ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 629 โกลเด้น ฮอร์สชู

ฉินสือโอวกับดอนกอดทักทายกันหนึ่งครั้ง ดอนพูดขึ้นมาอย่างมีความสุข “สุดยอดจริงๆ ที่ได้มาฟาร์มปลาของนาย ฉันได้ยินแฮมเล็ตบอกว่าฟาร์มปลาของนายส่งปลาไปขายแล้วใช่ไหม? เป็นยังไงบ้างล่ะเพื่อน? ต้องได้ผลผลิตเป็นกอบเป็นกำอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”
“พระเจ้าคุ้มครอง ผลผลิตไม่เลวเลย ผมพอใจมากๆ คนเราควรรู้จักเรียนรู้ที่จะรู้สึกพึงพอใจใช่ไหมล่ะ?” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม เขาโบกมือไปมา วินนี่ก็เอาชาเขียวที่ชงไว้แล้วมารินให้ ชาเหมาเจียนคุณภาพชั้นหนึ่งส่งกลิ่นหอมสดชื่นลอยขึ้นมาแตะจมูก
หลังจากรินชาให้ทั้งสองคนแล้วเธอก็ส่งยิ้มให้พวกเขาแล้วเดินออกไป ฉงต้าวิ่งหอบฮืดฮาดเข้ามาข้างๆ ฉินสือโอวและกำลังจะหมอบลงไป วินนี่จึงหันกลับมาแล้วพูดกับมัน “ลูกรัก พวกเราต้องขึ้นไปข้างบนแล้ว”
ฉงต้ากะพริบตาเล็กๆ ของมันมองไปที่ฉินสือโอวแล้วค่อยมองไปทางวินนี่ จากนั้นมันก็ยอมเดินตามเธอขึ้นไปอย่างว่านอนสอนง่าย ต้าป๋ายกระโดดขึ้นมาอยู่บนไหล่ของฉงต้า อุ้งเท้าเล็กๆ ถือแอปเปิลแดงเอาไว้หนึ่งลูกพร้อมแทะกินอย่างมีความสุข
กระทั่งวินนี่เดินออกไปแล้ว ดอนก็พูดออกมายิ้มๆ “ยินดีกับนายด้วยนะฉิน นายมีภรรยาที่สวยมากๆ ทำให้ตาเฒ่าแบบพวกเรารู้สึกอิจฉาจริงๆ”
ฉินสือโอวดื่มชาไปพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณที่ชมนะครับ ที่จริงความสวยไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ความชอบพอของตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
คุยกันไปเรื่อยๆ หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนมาถึงเรื่องฟอสซิลแล้ว ดอนเป็นคนที่แฮมเล็ตหามาเพื่อวินิจฉัยและประเมินค่าฟอสซิล หลังจากผลการวินิจฉัยออกมาแล้ว พิพิธภัณฑ์ฟอสซิลแห่งประเทศแคนาดาก็จะเริ่มงานขุดเจาะ
การค้นพบฟอสซิลก็คือเม็ดเงิน ถ้ารัฐบาลอยากจะขุดเจาะทะเลสาบเฉินเป่าก็ต้องให้เงินชดเชยกับเมืองแฟร์เวล
ฉินสือโอวนึกว่าการขุดค้นฟอสซิลในทะเลสาบเฉินเป่าต้องสูบน้ำออกให้แห้ง ดอนจึงอธิบายให้ฟังว่าไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้น ทะเลสาบเฉินเป่ามีขนาดใหญ่เกินไป อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองแฟร์เวล ดังนั้นจึงไม่สามารถดูดน้ำออกได้
ตอนนี้เทคโนโลยีมีความสามารถสุดยอดมากแล้ว การขุดค้นทะเลสาบไม่จำเป็นต้องสูบน้ำออกอีกต่อไป เพียงแต่ต้องกระทุ้งแผ่นพลาสติกความทนทานสูงลงไปล้อมรอบก้นทะเลสาบเอาไว้จนกลายเป็นทรงกระบอกแล้วกันผืนน้ำในทะเลสาบบริเวณอื่นออกไป จากนั้นถ้าสูบน้ำบริเวณนี้ออกก็จะทำการขุดค้นฟอสซิลที่อยู่ข้างล่างได้แล้ว
เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉินสือโอวแล้ว หน้าที่ของเขาคือการนำฟอสซิลมาประกาศตัวภายใต้แสงอาทิตย์ ต่อไปจะต้องทำยังไงต่อก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลกับเมืองนี้แล้ว ตอนนี้เขากำลังยุ่งกับการจัดการธุระเรื่องฟาร์มของเหมาเหว่ยหลง
เหมาเหว่ยหลงอยู่ที่มอนตานามาแล้วหลายวัน ต้นเดือนมิถุนายนเขาก็โทรศัพท์มาหาฉินสือโอวบอกว่ากำลังจะไปแฮมิลตันของรัฐออนแทรีโอกับโอวหยางไห่ ที่นั่นมีฟาร์มเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ต้องการจะขาย ราคาก็สมเหตุสมผลมาก
วันต่อมาฉินสือโอวจึงรีบนั่งเฮลิคอปเตอร์ข้ามไป นครเซนต์จอห์นอยู่ห่างจากรัฐออนแทรีโอไม่นับว่าไกล ถ้าเหมาเหว่ยหลงซื้อฟาร์มอยู่ที่นี่ หลังจากนี้ทั้งสองคนก็จะได้เจอกันบ่อยๆ
แฮมิลตันคือเมืองท่าแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐออนแทรีโอ มันตั้งอยู่ทางตะวันตกของโตรอนโตและทางเหนือของน้ำตกไนแอการา เช่นเดียวกันกับเมืองอื่นๆ ในแคนาดา แฮมิลตันก็เป็นเมืองที่มีพื้นที่กว้างขวางแต่มีประชากรอยู่บางเบา เมื่อก่อนเมืองนี้เคยอาศัยอุตสาหกรรมหนักกับอุตสาหกรรมเหล็กกล้าเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ ด้วยเหตุนี้เมืองนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ‘เมืองเหล็กกล้า’
ทว่าช่วงไม่กี่ปีนี้อุตสาหกรรมการรักษาพยาบาลของแฮมิลตันพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลแคนาดาให้เงินลงทุนกับมันอย่างมหาศาลเพราะอยากสร้างเมืองนี้ให้เป็นเมืองแห่งการรักษาพยาบาลของแคนาดา
ที่สนามบิน ฉินสือโอวได้เจอกับเหมาเหว่ยหลงแล้ว โอวหยางไห่ที่เคยพบหน้ากันมาก่อนหนึ่งครั้งก็ย่อมต้องติดตามเขามาด้วย
พอมองเห็นฉินสือโอว โอวหยางไห่ก็เข้ามากอดทักทายเขาพร้อมพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ฉันจับตาดูฟาร์มพวกนี้มาตลอด ตอนแรกนึกว่านายอยากทำฟาร์ม แต่ก็ยังไม่มีข่าวคราวจากนายสักที สุดท้ายกลับเป็นต้าเหมาที่ได้ประโยชน์ไปซะอย่างนั้น”
โอวหยางไห่ค่อนข้างกระตือรือร้นจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ส่งอีเมลข่าวคราวการทำฟาร์มในอเมริกากับแคนาดามาให้เขาเยอะมาก
หลังจากทั้งสามคนได้พบกันก็พากันไปที่ร้านอาหารท้องถิ่นที่มีฝีมือละเอียดประณีตแห่งหนึ่ง คนจีนก็ย่อมต้องทานอาหารจีนอยู่แล้ว ฉินสือโอวทานหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานกับหมูสองไฟจนอิ่มแปล้และเพลิดเพลินอย่าบอกใคร นานแล้วที่เขาไม่ได้ทานอาหารจีนแท้ๆ แบบนี้
ที่โต๊ะอาหารโอวหยางไห่แนะนำสภาพการณ์ให้ทั้งสองคนฟังก่อนสักเล็กน้อย ฟาร์มที่พวกเขาจะไปดูในครั้งนี้มีพื้นที่ไม่ใหญ่ แค่ประมาณหนึ่งพันหมู่ แต่ทำเลดีมากๆ มันเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของโกลเด้น ฮอร์สชูเลยทีเดียว
เขตโกลเด้น ฮอร์สชูเป็นชื่อเรียกทั่วไปที่คนในพื้นที่เรียกกัน แท้จริงแล้วมันเป็นมหานครขนาดใหญ่ ทางใต้เริ่มตั้งแต่บริเวณส่วนใต้ของออนแทรีโอ ไปสิ้นสุดที่บริเวณส่วนปลายทางทิศตะวันตกของทะเลสาบออนแทรีโอ ใช้พื้นที่ของโทรอนโตเป็นจุดศูนย์กลาง ครอบคลุมขอบเขตพื้นที่กว้างขวางตั้งแต่ทะเลสาบอิรีไปจนถึงอ่าวจอร์เจียนในทิศเหนือที่ยื่นตัวออกมา พื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่บนเขตติดต่อของเมืองควิเบกกับเมืองวินด์เซอร์
แฮมิลตันตั้งอยู่บนตำแหน่งหัวใจสำคัญของเขตโกลเด้น ฮอร์สชู การจัดตั้งฟาร์มสักแห่งหรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์ก็ยังมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้
เฮลิคอปเตอร์ยังมีที่นั่งด้านหลังอยู่อีกสองที่พอดี พอทานข้าวเสร็จแล้วโอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงจึงนั่งอยู่ด้านหลังโดยมีเบิร์ดเป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์บินไปที่เขตชานเมืองของแฮมิลตัน
เฮลิคอปเตอร์บินร่อนไปในอากาศ ฉินสือโอวมองผ่านหน้าต่างของเฮลิคอปเตอร์ลงไปด้านล่าง บนพื้นดินด้านล่างมีพืชผลทางการเกษตรเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ส่วนใหญ่เป็นพวกข้าวบาร์เลย์กับบักวีต ลมอุ่นๆ ของฤดูร้อนพัดผ่านรวงข้าวสาลีที่เพิ่งจะงอกเงยออกมา มันเป็นผืนแผ่นสีเขียวมรกตเหมือนกับฟาร์มปลาของเขาไม่มีผิด
ท่ามกลางท้องนาพวกนี้มักจะปรากฏวิลล่าหรือไม่ก็อาคารหลังเล็กอยู่เรื่อยๆ พวกมันล้วนทาสีตกแต่งได้สวยงามมาก และเผยให้เห็นบรรยากาศชนบทแถบชานเมืองของแคนาดาอย่างเต็มที่
เจ้าของฟาร์มที่โอวหยางไห่ช่วยติดต่อให้เป็นคนเชื้อสายจีน เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงบนพื้นที่ว่างของฟาร์ม สองสามีภรรยาชาวจีนก็เข้ามาต้อนรับ พวกเขาจับมือทักทายแล้วถามออกมาด้วยความเป็นมิตร “มิสเตอร์โอวหยางจากเมืองหลวงใช่ไหม?”
โอวหยางไห่ทักทายกับสองสามีภรรยาชาวจีน จากนั้นก็แนะนำคนทั้งสองฝั่งให้รู้จักกัน
เจ้าของฟาร์มมีชื่อว่าหลัวจื้อเวย ส่วนภรรยาของเขามีชื่อว่าไช่หมิงเจวียน ทั้งสองคนย้ายถิ่นฐานมาที่แคนาดาเป็นเวลาหลายปีแล้ว เริ่มตั้งแต่หลังเรียนจบมหาวิทยาลัยในปี 1995 ก็รู้สึกว่าที่แคนาดามีโอกาสในการพัฒนามากกว่าและดีกว่า จึงมาซื้อฟาร์มอยู่ที่แฮมิลตัน
หลังจากได้พบกันแล้ว หลัวจื้อเวยก็พาพวกเขาเข้าไปในโรงบ่มไวน์เล็กๆ เพื่อดื่มไวน์แดงที่เขาหมักเอง ฟาร์มแห่งนี้มีสวนองุ่นอยู่ราวๆ หนึ่งร้อยกว่าหมู่ นี่ค่อนข้างคล้ายกับฟาร์มปลาของฉินสือโอวมาก พวกเขาปลูกองุ่นสำหรับรับประทานกับองุ่นสำหรับหมักไวน์บางส่วน เพื่อเอาไว้สำหรับทานเองและนำออกไปขายเพื่อทำกำไรสักเล็กน้อยด้วยเช่นกัน
ขณะที่กำลังดื่มไวน์หลัวจื้อเวยก็เล่าให้พวกเขาสามคนฟังว่าฟาร์มแห่งนี้มีชื่อว่า ‘ฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธ’ ตอนนี้มีพื้นที่ขนาด 1200 หมู่
พื้นที่ตรงนี้ไม่ใหญ่ แต่เป็นสิ่งที่หลัวจื้อเวยกับภรรยาแลกมาด้วยการทำงานอย่างมานะบากบั่น ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงแฮมิลตัน ฟาร์มที่พวกเขาซื้อมีขนาดแค่ 100 หมู่ ต่อมาหลังจากได้รับผลกำไรจากการทำงานอย่างยากลำบากพวกเขาก็ค่อยๆ รับซื้อฟาร์มที่อยู่รอบๆ ถึงได้มีพื้นที่เท่าทุกวันนี้
เมื่อพูดถึงการทำงานในหลายๆ ปี สิ่งที่ทำให้หลัวจื้อเวยรู้สึกภาคภูมิใจที่สุดก็คือแค่ในปีแรกฟาร์มของพวกเขาก็ทำกำไรได้แล้ว ในตอนนั้นเรื่องนี้ทำให้พวกเจ้าของฟาร์มในพื้นที่รู้สึกประหลาดใจมาก มันเป็นผลงานที่ทำให้หลัวจื้อเวยกับภรรยามีบารมีและชื่อเสียงในเมืองนี้
พวกเขาล้วนเป็นคนจีนด้วยกันทั้งนั้น พอดื่มเหล้าแล้วหัวข้อสนทนาก็ถูกเปิดขึ้น
หลัวจื้อเวยไม่ได้โฆษณาขายฟาร์มของตัวเองในทันที เขาไตร่ตรองอยู่สักครู่แล้วพูดขึ้นมา “น้องชายทั้งสาม พวกนายต่างก็เป็นคนจีนด้วยกันทั้งนั้น โบราณว่าห่างกันแค่สายน้ำกั้น ไม่ว่าบ้านเก่าของพวกเราจะห่างกันไกลแค่ไหน แต่ตอนนี้ก็พวกเราต่างก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น ดังนั้นฉันเลยอยากถามหน่อยว่าทำไมพวกนายถึงอยากอพยพมาที่แคนาดาเหรอ?”
ไช่หมิงเจวียนภรรยาของหลัวจื้อเวยก็ถามออกมาด้วยความงุนงงเช่นกัน “ใช่แล้ว น้องชาย ถ้าย้อนเวลากลับไปสักหน่อย ก่อนช่วงยุคมิลเลนเนียมหรือก่อนหน้านั้นยังอธิบายได้ง่ายว่าทำไมพวกเธอถึงได้อพยพมา ตอนนั้นชีวิตในต่างประเทศมีแรงดึงดูดต่อคนแบบเราๆ มาก พูดแบบไม่อายเลยนะ ในตอนนั้นในใจของนักศึกษาแบบพวกเรา ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแคนาดามีแรงดึงดูดมากเกินไปจริงๆ สิ่งแวดล้อมสวยงาม มีความคิดก้าวหน้าทันสมัย เทคโนโลยีทันสมัย ประชาธิปไตยก็ก้าวหน้าอะไรพวกนั้น”
ฉินสือโอวยักไหล่ เขายิ้มเจื่อนๆ พูดออกมา “น่าจะนับว่าเป็นเรื่องบังเอิญนะครับ ผมได้รับมรดกเป็นฟาร์มปลาจากผู้ใหญ่ในบ้าน ผมถึงได้มาที่แคนาดา ส่วนพี่ชายเหมาเหว่ยหลงก็อยากเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ตอนนี้ที่แคนาดามีโอกาสการพัฒนาอยู่เยอะเลยไม่ใช่เหรอครับ?”
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset