ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 608 ทุ่งหญ้าในฟาร์มปลา

เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการแย่งชิงพื้นที่ทุ่งหญ้าครั้งที่สองหรือสงครามกลางทุ่งอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น ฉินสือโอวได้โทรหาบิลตั้งแต่วันเกิดเหตุเพื่อให้เขาส่งเมล็ดหญ้าจำนวนหนึ่งสำหรับปลูกหญ้ามาให้
บิลทำงานเสร็จรวดเร็วอย่างง่ายดาย เขารีบติดต่อไปยังบริษัทเพื่อเตรียมเมล็ดหญ้าไรย์โดยจำนวนนั้นต้องเพียงพอกับการปลูกในพื้นที่สี่สิบเอเคอร์ วันต่อมาเขาก็นำเมล็ดหญ้าพวกนั้นก็ลงเรือส่งมายังฟาร์มปลาต้าฉิน
เมื่อเจอกับฉินสือโอวเขาก็พูดแนะนำว่า “เมล็ดหญ้าไรย์พวกนี้ใช้ปลูกทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ได้ดีเลย แถมยังสามารถปลูกเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ได้ด้วย สนามกอล์ฟในประเทศแคนาดาที่มีอยู่ตอนนี้ทั้งหมด ครึ่งหนึ่งในจำนวนสนามกอล์ฟพวกนั้นก็ใช้หญ้าชนิดนี้”
ฉินสือโอวมองไปยังเมล็ดหญ้าสีดำที่ส่องประกายแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ บิลพึ่งพาได้จริงๆ เมล็ดหญ้าที่เขาเลือกถูกใจฉินสือโอวเป็นที่สุด
อันที่จริงแล้วบิลชอบซื้อสินค้าทางการเกษตรมาให้ฉินสือโอวที่สุด เพราะขอเพียงซื้อของที่ดีที่สุดมาให้ เรื่องราคานั้นฉินสือโอวไม่เกี่ยง
เช่นเดียวกันกับหญ้าไรย์เหล่านี้ หญ้าไรย์เป็นหญ้าชั้นดีที่ใช้เลี้ยงสัตว์และเป็นหญ้าที่มีคุณภาพสูงเหมาะแก่การทำสวน ราคาของเมล็ดพันธุ์ชนิดนี้มีราคาแพงกว่าเมล็ดหญ้าชนิดใกล้เคียงกันอย่าง หญ้าทิโมธี หญ้าคา หญ้าเมโดว์ ข้าวสาลี หญ้าเฟสตูกา กก หญ้าหางหมาจอก แอลแฟลฟา โคลเวอร์ ถั่วมะแฮะ และเถา
แต่มันก็มีเหตุผลที่มันมีราคาแพง หญ้าชนิดนี้เป็นหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่ดีมากซึ่งพบได้ทั่วไปในยุโรป อเมริกาและเอเชีย หญ้าพวกนี้ไม่เพียงแต่ใช้เลี้ยงวัวเลี้ยงแกะเท่านั้น อันนี้ที่จริงมันยังมีข้อดีอีกมากมาย
เช่นว่า การพัฒนาส่วนรากของหญ้าไรย์ พวกมันโตไวมากจนทำให้สารอินทรีย์ที่อยู่ในพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มจำนวนมากขึ้น และยังช่วยปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพของพื้นดินด้วย ถ้าหากปลูกเอาไว้บริเวณที่ลาดชัน ก็จะช่วยป้องกันความลาดชันของหน้าดิน ป้องกันการกัดเซาะ และลดการพลังทลายของหน้าดินด้วย
อีกอย่างหญ้าไรย์เป็นหญ้าสายพันธุ์ฤดูหนาวที่ค่อนข้างโดดเด่น และก็ถือว่าเป็นพืชที่ทนทานต่ออากาศหนาว แม้ว่าจะอยู่ในฤดูหนาวก็ยังสามารถมีใบสีเขียวได้ พวกมันมักถูกนำมาใช้เป็นสนามหญ้าในฤดูร้อน และใช้เป็นวัสดุเสริมสำหรับรักษาความเขียวของพื้นหญ้าในช่วงฤดูหนาว
ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของฟาร์มปลาต้าฉิน เพราะฤดูหนาวในนิวฟันด์แลนด์นั้นหนาวมาก
บิลเลือกหญ้าไรย์ให้ฉินสือโอว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือหญ้าชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หน้าดินที่มีโครงสร้างมากมาย มันสามารถโตในดินที่มีความเป็นกรดเล็กน้อยได้ เติบโตในดินที่หนาวเหน็บและเนื้อดินที่เป็นด่างได้ เพียงแต่จำนวนหญ้าที่ขึ้นจะลดลงหน่อยก็เท่านั้น
ที่ดินของฟาร์มปลาส่วนใหญ่เป็นพื้นทราย พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่เหมาะที่จะทำทุ่งหญ้า อย่าคิดว่าพื้นทรายที่อยู่ใกล้ทะเลนั้นจะอุดมไปด้วยน้ำ อันที่จริงแล้วพื้นทรายไม่อุ้มน้ำ แต่แน่นอนว่าหญ้าไรย์นั้นทนต่ออากาศหนาวและอากาศแห้งแล้ง
การปลูกหญ้าไรย์นั้นง่ายมาก ชาร์คขับรถไถมาไถหน้าดิน ส่วนซีมอนสเตอร์ก็คอยโปรยเมล็ดตามหลังมา เรื่องการชลประทานนั้นไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอะไรอีก พวกเขามีรถดับเพลิงตั้งสี่คัน แค่ไปสูบน้ำจืดมา จากนั้นก็พ่นน้ำลงมาด้านบนก็ใช้ได้แล้ว
ฉินสือโอวมองภาพตรงหน้า แล้วหันมาพูดกับเหมาเหว่ยหลงอย่างพอใจ “ดูสิ นี่คือพลังของเทคโนโลยีล่ะ นี่คือเครื่องจักรกลทางการเกษตร!”
เหมาเหว่ยหลงทำเสียงขึ้นจมูกแล้วพูดออกมา “เครื่องจักรกลทางการเกษตร คำว่า ‘เกษตร’ ที่พูดออกมานั่นนายแน่ใจได้ยังไงว่ามันหมายถึงการเกษตร?”
มันอาจจะไม่ใช่การเกษตร แต่เป็นเพียงเครื่องจักรกลก็ได้
นีลเซ็นรดน้ำ ส่วนเบิร์ดก็ขับรถแทรกเตอร์เข้ามา แล้วนำปุ๋ยที่บิลให้มาไปโรยบนพื้นที่ปลูกหญ้า ทุ่งหญ้าขนาดห้าสิบเอเคอร์ใช้เวลาทำงานเพียงครึ่งวันก็เสร็จลุล่วง ส่วนแรงงานคนที่ใช้ก็เพียงแค่สี่คนเท่านั้น!
หลังจากที่จัดการงานนี้เสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ลากเก้าอี้นวมยาวไปยังชายหาดเพื่อรับลมทะเล อีวิลสันช่วยเขาตั้งร่มกันแดด เขาคั้นน้ำผลไม้ไปพลางหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน ที่เหลือก็แค่รอให้ฉินสือโอวเอนหลังลงนอนเท่านั้น…
เหมาเหว่ยหลงพูดออกมาอย่างอิจฉา “แหม ดูน้องชายคนนี้สิ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็คิดว่าแกเป็นไก่อ่อนเลยไม่กล้าเปิดเผยฐานะของตัวเองเพราะกลัวว่าแกจะรู้สึกด้อยกว่า แต่ตอนนี้แกดีกว่า และเป็นฉันที่ด้อยกว่า!”
ฉินสือโอวส่ายหน้าไปมาแล้วพูดขึ้น “แบบนี้ฉันก็ต้องถ่อมตัวหน่อยน่ะสิ ฟาร์มปลาแกธเธอริงมีบ้านที่ทำจากกระเบื้องหลากสีอยู่หลายหลัง วันนี้ฉันจะย้ายไปอยู่ที่นั่น ส่วนบ้านที่นี่ก็ให้นายแล้วกัน เป็นไงดูมีน้ำใจขึ้นมาบ้างไหม?”
ล้อเล่นหรอกนะ ฉินสือโอวรู้สึกซาบซึ้งใจต่อเหมาเหว่ยหลงอย่างลึกซึ้ง
ช่วงเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่ นอกจากจะต้องเริ่มทำวิทยานิพนธ์ฉบับจบแล้ว เมื่อก่อนเหมาเหว่ยหลงก็ไม่เคยพูดเรื่องที่บ้านของเขาเลย บางครั้งก็ยังมายืมเงินและมาขอข้าวกินฟรีเป็นครั้งคราวด้วย ถ้าหากก่อนหน้านี้เขารู้ว่าเหมาเหว่ยหลงเป็นลูกชายของรองหัวหน้ากององครักษ์เสื้อแพรของเมืองหลวงล่ะก็ ความสัมพันธ์ของฉินสือโอวกับเขาคงไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้แน่
เมื่อลากเก้าอี้มาถึงชายหาด ฉินสือโอวก็มองเห็นปอหลัวกำลังนอนกรนอยู่ใต้ร่มเงาของร่มกันแดด เท้าทั้งสี่ของมันกางออก หางสะบัดไปมา ใบหน้าที่มีผมหน้าม้าของมันเต็มไปด้วยความสุข
“ให้ตายสิ!” ฉินสือโอวรู้สึกเหนื่อยใจกับภาพที่เห็น ยังดีที่เขาพกร่มของตัวเองมาด้วย
เมื่อเอนกายลงบนเก้าอี้ ฉินสือโอวก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างเกียจคร้าน เขากับเพื่อนร่วมชั้นอย่างเหมาเหว่ยหลงร้องเพลงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยภายใต้บรรยากาศอันครึกครื้น
ช่วงนี้ข่าวคราวของกลุ่มเพื่อนเงียบหายไป ตอนที่มาแคนาดาครั้งแรก ฉินสือโอวรู้สึกว่ากลุ่มเพื่อนนักเรียนของเขาเป็นศูนย์กลางที่ทำให้เขากับประเทศแห่งนี้ต่อกันติดได้ แต่หลังจากนั้นคนในกลุ่มก็พูดคุยกันน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้บางครั้งเขาก็เลิกคุยกับเพื่อนในกลุ่มและออกมาจากบทสนทนาอย่างช้าๆ
จู่ๆ เหมาเหว่ยหลงที่เล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ก็พูดขึ้นมา “เฮ้ นายรู้เรื่องนี้หรือยัง ซ่งจวินเหมยถูกเจ้าเด็กเยียนเฟยนั่นขอแต่งงาน ได้ยินว่าทั้งสองคนจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ล่ะ”
ฉินสือโอวอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาขมวดคิ้วแล้วพูดออกมา “ฉันไม่รู้ ไม่มีใครบอกฉันเลยสักคน ว้าว สงสัยไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนแล้วล่ะมั้งแบบนี้!”
เหมาเหว่ยหลงอ้าปากพะงาบๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองต่อไป
ฉินสือโอวรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ มนุษยสัมพันธ์ของเขาในช่วงมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างดี แม้ว่าที่บ้านจะไม่มีเงินขนาดที่จะสามารถเลี้ยงข้าวเพื่อนๆ ได้ แต่เขาเป็นคนง่ายๆ สนุกสนาน ชอบช่วยเหลือ ดังนั้นความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนๆ จึงค่อนข้างดีทีเดียว
แต่ตอนนี้เขารู้ว่าช่องว่างของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมชั้นกับเขาคืออะไรกับ แม้ว่าหลังจากเรียนจบเขาจะขอให้เหมาเหว่ยหลงช่วยให้เขาเข้าทำงานในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาก็ยังเป็นคนธรรมดา จากนั้นจู่ๆ เขาก็กลายเป็นคนรวยขึ้นมา เพื่อนๆ เลยพากันรับไม่ได้ ที่บอกว่าพวกเขาไม่อิจฉาไม่ริษยานั้นเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น
อีกอย่างพวกเขายังมีความเย่อหยิ่งในสถานศึกษาของพวกเขาเองเลยไม่อยากเข้าใกล้ฉินสือโอว เพราะกลัวว่าจะโดนเพื่อนคนอื่นๆ หาว่ามาประจบสอพลอเขา
เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของฉินสือโอวเย็นลงแล้ว เหมาเหว่ยหลงที่อยู่ข้างๆ ก็เอื้อมมือมาตบบ่าของเขา “เอาล่ะๆ น้องพี่ อย่าขมวดคิ้วแบบนั้นสิ พวกเขาก็ไม่ได้บอกฉันเหมือนกัน ฉันรู้เรื่องนี้มาจากเฉินเหลย เรื่องนี้จะไปตำหนิพวกเขาก็ไม่ได้หรอกนะ พวกเราวันๆ อยู่แต่ในคิวคิว พวกนั้นก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง แล้วก็มีความคิดเป็นของตัวเองด้วย”
ฉินสือโอวพ่นลมหายใจออกมาก่อนพูดขึ้น “ฉันรู้ เมื่อก่อนฉันอาจจะยังอารมณ์เหมือนเด็ก นายช่วยฉันคิดหน่อยสิว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงดี? ความสัมพันธ์ของพวกเรากับเพื่อนๆ ไม่ได้แย่เลยนะ แต่ฉันไม่อยากเป็นพระราชาผู้โดดเดี่ยวในวังต้องห้ามหรอกนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นเหมาเหว่ยหลงก็ชูนิ้วกลางใส่เขาแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “นายคิดว่าตัวเองเป็นพระราชาหรือไง? ไปไกลๆ เลย! เรื่องของเพื่อนพวกเราเดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ตอนนี้พ่อของฉันไม่รู้จักลูกชายของตัวเองแล้ว สถานการณ์ของฉันเลวร้ายกว่านายซะอีก”
ในขณะที่ฉินสือโอวคิดหาทางที่จะสานความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนร่วมชั้น บาลซักที่สวมกางเกงขาสั้นก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมถือซองเอกสารหนึ่งฉบับเอาไว้ในมือ
“คุณเจ้าของฟาร์มปลา ชีวิตของคุณนี่น่าอิจฉาจังเลยนะ เมื่อไรผมจะมีเวลามานั่งพักผ่อนแบบนี้บ้างก็ไม่รู้” บาลซักพูดกลั้วหัวเราะ
ในใจของฉินสือโอวยังคงว้าวุ่นอยู่ แต่เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกของเขาให้บาลซักเห็นได้ เขาทำได้เพียงยิ้มฝืนๆ ออกมาแล้วพูดขึ้น “ไม่หรอกครับศาสตราจารย์ คุณเห็นแค่ด้านนี้ด้านเดียวเท่านั้นแหละ อันที่จริงผมมีเรื่องให้ทุกข์ใจอีกมากมายเลยล่ะ อีกอย่างถ้าคุณอยากมีชีวิตแบบนี้ ที่จริงมันง่ายมากเลยนะ จากที่ผมรู้มาคุณมีเงินมากพอที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตแบบนี้ได้เหมือนกันนี่นา”
บาลซักส่ายหัวพลางพูดขึ้น “เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องเงินทอง เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อการใช้ชีวิตเชียวนะ ใช่แล้ว นี่เป็นข้อมูลงานวิจัยของสัตว์ทะเลจำนวนหนึ่งในฟาร์มปลาของคุณ คุณเห็นหรือยัง? มันน่าสนใจมากทีเดียว”
……………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset