ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 604 ฝึกฝนเสี่ยวหลัวปอ

หลังจากเข้ามาใกล้ ฉงต้าก็ประมาทห่านไท่หูที่ตื่นตระหนกพวกนี้ด้วยการพุ่งพรวดเข้าไปท่ามกลางฝูงห่านแล้วอ้าปากชุ่มเลือดไปทางด้านหน้าและซ้ายขวาพร้อมส่งเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด “โหวโห่วโหว!!! โหวโห่ว!!”
เสียงอันทรงพลังของเจ้าป่าเข้าโจมตีฝูงห่าน พวกห่านสีขาวตัวใหญ่กระพือปีกแตกกระเจิงด้วยความตกใจไม่กล้ากระตุกหนวดเสือ ฝูงห่านที่อยู่แถวนั้นต่างตกใจแตกซ่านกันไปคนละคนละทิศคนละทาง
ด้วยเหตุนี้ไข่ห่านสีเขียวอ่อนจึงปรากฏอยู่บนชายหาด ฉงต้าเลือกฟองที่ใหญ่ที่สุดอย่างเบิกบานใจแล้วอ้าปากงับไข่ห่านไว้ก่อนจะจากไปอย่างองอาจ
ฝูงห่านที่อยู่ด้านหลังเหมือนจะขาดใจและทำได้เพียงส่งเสียงร้องประท้วง แต่ไม่กล้าเข้าไปรุมตีฉงต้า
ฉงต้าวิ่งไปด้านหลัง พอพบกับฉินสือโอวเข้าก็เดินเตาะแตะเอาไข่ห่านส่งให้ฉินสือโอวแล้วนั่งลงกับพื้นทำท่าน่าเอ็นดูเลียนแบบหู่จือพลางส่งสายตามองเขา
ฉินสือโอวพูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่อันที่จริงนี่ก็ช่วยได้บ้างเพราะเขาชอบกินไข่ห่านที่มีรสชาติหอมอร่อย แต่ฝูงห่านไม่ชอบเขา ถ้าเขามาเอาไข่ก็จะถูกรุมตี แบบนี้ต่อไปเขาก็สามารถมอบหน้าที่ยิ่งใหญ่นี้ให้ฉงต้าไปชิงไข่มาให้เขาได้แล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือที่ที่ห่านไท่หูรวมตัวกันอยู่ห่างจากบ้านพอสมควร ถ้าฉงต้าตะกละจะวิ่งกลับมาเอาไข่ห่านอีก แบบนั้นไม่นานก็น่าจะสามารถลดน้ำหนักได้ด้วย
พอคิดแบบนี้ฉินสือโอวก็เอาเนื้อแห้งให้ฉงต้า พอได้รับการส่งเสริม ฉงต้าก็วิ่งกลับไปเอาไข่ห่านแล้ววิ่งมาอีก
มีห่านไท่หูที่ไม่ดูกำลังตัวเองอยากเอาไม้ซีกมางัดไม้ซุง ฉงต้าเลยลงมืออย่างเหยียดหยาม มันก้มหัวลงแล้วพุ่งไปอย่างฉับพลัน ครู่หนึ่งก็ชนแหวกไปเป็นทาง
ฉินสือโอวไม่อยากให้ฉงต้าได้เนื้อแห้งเป็นรางวัลอย่างง่ายๆ เลยรีบกลับบ้านให้มันได้วิ่งเยอะๆ
ตอนค่ำพอวินนี่กับหลิวซูเหยียนเลิกงานกลับมา ฉินสือโอวก็เล่าเรื่องนี้ให้พวกเธอฟัง หลิวซูเหยียนกับเหมาเหว่ยหลงหัวเราะกันใหญ่ ส่วนวินนี่พยักหน้าอย่างจริงจังพร้อมพูดขึ้น “นี่เป็นวิธีที่ดี ถ้าฉงต้าอ้วนต่อไปอย่างนี้อาจจะหาแฟนไม่ได้แล้ว”
ตัดสินใจเรื่องลดน้ำหนักของฉงต้าเสร็จ วินนี่ก็พูดถึงเสี่ยวหลัวปอเจ้าหมาป่าสีขาวตัวเล็กที่กำลังมองฟอสซิลไดร์วูล์ฟอย่างชิงชัง เธอปรึกษากับฉินสือโอว “ดูสิ ลูกสาวของเราถึงเวลาต้องเรียนล่าสัตว์แล้ว พรุ่งนี้คุณเริ่มฝึกเธอหน่อยสิ?”
ฉินสือโอวใจอ่อนกับวินนี่ เขาตบอกแล้วพูดเสียงดัง “รอดูผมเถอะ ไม่มีปัญหา ผมต้องทำให้เสี่ยวหลัวปอกลายเป็นโลโบ้ตัวใหม่แน่นอน!”
โลโบ้คือราชาหมาป่าของอเมริกาเหนือในตำนาน โลโบ้ตัวใหม่แน่นอนว่าก็ต้องเป็นราชาหมาป่าตัวใหม่
ฉินสือโอวพูดจริงทำจริง วันรุ่งขึ้นพอส่งวินนี่ไปทำงานแล้วเขาก็พาเสี่ยวหลัวปอไปที่โรงเพาะเลี้ยงเล็กๆ ให้มันไปนอนเกลือกกลิ้งกับเป็ดไก่ด้านใน
แต่เสี่ยวหลัวปอยังเด็ก โอเค ก็ยังเข้าใจได้ว่ามันยังเด็ก
ตอนเผชิญหน้ากับฟอสซิลไดร์วูฟที่ขยับไม่ได้ มันเห่าอย่างกล้าหาญ ทำได้แม้กระทั่งกัดตะครุบ ข่วนและยังเตะได้อย่างที่ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากไหน
ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงเป็ดไก่ดุร้ายที่โรงเพาะเลี้ยง แถมยังมีไก่งวงที่ตีมันไปหลายรอบ เสี่ยวหลัวปอก็็็ขนตั้งชัน หางที่ตั้งชี้ก็ลู่ลง
ฉินสือโอวโบกไม้โบกมือให้เสี่ยวหลัวปอพุ่งไปข้างหน้า
เสี่ยวหลัวปอฮึดขึ้นมาอีกครั้ง มันอ้าปากส่งเสียงขู่ ‘โหวโห่ว’ จากนั้นก็มีหมาป่าตัวหนึ่งกระโดดออกมาอยู่ห่างออกไปสองร้อยกว่าเมตร มันช่างมีความองอาจคล้ายพ่อแม่ของมันตอนต่อสู้กับหู่จือเป้าจือเมื่อครั้งพวกมันยังเด็ก
แต่ที่มันทำได้ก็มีแค่นี้แหละ หลังจากกระโดดออกมาเป็ดไก่ที่อยู่ตรงหน้ากลับไม่ได้กลัวเจ้าก้อนไหมพรมสีขาวที่ใหญ่กว่าตัวเองไม่เท่าไรแม้แต่น้อย โดยเฉพาะไก่โต้งที่ดุดันพวกนั้น พวกมันไม่ถอยแต่กลับจะเข้ามาจิกมันด้วย
เสี่ยวหลัวปอตกใจรีบวิ่งหางตั้งมาซ่อนหลังขาของฉินสือโอวแล้วเห่าขู่
ฉินสือโอวนึกถึงภาพตอนที่บุชบินครั้งแรก การฝึกฝนเจ้าพวกนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามเขาเลยพาเสี่ยวหลัวปอกลับไปที่สนามหญ้าในบ้าน
เมื่อครู่นี้เสียหน้าที่โรงเพาะเลี้ยง พอเสี่ยวหลัวปอมาถึงสนามหญ้าก็เลยอยากแก้หน้าโดยการปีนขึ้นไปบนต้นเมเปิลแล้วยื่นอุ้งเท้าไปตะกุยที่ลำต้นอยู่หลายครั้ง
เสียดายที่เปลือกของต้นเมเปิลหนามาก และอุ้งเท้าของเสี่ยวหลัวปอก็นุ่มเกินไป มันใช้ฟันน้ำนมกัดที่ลำต้นแล้วตะครุบไปตะครุบมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร
เจ้ากระรอกเสี่ยวหมิงที่กำลังอุ้มลูกสนกินอย่างสุขใจอยู่บนต้นเมเปิลมองเสี่ยวหลัวปอแปลกๆ มันไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวติ๊งต๊องยิ่งกว่าเด็กนี่เป็นบ้าอะไรถึงได้มาสู้กับต้นไม้
ฉินสือโอวค้นหาวิธีฝึกสุนัขในอินเทอร์เน็ต เขาคิดว่าหมาป่าและหมาบ้านคงไม่ต่างกันเท่าไร ใช้วิธีฝึกสุนัขมาฝึกเสี่ยวหลัวปอก็คงไม่มีปัญหา
ดูวิดีโอไปไม่กี่อันฉินสือโอวก็ไปหาถุงมือหนาๆ มาใส่แล้วยื่นไปด้านหน้าเสี่ยวหลัวปอ “มา ลูกสาว มากัดมือพ่อมา!”
เสี่ยวหลัวปอมองฉินสือโอวอย่างงุนงง ไม่เข้าใจความหมายของเขา จากนั้นมันก็หันกลับไปสู้กับต้นเมเปิลต่อ
ฉินสือโอวเดินเข้าไปแล้วใช้ถุงมือขวางเสี่ยวหลัวปอไว้พร้อมทำสัญญาณให้มันโจมตีที่ถุงมือของตัวเอง
เสี่ยวหลัวปอไม่สนใจ มันยกอุ้งเท้าที่กดบนถุงมือออกแล้วมองฉินสือโอวด้วยความไม่พอใจพร้อมเห่าออกมาสองครั้งราวกับจะสั่งสอนฉินสือโอวว่าอย่ามาก่อกวน
ฉินสือโอวขัดขวางอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีประโยชน์ เสี่ยวหลัวปอไม่กัดเขาเพียงแต่ใช้อุ้งเท้าผลักถุงมือออก ผลักไม่ออกมันก็ตะกุย
แบบนี้ฉินสือโอวเองก็จนใจ ก่อนหน้านี้วินนี่สอนเจ้าตัวแสบให้เชื่องเกินไปจนตอนนี้มันไม่กัดคนแล้ว
เมื่อกลับถึงบ้านฉินสือโอวก็ค้นหางานสัมมนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกสุนัขเพื่อดูการฝึกอย่างเป็นทางการ
ตามที่ในการสัมมนาแนะนำ ปกติเวลาฝึกสุนัขจะฉวยโอกาสตอนที่กำลังสุนัขพักผ่อน ผู้ช่วยฝึกจะแต่งตัวเป็นคนแปลกหน้าแล้วทำท่าทางแปลกๆ และน่ากลัวเข้ามาใกล้หรือส่งเสียงใส่สุนัขเพื่อเรียกความสนใจ
ฉินสือโอวมองเสี่ยวหลัวปอที่อยู่ด้านนอก เจ้านี่ฉลาดมาก ถ้าตัวเขาปลอมตัวไปมันก็คงสามารถดูออกได้ว่าเป็นเขา?
เหมาเหว่ยหลงที่อยู่ด้านหลังถามว่าเขาทำอะไรอยู่ ทีแรกฉินสือโอวจะให้เหมาเหว่ยหลงทำ แต่เสี่ยวหลัวปอก็คุ้นเคยกับเขามาก คงไม่มีประโยชน์ เขาเลยทิ้งความคิดนี้ไปแล้วบอกความลำบากของตัวเองออกมา
พอฟังสิ่งที่ฉินสือโอวพูดแล้วเหมาเหว่ยหลงก็โบกมืออย่างดูถูก “นี่ถือว่าเป็นเรื่องลำบากเหรอ? นายไม่ได้อยากปลอมเป็นคนแปลกหน้าเหรอ? ไปเช่าชุดมาสคอตในเมืองก็ได้แล้ว?”
ชุดมาสคอตก็คือชุดใหญ่ๆ ที่มักใส่เพื่อการโปรโมตโดยให้คนแต่งเป็นตัวตลก ชุดโบราณ การ์ตูนหรือสัตว์ต่างๆ อะไรประเภทนี้
ฉินสือโอวรู้สึกว่าความคิดนี้ใช้ได้จึงดูต่อไป
ผู้มีประสบการณ์ในงานสัมมนาบอกว่าเข้าไปใกล้แล้วต้องทำให้สุนัขตื่นตัว จากนั้นฉินสือโอวก็เริ่มลงมือเย้าแหย่มัน
จากการหยอกล้อเล็กน้อย เมื่อสุนัขเริ่มระวังตัวหรือทำท่าจะกัดผู้ช่วยฝึกที่ปรากฏตัวแล้ว ผู้ช่วยฝึกจะเริ่มแกล้งทำเป็นจู่โจม กระตุ้นปฏิกิริยาการป้องกันตัวจากศัตรูของสุนัข
ฉินสือโอวรู้สึกว่านี่ไม่น่าใช้ได้ เสี่ยวหลัวปอถูกวินนี่สอนมาอย่างกุลสตรี ฝีมือในการทำท่าน่ารักของเจ้านี่เป็นหนึ่ง ถ้าคุณไปรังแกมัน มันก็แค่คิดว่าคุณหยอกล้อกับมันเท่านั้นและคงไม่โมโห
…………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset