ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 635 ยิงปลาก็ได้นะ

เดินตามแม่น้ำไนแอการามาไกลมากแล้ว ฉินสือโอวก็เงยหน้ามองน้ำตกที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งโลกแห่งนี้อยู่โดยตลอด จิตใจของเขาก็รู้สึกฮึกเหิมอยู่ตลอดเวลา
บ่อยครั้งมักจะมีละอองน้ำหยดเล็กตกกระทบลงมาบนตัว จากความรู้สึกเจ็บนิดๆ ไปจนถึงความเยือกเย็นดุจน้ำแข็งแล้วกลับมารู้สึกเย็นสบายอีกครั้ง ผิวหนังของเขาเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมแบบนี้ได้แล้ว ไอน้ำเย็นยะเยือกปลิวแพร่กระจายไปทั่ว พอยืนอยู่ข้างๆ แม่น้ำผู้คนก็ดูเหมือนกับจะขึ้นไปเป็นเทพเซียนบนสวรรค์เลยทีเดียว
เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าในสถานที่แบบนี้ก็รู้สึกเหมือนท้องฟ้าขมุกขมัวไปหมด หมอกละอองน้ำหนาปกคลุมปิดกั้นแสงอาทิตย์แผดเผารุนแรงเอาไว้ จากจุดนี้จะรู้ได้เลยว่าไอน้ำที่นี่หนาแน่นมากแค่ไหน
ไกด์เดินนำทางอยู่ข้างหน้า เขาเลือกพื้นดินที่แข็งแรงไว้ให้ ไม่อย่างนั้นอาจจะไม่ทันระวังจนลื่นล้มลงไปกับพื้นได้ เมื่อกี้นี้เหมาเหว่ยหลงก็ล้มลงไปแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นพวกเขาเข้าไปใกล้จนติดกับกับแม่น้ำแบบนั้น แค่แป๊บเดียวชายร่างใหญ่ที่สวมเครื่องแบบเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็วิ่งเข้ามา เขาโบกมือสื่อความหมายว่าให้พวกเขาออกห่างจากจุดนั้นอีกหน่อย
ไกด์เดินเข้าไปคุยกับเขาอยู่สองสามประโยค ชายร่างใหญ่คนนั้นก็พยักหน้าอย่างฝืนๆ จากนั้นจึงตะโกนบอกฉินสือโอวและคนอื่นๆ ว่า “ระวังตัวด้วยนะ ทุกคน! ที่นี่คือจุดตัดของสวรรค์กับนรก ถ้าพวกนายอยากตาย ก็แค่เข้าไปใกล้แม่น้ำอีกนิด!”
ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาควรจะขอบคุณความห่วงใยของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นหรือควรจะโกรธที่เขาปากพล่อยดี
ต่อจากนั้นไกด์ก็เข้ามาตะโกนอธิบายให้พวกเขาฟัง “โอเค พวกเราเดินมาได้พอสมควรแล้ว คงจะต้องกลับแล้วล่ะ ดูสิ ถนนตรงนี้เดินไม่สะดวกแล้ว อีกอย่างถ้ายิ่งเดินไปข้างหน้าก็จะยิ่งมีอีกหลายคนเข้ามาตักเตือนพวกคุณ เพราะว่านี่เป็นพื้นที่ที่มีการฆ่าตัวตายสูง เดินมาตรงนี้อาจจะถูกเข้าใจผิดได้”
น้ำตกไนแอการามักจะมีคนมาฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง ตรงกลางระหว่างน้ำตกมีเกาะเล็กๆ อยู่สองเกาะ พวกมันเหมือนกับพระพุทธรูปคู่ที่เป็นที่พึ่งหลักท่ามกลางความไม่สงบสุขซึ่งแบ่งน้ำตกหนึ่งส่วนออกเป็นสามส่วน เกาะที่แยกออกมามีชื่อว่าเกาะโกรทและเกาะลูน่า บนเกาะมีต้นไม้ปกคลุมให้ร่มเงา ทัศนียภาพงดงามสูงสง่า
ว่ากันว่าชนพื้นเมืองอเมริกันเคยมองว่าเกาะโกรทเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะพาผู้นำที่ถึงแก่กรรมแล้วไปฝังไว้บนเกาะ หวังว่าจะขึ้นไปสู่สวรรค์ พวกเขาเรียกมันด้วยอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะแห่งความสุข” เป็นเพราะข่าวลือนี้ ผู้ที่ปรารถนาความตายบางส่วนจึงเชื่อว่าเกาะแห่งความสุขอยู่ใกล้กับสวรรค์มาก เพราะงั้นเลยเจาะจงมาที่นี่เพื่อกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
เมื่อมีคนมาฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก รัฐบาลแคนาดาจึงต้องเปลี่ยนชื่อให้เกาะแห่งความสุขเป็นเกาะโกรท (เกาะแพะ)
ชื่อนี้ก็มีความเป็นมาเช่นกัน บนเกาะแห่งนี้เคยมีแพะภูเขาอาศัยอยู่ แต่เมื่อฤดูหนาวอันหนาวเหน็บมาถึง ในปีหนึ่ง แพะภูเขาฝูงใหญ่จึงพากันหนาวตาย มีเพียงแพะตัวผู้ตัวเดียวเท่านั้นที่มีชีวิตรอดมาได้ถึงฤดูใบไม้ผลิในปีต่อมา ด้วยเหตุนี้จึงมีคนเรียกมันว่าเกาะแพะ ตอนนี้รัฐบาลแคนาดากับรัฐบาลอเมริกาก็ใช้แถลงแบบนี้เช่นกัน
ตอนที่ฉินสือโอวรู้ข่าวลือเรื่องนี้เขาก็รู้สึกสนุกมากจริงๆ บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงแค่สถานที่พักผ่อนหรือสถานที่สำหรับเที่ยวผู้หญิง แต่แท้จริงแล้วก็ยังมีสถานที่เพื่อความตายด้วย
พวกเขากำลังจะเดินกลับ คนในพื้นที่ส่วนหนึ่งที่พกคันธนูกับลูกธนูก็เดินมาที่ริมแม่น้ำ หลังจากหาหินก้อนใหญ่เจอแล้วพวกเขาก็แหกปากร้องตะโกนขึ้นมาจากตรงนั้น
ฉินสือโอวถามไกด์ว่าพวกเขาทำอะไรกัน ไกด์ก็ตอบมาว่านั่นคือการยิงปลา
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฉินสือโอวก็ให้ความเคารพพวกเขาเพราะความประทับใจ แบบนี้ต่างหากถึงจะเป็นผู้มีฝีมือสูง คลื่นน้ำซัดกระจายสะเปะสะปะไปทั่วแบบนี้ก็ยิงปลาได้ด้วยเหรอ? หรือว่าคนในท้องที่พวกนี้จะเป็นหลี่กว่าง[1]กลับชาติมาเกิด?
พอรับรู้ถึงการคาดเดาของเขา ไกด์ก็หัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดกับเขา “ไม่ๆ ๆ ไม่ใช่การยิงปลาแบบนั้น แน่นอนว่าการยิงปลาที่นี่ก็ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ พวกคุณมาถึงที่นี่ เคยกินปลากะพงลายกันแล้วหรือยังครับ? ปลากะพงลายตัวโตพวกนั้นพอกระโดดลงมาจากน้ำตกแล้วก็จะรู้สึกมึนงง พวกเขาใช้ธนูยิงปลาชนิดนี้ หลังจากนั้นก็ดึงมันขึ้นมาขาย”
ไกด์พูดได้ถูกต้องมาก วิธีการตกปลาแบบนี้ก็มีความยากเหมือนกัน เนื่องจากกระแสคลื่นในแม่น้ำรุนแรงเกินไป ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวมองเห็นปลากะพงลายที่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ ทว่ากระแสน้ำทั้งรวดเร็วและรุนแรง เขาถึงกับดูไม่ออกว่าปลาพวกนั้นถูกกระแทกจนมึนจึงลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ
เขายืนมองอยู่ข้างบนริมน้ำครู่หนึ่งก็พบว่าการจะยิงปลาที่อยู่บนผิวน้ำก็ไม่ได้ง่ายดาย มันต้องเด็ดขาดรวดเร็วและมีความแม่นยำ มีจิตใจสมาธิและสามารถค้นหาได้ไว ตาเล็งอย่างแม่นยำ ส่วนมือก็ต้องมีพละกำลังรุนแรงและรวดเร็วด้วย ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็จะยิงปลาขึ้นมาไม่ได้
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งตามมายิงปลาเหมือนกัน มือของเขากำธนูยิงปลาเอาไว้ คาดว่าเขาน่าจะเป็นมือใหม่ในวงการนี้ เลยยังลงมือได้ไม่เร็วพอ ดังนั้นถึงแม้ว่าจะหาปลาที่ลอยมาบนผิวน้ำเจอกี่ครั้ง เขาก็ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์กลับมาอยู่ดี
ฉินสือโอวตบตัวเด็กหนุ่มที่กำลังท้อแท้ใจแปะๆ แล้วตะโกนคุยกับเขาเสียงดัง “เฮ้ เจ้าหนุ่ม ขอฉันยืมใช้ธนูกับลูกศรของนายหน่อยสิ โอเคไหม?”
วัยรุ่นผิวขาวมีผมสีบลอนด์ตาสีฟ้า บนผิวหน้าของเขามีกระอยู่บางส่วน ดูแล้วยังมีความสดใสและเยาว์วัยอยู่มาก เขามองฉินสือโอวด้วยความสงสัยพร้อมยกธนูขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “คุณทำได้เหรอ? อย่าทำคันธนูผมหายล่ะ!”
ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกธนู เพราะการยิงปลามักจะมัดลูกธนูไว้กับเอ็นตกปลาอยู่แล้ว ยิงออกไปยังไงก็ไม่มีทางหายแน่นอน
ฉินสือโอวรับคันธนูมาพร้อมหัวเราะฮ่าๆ พอดีกับที่ฟองคลื่นพัดเข้ามา มีปลากะพงลายตัวใหญ่ความยาวหนึ่งเมตรตัวหนึ่งถูกกระแทกจนลอยขึ้นมาบนอากาศ พอเห็นมันบินขึ้นมาด้วยลักษณะแข็งทื่อเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันกำลังมึนงงอยู่
หลายคนในบริเวณรอบๆ ต่างพากันเล็งไปที่ปลาตัวนั้น ทว่าด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่คนเหล่านี้กำลังดึงสายธนูอยู่นั้น ลูกธนูดอกหนึ่งก็แทงทะลุฟองคลื่นแหวกผ่านอากาศที่กำลังส่งเสียงร้องหวีดหวิวออกมา
แล้วเจาะเข้ากลางใจพอดี!
ลูกธนูแหลมยิงเข้าไปที่ใต้คางของปลากะพงก่อนจะมุดเข้าไปจากแก้มข้างหนึ่งของปลา ครู่ต่อมาก็จับมันไว้ได้
ฉินสือโอวลากเอ็นตกปลาเพื่อดึงปลาตัวนี้กลับมา ปลานี่ไม่เล็กเลย ท่าทางน่าจะหนักราวยี่สิบกว่ากิโลกรัมได้ เรียกได้ว่าอ้วนท้วนสมบูรณ์เลยเชียวล่ะ
เขายกปลาขึ้นมาโชว์วัยรุ่นคนนั้นสักหน่อย ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดออกไป “เจ้าหนุ่ม ธนูของนายไม่ได้หายไปไหนใช่ไหมล่ะ?”
ผู้คนที่อยู่รอบๆ พากันตบมือเสียงดังเซ็งแซ่ ไกด์ยกนิ้วโป้งให้ฉินสือโอวพร้อมทั้งเอ่ยชมเขา “เทพนักแม่นธนู! เทพนักแม่นธนูจากตะวันออก!”
วัยรุ่นคนนั้นถอดปลาออกด้วยความปราดเปรียว ใบหน้าขึ้นกระเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความตื่นเต้น เขาเอ่ยถามเสียงดัง “ยังยิงได้อีกตัวไหมครับ?”
ฉินสือโอวยักไหล่แล้วหมุนตัวกลับไป เท้าขวายืนอย่างมั่นคงส่วนเท้าข้างซ้ายก็ถีบยั้งไว้กับก้อนหินก้อนหนึ่ง เขาโค้งตัวไปด้านหลัง ร่างกายของเขาราวกับคันธนูหนึ่งอัน ทั่วทั้งตัวเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่แข็งแรงกระฉับกระเฉง นักท่องเที่ยวที่กำลังมุงดูอยู่ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพเขาไว้ทันที
ครั้งนี้ไม่มีใครมองเห็นปลาที่ปรากฏตัวในแม่น้ำ ทว่าพอฉินสือโอวกวาดตามองไปบนผิวน้ำ กล้ามเนื้อแขนด้านขวาของเขาก็กระชับแน่นแล้วปล่อยสายธนูออกไปด้วยความรวดเร็ว เสียง ‘ชึบ’ ดังขึ้นมา ลูกธนูแหลมบินออกไป คราวนี้ผู้คนทั้งหลายถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีปลากะพงตัวหนึ่งถูกลูกธนูยิงทะลุจนหงายท้อง
ฉินสือโอวดึงปลาตัวที่มีขนาดความยาวหนึ่งเมตรกว่าๆ เหมือนกันขึ้นมา เสียงตบมือจากบริเวณโดยรอบก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เขายกยิ้มพร้อมเลียนแบบท่าทางของมือยิงในการแข่งขันยิงปลาแบบดั้งเดิมของอังกฤษ มือซ้ายไพล่ไว้ข้างหลังส่วนมือขวาก็ถือคันธนูไว้ตรงหน้าอก จากนั้นก็โค้งตัวน้อยๆ ให้กับทุกๆ คน
เสียงตบมือของผู้คนที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็ยิ่งคึกคักมากกว่าเดิม เหมาเหว่ยหลงผิวปากออกมา เขาร้องตะโกนขึ้น “ไอ้คนนี้มันตอแหลได้ถึงขั้นนี้จริงๆ ฉันล่ะกดไลก์ให้แกเลย 10086 ไลก์!”
ฉินสือโอวส่งคันธนูกับลูกศรคืนให้วัยรุ่นคนนั้นพร้อมรอยยิ้ม เด็กหนุ่มดึงเขาไว้แล้วร้องตะโกนด้วยความคาดหวัง “ซื่อฝอ ซื่อฝอ ซื่อฝอ!”
“คือยังไงนะ?” ฉินสือโอวรู้สึกประหลาดใจในตอนแรก ต่อจากนั้นเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาทั้งยังอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง เจ้าเด็กนี่กำลังใช้ภาษาจีนเรียกเขาว่า ‘ซือฝุ’ (师傅) นั่นเอง
ถึงยังไงก็ไม่มีธุระอะไรอยู่แล้ว ฉินสือโอวจึงทำท่าทางช่วยให้คำแนะนำกับเด็กหนุ่มคนนั้น หลักๆ ก็คือจะทำยังไงให้มือกับดวงตาประสานกันเป็นเส้นเดียว แท้ที่จริงแล้วการยิงปลาไม่ได้มีเทคนิคอะไรมากมายขนาดนั้น แค่ต้องฝึกฝนเยอะๆ ฝึกจนเกิดความคุ้นชิน แบบนั้นก็จะอยู่ห่างจากเทพนักแม่นธนูอีกไม่ไกลแล้ว
ยืดเส้นยืดกระดูกสักหน่อย ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาแล้ว พอถูกละอองน้ำตกลงมากระทบก็ไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป
ทว่าไกด์ตัดสินใจพาพวกเขากลับแล้ว เขาจึงทำได้แค่เดินจากแม่น้ำไปทั้งที่ยังไม่หายอยาก
ในขณะที่พวกเขาเดินออกไปได้ไม่กี่สิบเมตร ทันใดนั้นนักท่องเที่ยวที่อยู่ไกลออกไปก็พากันกรีดร้องออกมา ฉินสือโอวและคนอื่นๆ รีบหันกลับไปดูด้วยความแปลกใจ หลังจากนั้นพวกเขาก็ตกอยู่ในความตื่นตะลึงและเคลิบเคลิ้มทันที
แสงเรืองรองบนท้องฟ้า สะพานสายรุ้ง!
……………………………………………………………
[1] หลีกว่าง ขุนศึกในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ผู้ได้รับสมญานามจากพวกซยงหนูว่า แม่ทัพเหินหาว

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset