ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 605 ยอมแพ้แล้ว

หลังจากที่วินนี่กลับมา เธอก็ถามฉินสือโอวว่าการฝึกเสี่ยวหลัวปอมีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว เธอหวังว่าหลังจากที่มันฟื้นฟูร่างกายและกลับไปยังป่าแล้ว มันจะสามารถกลายเป็นผู้นำที่ดีได้ เธอต้องการสอนให้มันเรียนรู้ที่จะล่า แต่ต้องไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ด้วยเช่นกัน
หมาป่าไม่ใช่สัตว์ที่จะสามารถสอนตามคู่มือที่อยู่ในหนังสือได้ ในหนังสือพูดถึงแต่สัญลักษณ์อะไรสักอย่างของชาวมองโกเลียและความเชื่อของชาวอินเดียแดง แต่ความเป็นจริงแล้วในปัจจุบัน เหล่าชาวนาและเจ้าของที่ดินต่างเกลียดหมาป่าเป็นที่สุด นั่นก็เพราะพวกมันโลภมากและโหดร้าย
ฉินสือโอวบอกว่าทุกอย่างกำลังเป็นไปในทางที่ดี แต่คงจะไม่เห็นผลสัมฤทธิ์เร็วขนาดนั้น เพิ่งจะฝึกเสี่ยวหลัวปอได้แค่วันเดียวเอง ถ้าเขาสามารถสอนให้เจ้าหมาป่าตัวนี้เชื่องเหมือนสุนัขตำรวจที่ทั้งฉลาดและกล้าหาญได้ เขาก็คงไม่ใช่เทพโพไซดอนแต่เป็นพระเจ้าแทนแล้ว
วินนี่กอดและจูบฉินสือโอวเบาๆ เธอยิ้มและพูดออกมาว่า “ฉันเชื่อว่าคุณสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ คุณคือผู้ชายที่เก่งที่สุดสำหรับฉันเลยนะ”
ฉินสือโอวดีใจกับประโยคที่ได้ยินทันที เขาถามกลับว่า “เก่งที่สุดงั้นเหรอ?”
“อืมอืม ใช่แล้ว เก่งที่สุดเลย เอาละ ตอนนี้คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ” วินนี่เตรียมน้ำสำหรับอาบเหมือนกับที่เตรียมให้เด็กๆ แล้วเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าไปอาบน้ำ
เมื่อฉินสือโอวเข้าไป วินนี่ก็ส่ายหัวพลางพูดขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจ “และก็เป็นเด็กที่ซื่อบื้อที่สุดสำหรับฉันด้วย”
เพื่อให้สมกับที่วินนี่ไหว้วาน วันต่อมาฉินสือโอวก็เข้าไปในเมืองเพื่อไปหาซื้อชุดมาสคอต เมื่อก่อนของพวกนี้ไม่มีขายในเมือง แต่ตอนนี้เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะเป็นการดึงดูดลูกค้า ดังนั้นร้านค้าส่วนมากจึงมีของพวกนี้
ฉินสือโอวซื้อชุดมาสคอตที่เป็นคนสีเหลืองมาหนึ่งชุดจากร้านขายของชำของฮิวจ์ มันมีตาโตและฟันอันใหญ่โต นอกจากจะน่ารักแล้วยังน่ากลัวอยู่นิดหน่อยด้วย เจ้าตัวนี้เหมาะที่สุดแล้วที่จะเอามาแกล้งเสี่ยวหลัวปอ
หมาป่าที่น่ากลัวอย่างเสี่ยวหลัวปอกำลังวิ่งไปมาอย่างคึกคักทั่วห้องโถง ฉินสือโอวเห็นท่าทางของมันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงวัยเด็ก เจ้าหมาป่าตัวนี้ยังคงประพฤติตัวดีอยู่ แต่หากหมาป่าที่น่าเกรงขามตัวนี้ไม่สามารถต่อสู้ได้ แบบนั้นจะมีประโยชน์อะไร?
หากยึดตามคำแนะนำของเว็บบอร์ดแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าเขาต้องทำให้เสี่ยวหลัวปอเกิดอาการตื่นตระหนกเสียก่อนโดยการไปแอบอยู่หลังต้นเมเปิลต้นใหญ่แล้วค่อยกระโดดออกมา
แต่ปัญหาในตอนนี้คือจะทำอย่างไรให้เสี่ยวหลัวปอโผล่หัวออกมา วิธีที่ดีที่สุดคือเขาจะให้เหมาเหว่ยหลงพาเด็กๆ ขึ้นไปบนบ้าน หลังจากนั้นเขาก็จะหาเวลาล่อไดร์วูล์ฟออกจากห้องโถงไปยังหน้าต้นเมเปิลทันที แล้วจากนั้นฉินสือโอวที่สวมชุดมาสคอตสีเหลืองก็จะหลบอยู่หลังต้นเมเปิล
ตอนนั้นเองฉงต้าก็วิ่งเข้ามาอย่างร่าเริง เมื่อมันวิ่งมาถึงหน้าฉินสือโอวมันก็เงยหน้ามองเขาและอ้าปากกว้าง เผยให้เห็นไข่ห่านอีกหนึ่งใบ
ฉินสือโอวไม่อยากให้มันมาทำลายแผนการดีๆ ของตัวเอง เขาจึงรีบหยิบไข่ห่านนั้นออกมาและให้เนื้อหมูแห้งแก่มันหนึ่งคำก่อนจะไล่มันให้ออกไปวิ่งเล่นที่อื่น
เมื่อฉงต้าได้รับเนื้อแห้งมันก็เคี้ยวจ๊อบแจ๊บไปมาอย่างพอใจ จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ ไปทางที่พวกฝูงห่านอาศัยอยู่อีกครั้ง
เมื่อเสี่ยวหลัวโบหลุดพ้นจากเหมาเหว่ยหลงที่ยืนขวางมันไม่ให้มันวิ่งเข้าไปในห้องโถงแล้ว พอลงมาจากชั้นสองมันก็มองไปรอบๆ อย่างแปลกใจ ทำไมไดร์วูล์ฟที่พึ่งพ่ายแพ้ให้แก่มันเมื่อครู่ถึงไม่อยู่ที่นี่แล้วล่ะ?
หรือมันกลัวเราจนหนีไปแล้ว? เสี่ยวหลัวปอคิดอย่างภาคภูมิใจ แต่เมื่อมันวิ่งออกไปนอกบ้าน ทันใดนั้นมันก็เห็นว่าไดร์วูล์ฟกำลังยืนอยู่หน้าต้นเมเปิลและมองไปยังต้นไม้ต้นนั้นเขม็ง
ทันใดนั้นเจ้าหมาป่าตัวเล็กที่ทั้งกล้าหาญและเชี่ยวชาญการต่อสู้ก็เกิดความรู้สึกไม่ยอมขึ้นมา มันเงยหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงออกมาสองสามครั้ง หางของมันตั้งขึ้นราวกับธงขนาดเล็กราวกับจะโอ้อวด เป็นอีกครั้งที่หมาป่าผู้กล้าหาญและแข็งแกร่งสมชายชาตรีพุ่งเข้าไปหาไดร์วูล์ฟเฒ่าตัวนั้น!
“อะอู๊ว โฮ่งโฮ่ง!” เสี่ยวหลัวปอวิ่งไปข้างหน้าพลางเห่าหอนไปด้วย ท่าทางของมันดูดุร้ายเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวคำนวณจากเสียงที่ได้ยินก็รู้ว่าตอนนี้เสี่ยวหลัวปอได้มาอยู่ข้างหน้าแล้ว เขาจึงรีบกระโดดออกมาทันที พร้อมร้องออกมาด้วยเสียงอันแปลกประหลาด “ว๊าก ว๊าก ว๊าก ว๊าก ว๊าก ว๊าก!”
เมื่อเสี่ยวหลัวปอที่กำลังวิ่งเข้ามาได้ยินเสียงร้องนั้นมันก็หยุดลงทันที มันเงยหน้ามองตัวประหลาดที่โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ดวงตาเรียวเล็กเปลี่ยนเป็นดวงตาเบิกกว้างราวกับระฆัง ปากของมันอ้ากว้าง ขาของมันพันกันไปมาจนทำให้สะดุดล้มลงไปกับพื้น!
เมื่อเห็นท่าทางเซ่อซ่าของเสี่ยวหลัวปอ ฉินสือโอวก็เกิดความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา…
ผลปรากฏว่าเสี่ยวหลัวปอทำให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก หลังจากที่มันลุกขึ้นมาได้มันยังจะกล้าบุกเข้ามาอย่างนั้นเหรอ? มันรีบวิ่งหนีกลับบ้านไปอย่างรวดเร็วเพราะความกลัวต่างหาก เรียกได้ว่าวิ่งราวกับจะบินได้เลยทีเดียว!
หลังจากที่มันวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ปรากฏว่าขาของมันก็อ่อนระทวยลงไปและสะดุดขาตัวเองล้มลงอีกครั้ง มันร้องเอ๋งๆ ออกมาแล้วรีบลุกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับลากสายยางที่อยู่ด้านหน้าไปด้วยอย่างพะรุงพะรัง….
ฉินสือโอวมองตามมันไปจนสุดทาง ให้ตายเถอะ นี่คือลูกหลานของหมาป่านักล่าผู้ดุร้ายที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความตื่นตระหนกให้ประเทศอังกฤษจริงเหรอ? แล้วสายยางด้านหลังนั่นคืออะไรกัน? ใครก็ได้บอกหน่อยสิว่าทำไมมาสคอตสีเหลืองน่ารักนี้ถึงทำให้หมาป่ากลัวได้?!
เสี่ยวหลัวปอวิ่งหนีสุดชีวิต มันเดินขึ้นบันไดไปอย่างทุลักทุเล หลังจากเข้าไปในบ้านแล้วมันก็มุดเข้าไปอยู่ใต้โซฟาที่ใกล้ที่สุดที่หาได้ นี่น่ะเหรอที่เรียกว่ามีฝีมือ!
ฉินสือโอวจนปัญญาแล้วจริงๆ จู่ๆ เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าไม่ต้องกังวลเลยว่าหลังจากที่มันฟื้นฟูร่างกายเสร็จแล้วกลับเข้าป่าไปมันจะไปทำร้ายผู้คน มันขี้ขลาดขนาดนี้ หากมันยืนอยู่ต่อหน้าคนแล้วร้องขู่ออกมาได้สักทีสองทีก็ถือว่าใช้ได้แล้ว!
แต่ว่าเรื่องนี้ยังไม่สามารถบอกอะไรได้แน่นอน ตอนที่ฉงต้าเล็กๆ มันก็ขี้ขลาดเหมือนกัน แต่ตอนนี้มันเก่งขึ้นตั้งเยอะ มันสามารถสร้างความตื่นตระหนกให้ฝูงห่านแล้วไปเอาไข่ห่านออกมาได้แล้ว การที่มันทำเรื่องนี้ได้ถือว่ามันมีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด หากพูดอย่างไม่เกรงใจล่ะก็ ทั่วทั้งฟาร์มปลาแห่งนี้มีเพียงมันตัวเดียวที่ทำได้ นิมิตส์กับบุชนั้นอาจจะทำให้พวกห่านกลัวได้ แต่ก็ไม่สามารถเอาไข่ของพวกมันมาได้
ฉินสือโอวหาข้อมูลเรื่องนี้ในอินเทอร์เน็ต และมันก็มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่จริงๆ ชาวแคนาดานั้นไม่ว่าจะเป็นสัตว์อะไรพวกเขาก็เลี้ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่ามอนิเตอร์ที่ยาวห้าฟุต สกังก์อายุสองปี แมงมุมที่มีขนาดตัวเท่าจานอาหารขนาดกลาง นอกจากนี้ยังมีหมูป่าด้วย….
ในอินเทอร์เน็ตมีคนจำนวนมากตอบกลับว่าในตอนที่สัตว์เลี้ยงของพวกเขายังเล็กนั้นขี้ขลาดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อโตขึ้นความกล้าของพวกมันก็ระเบิดออกมา นอกจากนี้ยังสร้างเรื่องให้เจ้าของรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่หลายครั้ง
มีบทวิเคราะห์จากโรงเรียนฝึกสอนสัตว์เลี้ยงบอกว่า นี่เป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์ป่า ถ้าหากว่ามันไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ตั้งแต่เกิด ตอนที่มันยังเล็กก็จะขี้ขลาด เพราะพวกมันรู้สึกขาดความปลอดภัย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อสัตว์ป่าพวกนั้นเริ่มไว้วางใจเจ้าของมากขึ้น ความมั่นใจของมันก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย ความดุร้ายที่ฝังอยู่ในสายเลือดของพวกมันจะถูกกระตุ้นขึ้นเหมือนที่เขียนอยู่ในหนังสือ ‘เสียงเพรียกจากพงไพร’
หลังจากที่ฉินสือโอวอ่านจนเข้าใจชัดแล้ว เขาก็เลิกฝึกเสี่ยวหลัวปอ แต่กลับเข้าไปกอดมันเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์
แต่เขายังสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าบทวิเคราะห์นี่ถูกจริงเหรอ? ตอนนี้เสี่ยวหลัวปอรู้สึกไม่ปลอดภัยงั้นเหรอ? ตอนนี้เจ้าตัวน้อยรู้สึกโดดเดี่ยวงั้นเหรอ? เขาไม่รู้สึกว่ามันมีอะไรผิดปกติเลยสักนิด….
อาหารที่มีรสชาติอร่อยนั้นสามารถล่อใจฉงต้าที่รักการกินอาหารได้ดีมากกว่าที่คนทั่วไปจะคาดเดาได้ หลังจากที่มันเข้าใจว่าไข่ห่านสามารถทำให้แห้งได้แล้ว มันก็วิ่งออกไปยังฝูงห่านไม่หยุดหย่อน จากนั้นสองวันมันก็จะนำไข่ห่านใบใหญ่กลับมานับสี่สิบกว่าใบ
ฉินสือรู้สึกว่าจะปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาคิดอยากจะไปหาฉงต้าแล้วสั่งให้มันหยุดทำเรื่องนี้ที่สุด
รสชาติของไข่ห่านนั้นอร่อย แต่เขาไม่อยากรีบฆ่าห่านเหล่านั้นให้สูญพันธุ์ ถ้าหากห่านพวกนั้นไม่เพิ่มจำนวนเลย แบบนั้นถ้ากินห่านพวกนี้จนหมดแล้วเขาก็ต้องไปซื้อห่านฝูงใหญ่เพื่อมากินอีกน่ะสิ
ในตอนที่ฉินสือโอวเห็นฉงต้า มันกำลังวิ่งเข้าไปในพื้นที่ของห่านไท่หูพอดี
คราวนี้ห่านพวกนั้นหมดความอดทนและเลือกที่จะต่อสู้กลับในที่สุด!
พวกมันตั้งรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่ห่านที่กำลังกกไข่อยู่ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ส่วนพวกห่านตัวผู้ก็ค่อยๆ เข้ามาล้อมรอบห่านตัวเมียทีละชั้นๆ พวกมันใช้ร่างกายเบียดเข้าหากันจนกลายเป็นกำแพงกั้นฉงต้าเอาไว้
ฉงต้าคำรามออกมาสองสามที ห่านพวกนั้นก็เกิดอาการหวาดกลัว แต่พวกมันกลับไม่ยอมหนีไปเหมือนครั้งก่อนหน้านี้
ฉงต้ารู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้น่าเบื่อหน่าย มันรู้สึกหมดสนุกกับห่านพวกนั้น มันจึงเดินไปทางทิศเหนือ ฝูงห่านหัวสิงโตอยู่ไม่ไกล ฝูงห่านหัวสิงโตครอบครองพื้นที่ทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ นอกจากนี้ที่นั่นยังมีไข่ห่านอยู่มากมายเช่นกัน
…………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset