ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 603 ความคิดของฉงต้า

พวกผู้เชี่ยวชาญคิดว่าตัวเองรู้จักเต่ามะเฟืองดีพอ พวกเขาคิดว่าตัวเองจับเจ้าเต่ายักษ์ไม่ได้แล้วจะมีชาวประมงไร้ปัญญาคนไหนทำได้
 “คุณคิดว่าจะใช้วิธีไหน? ลากตาข่ายไปจับ?” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถามเย้ยฉินสือโอว
ที่พวกเขาใช้ก่อนหน้านี้คือวิธีล่อใจ เนื่องจากเต่ามะเฟืองเป็นสัตว์อพยพ พวกมันจึงชอบว่ายน้ำร่อนเร่อยู่ในทะเล แต่ละปีสามารถว่ายได้ถึงหนึ่งหมื่นหกพันกิโลเมตร เฉลี่ยทุกวันมันว่ายไปประมาณสี่สิบห้ากิโลเมตร เพราะแบบนี้จึงมีความต้องการปริมาณอาหารมาก
ในสถานการณ์ปกติปริมาณอาหารเต่ามะเฟืองสามารถกินได้ในหนึ่งวันก็คือร้อยละเจ็ดสิบสามของน้ำหนักตัวมัน เท่ากับหนึ่งหมื่นหกพันแคลอรี มากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ถึงเจ็ดเท่า พลังงานพวกนี้จะใช้เผาผลาญตอนที่พวกมันเดินทาง
ดังนั้นส่วนใหญ่วิธีใช้อาหารล่อจะมีประโยชน์ในการจับเต่ามะเฟืองมาก และมันก็มีประโยชน์ต่อพวกนักกินทั้งหมดด้วย
น่าเสียดายที่วิธีของพวกผู้เชี่ยวชาญต้องมาพบกับความพ่ายแพ้ที่ฟาร์มปลาต้าฉิน พวกเต่ามะเฟืองได้ดื่มกินอย่างดีทุกวัน แล้วของที่พวกมันดื่มกินก็ล้วนมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ใครจะสามารถทำให้พวกมันสนใจปลาตายกุ้งตายพวกนั้นได้?
ฉินสือโอวมองพวกผู้เชี่ยวชาญที่อยากรู้อยากเห็นแล้วเริ่มทำการหักหน้า เขาหัวเราะพลางพูด “ง่ายมาก พวกเราต้องตกเต่าทะเล”
“ตกเต่าทะเล? ตกยังไง? ใช้ปลาเป็นเหยื่อ?” ในที่สุดพวกผู้เชี่ยวชาญก็มีสิ่งที่ไม่เข้าใจ แต่ละคนต่างอึ้งไปตามๆ กัน
พวกชาวประมงเอาตะขอเบ็ดชั่วคราวที่ทำเสร็จแล้วออกมา ที่จริงแล้วไม่ได้มีตะขอหรอก แต่เป็นเอ็นตกปลาผูกกับซังข้าวโพดแบบหยาบๆ พันแมงกะพรุนตัวใหญ่ๆ ที่ซังข้าวโพดแล้วโยนลงน้ำไปก็ได้แล้ว
เต่ามะเฟืองชื่นชอบแมงกะพรุนเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าสัตว์ประเภทนี้จะไม่ได้ให้พลังงานกับพวกมันมากนักก็ตาม
แมงกะพรุนลอยอยู่ในน้ำมักจะมีโอกาสเจอเต่ามะเฟืองได้โดยบังเอิญ พอถึงตอนนั้นเต่ามะเฟืองก็จะฉวยโอกาสอ้าปากเขมือบแมงกะพรุนพวกนี้
พอกินแมงกะพรุนเข้าไปแล้วเต่ามะเฟืองก็จะอิ่มจนหนีไปไม่ไหวและได้แต่ถูกชาวประมงดึงขึ้นเรือ
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของร่างกายพวกมัน อย่าเห็นว่าภายนอกของเจ้าพวกนี้ดูทึ่มๆ น่ารัก ดูท่าทางเหมือนไม่ทำร้ายคน แต่ที่จริงเบื้องหลังใบหน้าน่ารักนั้นกลับซ่อนฟันคมๆ ไว้นับร้อย นับว่าเป็นช่องปากที่น่าตกใจมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ตั้งแต่ช่องปากไปกระเพาะอาหารจนถึงลำไส้ อวัยวะพวกนี้ของเต่ามะเฟืองมีฟันที่แหลมและขรุขระอยู่มากมายนับร้อยเหมือนหินงอกหินย้อยที่กลับหัวอยู่
เต่ามะเฟืองกินแมงกะพรุนด้วยการกลืนโดยไม่เคี้ยว เมื่อปากงับแมงกะพรุนไว้แล้วซังข้าวโพดที่เอาแมงกะพรุนพันไว้จะติดอยู่ที่ฟันของพวกมัน แบบนี้พวกมันก็จะไม่สามารถอ้าปากคายซังข้าวโพดได้และได้แต่ถูกสายบนซังข้าวโพดจูงไป
พวกชาวประมงพายเรือเล็กอยู่บนผิวน้ำอย่างใจเย็น บางครั้งเมื่อดึงเอ็นตกปลาขึ้นด้านบนก็มักจะตกเต่ามะเฟืองได้ ตัวใหญ่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกระดองสองเมตรกว่า ส่วนตัวเล็กอยู่ที่สามสิบสี่สิบเซนติเมตร ส่วนตัวที่เล็กกว่านั้นไม่มีความจำเป็นต้องตกขึ้นมา
เห็นภาพแบบนี้แล้วพวกผู้เชี่ยวชาญต่างมองหน้ากันพลางยักไหล่ แต่ละคนก็มีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน
ใช้เวลาไปสองชั่วโมง ชาวประมงก็ตกเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ขึ้นมาได้สองร้อยกว่าตัว ฉินสือโอวเองก็ไม่คิดว่าที่ฟาร์มปลาของเขาจะมีเต่าประเภทนี้อยู่เยอะขนาดนี้
บาลซักได้เห็นพวกเต่ามะเฟืองเรี่ยวแรงดีพวกนี้ก็อารมณ์ดีมาก “ขอเพียงพวกเราปกป้องรักษาให้ดี เต่ามะเฟืองพวกนี้ก็จะไม่สูญพันธุ์ไปในเวลาอันสั้น ดูสิ ฟาร์มปลาของคุณนี่ดึงดูดเจ้าพวกนี้ได้ไม่น้อยเลย”
ฉินสือโอวไม่เห็นด้วยกับเขา ทะเลทั้งโลกใบนี้จะสามารถสะอาดบริสุทธิ์ได้เหมือนที่ฟาร์มปลาของเขาเหรอ? จะมีจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเหรอ? นอกจากว่ามนุษย์จะตั้งใจทำความสะอาดทะเลเป็นวงกว้าง ไม่อย่างนั้นสภาพแวดล้อมที่พวกเต่ามะเฟืองอาศัยอยู่ก็จะยังคงย่ำแย่ต่อไป
แต่เขาก็เต็มใจที่จะอยู่กับพวกผู้เชี่ยวชาญพวกนี้เพราะได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจริงๆ แต่น่าเสียดายที่งานในฟาร์มปลามีเยอะเหลือเกิน เขาไม่สามารถตามพวกผู้เชี่ยวชาญไปเรื่อยๆ ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนักท่องเที่ยวที่เกาะแฟร์เวลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามอากาศอันอบอุ่น งานของวินนี่ก็ยุ่งจนเธอไม่มีเวลาดูแลเจ้าพวกตัวแสบ หน้าที่นี้จึงต้องมอบให้ฉินสือโอว
เจ้าตัวแสบพวกนี้ฉินสือโอวเลี้ยงมากับมือ เดิมทีเขาคิดว่าการดูแลเจ้าพวกนี้เป็นเรื่องง่ายมาก แต่ที่จริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น ไม่ต้องพูดถึงตัวอื่น แค่ฉงต้าเขาก็รับมือไม่ไหวแล้ว
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ฉงต้าทำท่าจะเป็นสัตว์ตื่นตัวกระวีกระวาดอยู่ตลอด มีหรือไม่มีเรื่องอะไรก็จะวิ่งวุ่นไปทั่วฟาร์มปลาทำให้ห่านตกใจและเอาแต่แกล้งหมาโดยไม่ทำเรื่องอะไรดีๆ เลย
พอทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากก็ต้องการอาหารมาก แต่ฉินสือโอวและวินนี่คิดว่าฉงต้าอ้วนเกินไปแล้วเลยควบคุมปริมาณอาหารของมัน
ฉงต้าไม่พอใจที่เป็นอย่างนี้ ครู่หนึ่งก็วิ่งมาทางฉินสือโอวแล้วทำท่าน่ารักเพื่อขออาหารกิน
ฉินสือโอวแบมือพลางพูด “ไม่มีแล้วลูก ตอนนี้พ่อจน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเนื้ออยู่เจ็ดสิบกิโลกรัม ถ้าลูกหิวก็กินพ่อเถอะ”
ฉงต้าจ้องฉินสือโอวด้วยความโมโหแล้วอ้าปากส่งเสียงขู่ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงที่พื้นพร้อมกอดต้นขาฉินสือโอวไว้แล้วเริ่มถูไถ
ฉินสือโอวใจแข็งไม่หยิบของกินให้มัน ตอนนี้เจ้าตัวแสบนี่อ้วนเกินไปแล้ว นั่งลงทีเหมือนภูเขาก้อนเนื้อ ขนสีน้ำตาลอมเหลืองมันเป็นเงา เวลาวิ่งทีไขมันที่ตัวก็กระเพื่อมไปทุกทิศทางเหมือนมีน้ำไหลอยู่ใต้ผิว
แน่นอนว่าใต้ผิวหนังของฉงต้าไม่มีน้ำ ที่มีคือไขมันหนาๆ
ฉินสือโอวกำลังปลอบใจฉงต้าอยู่ หู่จือก็คาบไข่นกวิ่งมา ช่วงนี้นกจมูกหลอดหางสั้นวางไข่บนชายหาดอยู่เรื่อยๆ หู่จือและเป้าจือไปพบก็จะเก็บกลับมาแบบนี้ ฉินสือโอวเลยได้เงินจากการขายไข่นกไข่เป็ดอยู่มาก
พอรับไข่ที่หู่จือพบแล้ว ฉินสือโอวก็เอาเนื้อแห้งป้อนให้หู่จือ
ฉงต้าเห็นของกินก็ตาเป็นประกาย ยื่นอุ้งเท้าอ้วนๆ จะมาแย่ง หู่จือเตรียมตัวไว้แล้ว มันอ้าปากงับเนื้อแห้งไว้แล้วมุดเข้าไปใต้โต๊ะทันที พอกินหมดแล้วถึงค่อยกระโดดออกมา
โต๊ะเตี้ยเกินไป ฉงต้าอ้วนเกินไปเลยมุดเข้าไปไม่ได้
เมื่อแย่งเนื้อแห้งมาไม่ได้ฉงต้าก็หันกลับมาร้องโห่วโห่วใส่ฉินสือโอว ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ มันไม่ได้ยืนคัดค้านแต่นอนอยู่บนพื้น ขี้เกียจผิดปกติจริงๆ
ฉินสือโอวเขกหัวมันไปหนึ่งทีแล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย “แกยังมีหน้ามาร้องอีกเหรอ ไม่ใช่เพราะอ้วนเกินหรือไงถึงมุดเข้าใต้โต๊ะไม่ได้?”
ฉงต้าเอียงหัวมองเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยืนขึ้นก่อนจะจากไปอย่างกะทันหันโดยไม่เซ้าซี้เขาอีก จากนั้นมันก็วิ่งเหยาะๆ ออกไปจากบ้าน
ฉินสือโอวรู้สึกว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นเลยตามไป
ฉงต้าออกมาจากบ้านแล้วก็วิ่งไปทางเหนือ เจ้านี่อึดมาก มันวิ่งตามแนวชายฝั่งไปถึงสิบกว่ากิโลเมตร ยังดีที่ฉินสือโอวออกกำลังกายทุกวันถึงได้ตามทัน
พอวิ่งมาถึงฟาร์มปลาข้างๆ ที่ห่านไท่หูรวมตัวกันอยู่ ฉงต้าก็ลดความเร็วลง มันมองฝูงห่าน เมื่อหาที่ที่ฝูงห่านรวมตัวกันอยู่เยอะที่สุดเจอแล้วก็เข้าไปใกล้
ฉินสือโอวสงสัย ไม่ใช้มั้ง ฉงต้าหิวจนเป็นแบบนี้เลยเหรอ? คิดจะจับห่านกินอย่างนั้นเหรอ? เขาปฏิเสธความคิดนี้ทันที นี่ไม่ใช่นิสัยของฉงต้า มันอยากได้ของกินตลอดที่จริงไม่ใช่เพราะหิวมาก แต่ตะกละเกินไปต่างหาก!
ที่มันอยากกินคือของอร่อยอย่างเนื้อแห้ง ปลาแห้ง สลัดผลไม้ ไม่ใช่เนื้อห่านที่มีกลิ่นคาว
เห็นฉงต้าเข้ามาใกล้ห่านไท่หูเพศผู้ที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆ ก็จ้องฉงต้าด้วยความระแวงพร้อมส่งเสียง ‘ก๊าบก๊าบ’เหมือนต้องการจะขู่ฉงต้า
ความกล้าของฉงต้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามไขมันที่ตัว มันไม่ใช่หมีน้อยที่โดนฝูงห่านรุมตีแล้วทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้มันโตขึ้นแล้ว เพราะงั้นอย่าว่าแต่ฝูงห่านเลย แม้แต่ฝูงนกอินทรีมันก็ไม่กลัว
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset