึ้นมา แบบนี้สัตว์ในฟาร์มปลาต้าฉินก็อุดมสมบูรณ์มากขึ้น เหยื่ออุดมสมบูรณ์แสดงว่าการหาอาหารของพวกปลาสบายขึ้นเติบโตได้รวดเร็ว
…………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset