ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 598 รายได้เล็กน้อยของฟาร์มปลา

นิวยอร์ก มาทำอะไร? ฉินสือโอวกลับบ้านไปอย่างสงสัยเห็นคนขาววัยกลางคนสวมชุดสูททางการรอเขาอยู่
“คุณฉิน สวัสดีครับผมได้ยินเกี่ยวกับคุณมานานแล้วผมชื่อชาร์ล มอลลี มารบกวนกะทันหันแบบนี้หวังว่าคุณจะเข้าใจนะครับ” ชายหน้าคนขาวหน้าผากกว้างเบ้าตาลึกวัย 34-35 ยืนขึ้นพูด
คนคนนี้หน้าตาไม่ค่อยดีแต่บุคลิกท่าทางดีมาก แม้ว่าเขาจะอายุน้อยที่สุดในบรรดาสามคนแต่กลับดูภูมิฐานที่สุดคนอื่นอีกสองคนให้เขาเป็นผู้นำอย่างชัดเจน
ฉินสือโอวเชิญพวกเขานั่งแล้วถามอย่างตรงไปตรงมา “ขอโทษนะครับพวกคุณมีเรื่องอะไร?”
ชาร์ล มอลลีสูดหายใจเข้าพร้อมพูด “คืออย่างนี้ครับคุณฉินคุณอาจจะจำไม่ไม่ได้ แต่ที่จริงพวกเราไม่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก เราเคยเจอกันก่อนหน้านี้แล้วครับ…”
คำพูดนี้ทำไมถึงคุ้นเคยขนาดนี้? ฉินสือโอวนึกย้อนครู่หนึ่งแล้วนึกขึ้นได้กะทันหันช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อะไรนั่นที่มาหาเขาก็พูดอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ? เขาเลยถามตามสัญชาตญาณ “คุณก็อยากจะพัฒนาฟาร์มปลาแกธเธอริงร่วมกับผม?”
ชาร์ล มอลลีพยักหน้าพลางพูด “ใช่ครับพวกเราอยากร่วมมือกับคุณ แต่ฟาร์มปลาแกธเธอริงคือ? ฟาร์มปลาของคุณชื่อฟาร์มปลาต้าฉินไม่ใช่เหรอ?”
ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ฉินสือโอวถึงรู้ว่าตัวเองคงปล่อยไก่แล้วพลางถาม “พวกคุณไม่ใช่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เหรอ?”
ชายวัยกลางคนอีกคนยิ้มอ่อนแล้วพูด “ไม่ใช่ครับ พวกเราไม่ใช่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์พวกเราคือพ่อค้าอาหารทะเล”
ฉินสือโอวกระอักกระอ่วน ตัวเองเพิ่งขัดจังหวะพวกเขาไปดูอวดดีไปหน่อยเลยพูดต่อ “สวัสดีครับ อย่างนั้นพวกคุณเชิญต่อเลย พวกเราเคยเจอกันก่อนหน้านี้? ที่ไหนครับ?”
“ที่ญี่ปุ่นครับ ที่ตลาดปลาสึคิจิโตเกียว” ชาร์ล มอลลีพูด “คุณจำไม่ได้แน่นอน ตอนนั้นพวกเราเข้าร่วมการประมูลปลาทูน่าครีบดำ แต่น่าเสียดายที่คนญี่ปุ่นต่อต้านชาวต่างประเทศมาก พวกเราเลยไม่มีโอกาสได้ประมูลราชาปลาทูน่าครีบดำ”
ปลาทูน่าครีบดำก็คือปลาทูน่าครีบน้ำเงิน เป็นชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งของปลาทูน่า
ฉินสือโอวถาม “แล้วยังไงครับ? ตอนนี้ที่พวกคุณอยากจะร่วมมือกับผมคือ?”
“พวกเราอยากได้สิทธิ์ในการซื้อปลาทูน่าครีบดำในฟาร์มปลาของคุณ แน่นอนว่าคุณวางใจได้พวกเราเต็มใจให้ราคาที่คุณต้องการ” ชาร์ล มอลลีพูด
พอได้ฟังอย่างนี้ของฉินสือโอวก็สีหน้าไม่ดี แม่เจ้า เรื่องที่ฟาร์มปลาของตัวเองมีปลาทูน่าครีบดำเป็นความลับไม่ใช่เหรอ? กลายเป็นเรื่องที่รู้ไปทั่วได้อย่างไร?
ชาร์ล มอลลีมองฉินสือโอวอย่างเฝ้ารอหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็เอ่ยถาม “ฟาร์มปลาของผมไม่มีปลาทูน่าครีบดำหรอกครับ ขอโทษด้วยพวกคุณมาหาผิดคนแล้ว ถ้าพวกคุณต้องการปลาทูน่าครีบดำจำนวนมากผมแนะนำให้พวกคุณที่ไปอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์หรือชายหาดน้ำตื้นจอร์จ อ่าวเคปค้อดก็ได้ครับ”
สิ่งที่ฉินสือโอวพูดเท่ากับว่าเป็นการปฏิเสธการเจรจาครั้งนี้ ชาร์ล มอลลีไม่ยอมถอยเขาพูดต่อ “คุณฉิน โปรดเชื่อในความจริงใจของพวกเรา พวกเรามีช่องทางการขยายตลาดที่ยอดเยี่ยมมากขอแค่ได้รับการจัดหาสินค้าจากคุณพวกเราก็มีโอกาสอยู่เหนือตลาดปลาทูน่าครีบดำที่โตเกียว”
คนวัยกลางคนที่พูดก่อนหน้านั้นก็พูด “ใช่ครับฉิน ตอนนี้พวกเราได้พบกับโอกาสทองที่หาได้ยาก ถ้าคุณจับตามองข่าวสารของตลาดอาหารทะเลที่ญี่ปุ่นก็น่าจะรู้อุตสาหกรรมปลาทูน่าครีบดำในประเทศของพวกเขากำลังประสบกับความซบเซานี่คือโอกาสดีในการเข้าตีตลาดของพวกเขา”
ฉินสือโอวไม่ได้จับตามองตลาดญี่ปุ่นก็รู้เรื่องนี้คนที่ริเริ่มก็คือเขาเองถ้าเขาไม่ทำการเพาะเลี้ยงปลาทูน่าครีบดำที่เกาะโอชิมะพังพินาศตอนนี้อุตสาหกรรมปลาทูน่าครีบดำของญี่ปุ่นคงยังรุ่งเรืองอยู่
แต่สำหรับการเข้าตีตลาดปลาทู่น่าครีบดำของญี่ปุ่นตอนนี้ฉินสือโอวไม่ได้คิดเขาต้องการทำแบรนด์อาหารทะเลของตัวเองก่อนแล้วค่อยเข้าตลาดอาหารทะเลญี่ปุ่น
และถึงตอนที่ฉินสือโอวเข้าตีตลาดอาหารทะเลญี่ปุ่นก็จะไม่ใช่แค่สำหรับปลาทูน่าครีบดำเขาจะโจมตีครั้งใหญ่ทั้งหมดของตลาดคนญี่ปุ่น
สำหรับพวกมอลลีทั้งสามคนฉินสือโอวสนใจแค่ว่าพวกเขาไปรู้ข่าวมาจากไหนว่าฟาร์มปลาของตัวเองมีปลาทูน่าครีบดำ
น่าเสียดายที่ทั้งสามคนปิดปากเงียบฉินสือโอวตรวจสอบอย่างลึกแล้วก็รู้เพียงว่าพวกเขาถามคนมาแต่ไม่รู้ว่าใครเปิดเผยข่าวนี้
ทั้งสองฝ่ายคุยกันไม่จบไม่สิ้นชาร์ล มอลลีมารยาทดีเหมือนกับผู้จัดการฝ่ายของธนาคารแห่งประเทศแคนาดาคนนั้นเขาหาวิธีติดต่อฉินสือโอวและเชิญเขาไปเที่ยวที่นิวยอร์กเมื่อมีเวลาว่าง
ตอนบ่ายหลังจากที่พวกชาร์ล มอลลีจากไปบัตเลอร์ก็นั่งเครื่องบินมา
พอเห็นฉินสือโอวบัตเลอร์ก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชมพร้อมตะโกน “เพื่อนรักของฉัน ไม่เจอแค่วันเดียวเหมือนชีวิตฉันเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บ…”
“ไม่เจอหนึ่งวันเหมือนผ่านไปสามฤดูใบไม้ร่วง พูดอย่างนี้” ฉินสือโอวแก้ให้เขา
บัตเลอร์หัวเราะคิกคักพลางพูด “โอเค คุณพูดถูก สุภาษิตของพวกคุณลึกซึ้งเหมือนคำสแลงของพวกเราชาวผิวสีเป็นวัฒนธรรมที่สุดยอดจริงๆ พวกเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องวัฒนธรรมเลยมาพูดเรื่องเงินกันดีกว่า คุณรู้ไหมว่าจับปลาชุดแรกพวกเรามีรายได้กันเท่าไร?”
ฉินสือโอวโบกมือมองบัตเลอร์อย่างระแวงพร้อมพูด “พวกเราอย่าเพิ่งพูดเรื่องเงินเลยพูดเรื่องชาร์ล มอลลีกันก่อนดีกว่า คุณรู้จักเขาไหม?”
มอลลีบอกว่าได้ข่าวนี้มาจากปากคนคนหนึ่งคิดไตร่ตรองแล้วฉินสือโอวก็นึกถึงเจ้าหนุ่มผิวสีหนวดเฟิ้มบัตเลอร์คนนี้
ได้ยินชื่อชาร์ล มอลลีบัตเลอร์ก็หน้าเสีย “คุณเจอเจ้าเวรนี่แล้ว?”
“เขาบอกว่าเขาได้ข่าวว่าฟาร์มปลาของผมมีปลาทูน่าจากปากคนคนหนึ่ง”ฉินสือโอวจ้องบัตเลอร์ถ้าข่าวนี้บัตเลอร์เป็นคนแพร่งพรายเขาก็จะหยุดการร่วมมือทางธุรกิจกับเขา เจ้านี่ปากสว่างเกินไปร่วมงานกับคนแบบนี้อันตรายมาก
ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดบัตเลอร์ก็อ้าแขนพร้อมพูด “ไม่ ผมเข้าใจความหมายของคุณ แต่ไม่ใช่ผมที่แพร่งพรายเด็ดขาด! ผมแค่พูดกับเทซึกะ โกดะตอนที่อยู่โตเกียวหลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับฟาร์มปลาของคุณอีกเลย แม้กระทั่งตอนนี้คนในตลาดอาหารทะเลที่นิวยอร์กก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้อาหารทะเลที่ผมขายได้มาจากจากที่นี่!”
ดูท่าทางบัตเลอร์ไม่เหมือนโกหกฉินสือโอวขมวดคิ้วถาม “ไม่ใช่คุณที่บอกเขาจริงๆ นะ?”
บัตเลอร์แกว่งแขนอย่างแรงพร้อมพูด “ผมอาจจะบอกหมาสักตัวแต่ไม่ได้บอกคนไหนในตระกูลมอลลี!”
“ตระกูลมอลลี?”
“พวก ไม่ใช่มั้ง? พวกเขาไม่ได้แนะนำตัวเองเหรอ? ชาร์ล มอลลีเป็นคุณชายคนที่สามของตระกูลมอลลีตระกูลของพวกเขาเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ที่สุดทั้งชายฝั่งทางตะวันออกของอเมริกาทำอะไรไร้ยางอาย ไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ ไม่รักษาสัญญาแม้แต่น้อย ไอ้พวกเวรตะไลเอ๊ย!”
บัตเลอร์ด่าขึ้นมาด้วยความโกรธนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินสือโอวเห็นเขาเดือดดาลขนาดนี้ดูท่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไม่ค่อยดี
พอแน่ใจว่าบัตเลอร์ไม่ได้เป็นคนแพร่งพรายข่าวฉินสือโอวก็วางใจแล้วพูด “พูดเรื่องนั้นต่อสิ ได้รายได้เท่าไร?”
“สองล้านสองแสน!” บัตเลอร์พูดโพล่งออกมา “ดอลลาร์สหรัฐ!”
ฉินสือโอวคำนวณ ขาดไม่เท่าไรอย่างไรเสียการจับปลาครั้งนั้นหลักๆ คือปลาค็อดแอตแลนติกที่ราคาถูกที่ราคาแพงน่าจะเป็นประเภทปลาแซลมอน
รายได้ที่บัตเลอร์พูดไม่ใช่รายได้รวมแต่เป็นเงินที่หักต้นทุนแล้วจริงๆ แล้วก็ไม่น้อยเลย
ในที่สุดฟาร์มปลาก็เริ่มทำกำไรแล้ว
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset