ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 639 นักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญมาที่นี่แล้ว

การเดินทางมาแฮมิลตันในครั้งนี้นับว่าเหมาเหว่ยหลงได้รับผลสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เขาเลือกฟาร์มเลี้ยงสัตว์ได้แล้ว ปัญหาด้านความสัมพันธ์ก็ได้รับการแก้ไขแล้วชั่วคราว
ฉินสือโอวไม่รู้ถึงความสามารถของโอวหยางไห่ ทว่าเหมาเหว่ยหลงกลับรู้ดีกว่าใคร เขารู้ว่าถ้ามีพี่ไห่เป็นคนรับหน้า อย่างน้อยๆ ความสัมพันธ์ของเขากับที่บ้านก็จะไม่ตึงเครียดมากนัก ในวงสังคมของพวกเขา โอวหยางไห่เป็นตัวอย่างของ ‘ลูกบ้านอื่น’ มาโดยตลอด
โอวหยางไห่รู้สึกสนใจที่จะซื้อฟาร์มปลามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ถึงเขาจะสอบถามแหล่งทรัพยากรฟาร์มปลาจากฉินสือโอว แต่ในความเป็นจริงเขาวางแผนไว้ว่าเขาจะซื้อฟาร์มปลาที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก ถึงยังไงเมืองแวนคูเวอร์ก็เป็นเมืองท่าชายฝั่ง ที่นั่นถึงจะเป็นถิ่นของเขา
ทว่าเพราะคุณภาพอาหารทะเลของฟาร์มปลาต้าฉินจึงทำให้เขาเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ฟาร์มปลาที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์ผืนนั้นเข้าสู่การวางแผนของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าที่ตรงนั้นจะมีระยะห่างจากเกาะแฟร์เวลออกไปอีกไกล แต่ถึงยังไงก็เป็นน่านน้ำผืนเดียวกัน คุณภาพผลผลิตของปลาก็คงไม่แตกต่างกันมากหรอกใช่ไหม?
อยู่ตกปลาที่ฟาร์มปลาต้าฉินอีกสองวัน โอวหยางไห่ก็บอกลาเพื่อไปตรวจสอบสภาพของฟาร์มปลาที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์ ต่อจากนั้นเหมาเหว่ยหลงเองก็กลับไปแล้วเช่นกัน ครั้งนี้เขาต้องกลับจีนไปจัดการขั้นตอนบางอย่าง กลับมาครั้งหน้าเขาก็จะไปซื้อฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เนื่องจากการค้นพบฟอสซิลในทะเลสาบเฉินเป่าจึงมีคนที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนเข้ามาที่เกาะแฟร์เวล มีนักข่าวที่มาทำข่าว มีคนธรรมดาจากนครเซนต์จอห์นที่สนใจเรื่องนี้แล้วก็มีกองทัพผู้เชี่ยวชาญที่มาตรวจสอบศึกษาเรื่องนี้ด้วย
ทว่าถึงอย่างไรการค้นพบซากฟอสซิลก็ไม่ใช่การค้นพบไดโนเสาร์ตัวเป็นๆ ความสั่นสะเทือนที่เกิดจากข่าวนี้จึงเริ่มเบาบางลงไปตามกาลเวลาอย่างรวดเร็ว สื่อมวลชนกับคนธรรมดาที่มามุงดูก็ทยอยกันกลับ คนที่ยังเหลืออยู่ก็คือบรรดาผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาต้องคิดหาวิธีการขุดฟอสซิลพวกนี้ขึ้นมาให้ได้
ฟอสซิลใต้ทะเลสาบเฉินเป่าขุดไม่ง่ายนัก เพราะถึงแม้ตำแหน่งของฟอสซิลจะไม่ใช่จุดที่ลึกที่สุดของทะเลสาบ แต่ก็ยังถือว่าลึกมากอยู่ดี ตอนนั้นฉินสือโอวลองคาดคะเนดู ระดับความลึกของพื้นที่ตรงแอ่งหลุมใต้น้ำน่าจะอยู่ที่ยี่สิบถึงสามสิบเมตร ขุดฟอสซิลใต้ทะเลสาบจากระดับความลึกเท่านี้ แค่คิดดูก็รู้แล้วว่ามันน่าจะยากขนาดไหน
พอส่งโอวหยางไห่กับเหมาเหว่ยหลงกลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็ไม่มีอะไรทำ เขาจึงขับรถไปแถวๆ ทะเลสาบเพื่อลองดูสถานการณ์ตรงนั้น
ตอนนี้บนทะเลสาบมีเรืออยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นเรือสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง ไม่รู้เหมือนกันว่าส่งเข้ามาที่ทะเลสาบได้ยังไง เรือพวกนี้มีขนาดความยาวถึงสามสิบกว่าเมตรเต็มๆ รถอะไรถึงจะขนเรือที่มีขนาดใหญ่แบบนี้มาได้กันนะ?
เขาทำได้เพียงทอดถอนใจให้กับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่มีความสามารถอย่างไร้ขีดจำกัด
ฉินสือโอวลงมาจากรถ ดอนที่รับหน้าที่นำทีมตรวจสอบก็มองเห็นเขาทันที เขาโบกมือให้ฉินสือโอวแล้วเอ่ยคำทักทาย “เพื่อน นายมาตกปลาเหรอ?”
เขารู้จุดประสงค์ของฉินสือโอวอยู่แล้ว แต่แค่อยากจะล้อเล่นไปอย่างนั้นเอง
ฉินสือโอวบอกว่าให้พวกเขาทำงานกันไปก่อน เขามาเปิดมุมมองใหม่ให้ตัวเองเฉยๆ เขาอยากมาลองดูว่าเทคโนโลยีระดับสูงจะขุดฟอสซิลขึ้นมายังไง
ไม่ได้มีแค่เขาที่มาดู นักท่องเที่ยวหลายคนก็มามุงถ่ายรูปเช่นกัน นักเรียนบางระดับชั้นจากโรงเรียนประถมแกรนท์ก็มารวมตัวกันที่ทะเลสาบเฉินเป่าเพื่อเข้าเรียนในสถานที่จริง พวกเขาติดตามเจ้าหน้าที่ที่ดอนจัดเตรียมไว้ไปชมอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้กัน
สิ่งที่เด็กๆ ให้ความสนใจที่สุดก็คือชุดประดาน้ำ เนื่องจากเป็นงานใต้น้ำ จำนวนนักประดาน้ำในปฏิบัติการครั้งนี้จึงมีอยู่ไม่น้อย
เมื่อมองเห็นนักประดาน้ำที่สวมชุดประดาน้ำสีดำ ฉินสือโอวก็รู้สึกสนใจขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เขามีดัชนีทองคำอย่างจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ถ้าอยากจะศึกษาทะเลสาบกับมหาสมุทรก็ทำได้อย่างง่ายดาย แค่ส่งจิตสำนึกลงไปในน้ำก็ได้แล้ว
แต่พอพูดถึงแล้ว เขากลับไม่เคยดำน้ำลงไปในมหาสมุทรเลยสักครั้ง ตั้งแต่เมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ก็เอาแต่เรียนรู้การสัมผัสโลกใต้น้ำผ่านจิตสำนึกแห่งโพไซดอนมาโดยตลอด แต่กลับไม่เคยเห็นด้วยตาตัวเองเลยสักครั้ง
ดังนั้นฉินสือโอวจึงเริ่มรู้สึกเสียดายขึ้นมาบ้างแล้ว เขาต้องไปดำน้ำดูสภาพการณ์ฟาร์มปลาของตัวเองบ้าง นอกจากนี้พอมีชุดประดาน้ำแล้วต่อไปก็จะทำอะไรหลายๆ อย่างได้สะดวกขึ้น อย่างเช่นไปเก็บไข่มุกสีดำบนแนวปะการังนั่นไง
ด้วยความคิดนี้ ฉินสือโอวจึงไปหาดอนแล้วพูดกับเขา “เพื่อน ผมดำน้ำได้ค่อนข้างเก่งเลย อยากให้ผมช่วยอะไรไหม?”
ดอนตอบเข้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ๆ ๆ พวกเรารับมือกับสถานการณ์ใต้น้ำได้ ตอนนี้ยังไม่ต้องรบกวนนายหรอก อีกอย่างคือพวกเราเชิญผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำคนหนึ่งมาจากอเมริกาแล้ว ตอนนั้นจะมีเขาคอยชี้แนะ แบบนี้งานใต้น้ำก็จะยิ่งราบรื่นขึ้นอีก”
ฉินสือโอวไม่ยอมแพ้ เขาจึงพูดออกไปตรงๆ เลย “โอเค ดอน ผมไม่เคยดำน้ำมาก่อน แต่คุณก็รู้ว่าผมมีทักษะการว่ายน้ำที่ดีมาก ผมเลยอยากลองลงไปดูโลกใต้น้ำใต้ทะเลสาบบ้างน่ะ”
“พระเจ้า เมื่อกี้นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า?” ดอนถึงกับตกใจ “ฉันรู้ว่าทักษะการว่ายน้ำของนายดี แต่การว่ายน้ำกับการดำน้ำมันเป็นคนละเรื่องกัน ถ้านายไม่เคยดำน้ำมาก่อน ฉันขอแนะนำให้นายเริ่มต้นจากน้ำตื้นก่อน อย่าเริ่มต้นดำน้ำครั้งแรกในระดับน้ำที่ลึกขนาดนี้เลย”
ฉินสือโอวเห็นว่าหมดทางแล้ว เขาจึงทำได้แค่ยอมแพ้ไป นี่ก็เป็นน้ำตื้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? เขาเคยเที่ยวเล่นใต้มหาสมุทรแอตแลนติกไปตั้งครึ่งรอบแล้ว โลกใต้น้ำลึกห้าหกพันเมตรเขาก็เคยไปมาแล้ว นับประสาอะไรกับยี่สิบสามสิบเมตร?
ดอนไม่เห็นด้วย ฉินสือโอวจึงพูดด้วยความขุ่นเคืองใจ “โอเค เพื่อน คุณชนะแล้ว แต่คุณทำให้ผมโมโหนะ คนขี้เหนียว ต่อไปไม่ต้องคิดจะมานั่งเรือของผมไปตกปลาในฟาร์มของผมอีกเลยนะ!”
การข่มขู่ครั้งนี้มีพลานุภาพมาก ดอนรักการตกปลาตอนกลางคืนเป็นชีวิตจิตใจ อีกทั้งฟาร์มปลาต้าฉินยังมีปลาอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ ปลาที่ตกขึ้นมาได้ก็มีรสชาติดีเป็นพิเศษ ถ้าไม่ใช่เพราะงานก่อนการขุดฟอสซิลในตอนนี้ค่อนข้างเร่งด่วน ดอนคงไปตกปลาตอนกลางคืนเล่นในถิ่นฐานของฉินสือโอวตั้งนานแล้ว
ได้ยินฉินสือโอวขู่แบบนี้ เขาก็รีบผ่อนปรนคำพูดนั้นทันที “อย่าโมโหสิ เพื่อน ฟังฉันนะ ฉันไม่ได้ขี้เหนียว ในความเป็นจริงถ้านายเป็นนักดำน้ำมือโปร ถ้าเป็นแบบนั้นนายจะลงไปเล่นใต้ทะเลสาบก็ไม่มีปัญหา แต่นายไม่เคยดำน้ำมาก่อน… โอเค ฉันไม่อยากสงสัยความสามารถของนาย นายรอให้ผู้เชี่ยวชาญที่เราเชิญมามาถึงก่อน ตอนนั้นค่อยลงน้ำโอเคไหม?”
“เขาจะมาตอนไหน?”
“น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ นัดเวลามาถึงไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เขามีเรื่องจวนตัว บอกว่าวันนี้จะไปหาเพื่อนเก่า หลังจากนั้นก็จะมาที่นี่”
ได้ยินดอนพูดแบบนี้ ฉินสือโอวจึงทำได้แค่กลับไปรอที่รถ เขาควักมือถือออกมาเลื่อนดูข่าวไปสองสามข่าว ทันใดนั้นก็มีสายโทรศัพท์ของบิลลี่โทรเข้ามา
เห็นสายโทรศัพท์ของบิลลี่ เขาก็นึกถึง ‘นักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ’ ที่ดอนพูดถึง ฉินสือโอวยิ้มออกมา คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่ไหม?
เขารับโทรศัพท์ ไม่รอให้บิลลี่เปิดปากเขาก็พูดขึ้นมาทันที “เพื่อน นายถึงเกาะแฟร์เวลแล้วเหรอ? มีคนเชิญนายมาให้คำแนะนำงานประดาน้ำใช่ไหม? นายเป็นนักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญขี้หมาอะไรน่ะ?”
เสียงหนักแน่นของบิลลี่ดังขึ้นมา “นายมันเป็นไอ้ชั่วที่สมควรตายจริงๆ ! ฉันเป็นนักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ รบกวนนายตัดคำบรรยายว่า ‘ขี้หมา’ ของนายออกไปด้วย! ใช่ ฉันมาถึงเกาะแฟร์เวลแล้ว ที่จริงตอนนี้ฉันกำลังอยู่ที่บ้านนาย หู่จือกับเป้าจือของนายก็ต้อนรับอย่างอบอุ่นจริงๆ เอาแต่ทักทายฉันอยู่ตลอดเลยเนี่ย”
ฉินสือโอวสตาร์ทรถ เขาบอกบิลลี่ว่า “นายเปิดลำโพงโทรศัพท์สิ…”
แค่แป๊บเดียวฉินสือโอวก็ได้ยินเสียงเห่าด้วยความรำคาญใจของหู่จือกับเป้าจือ เขาหัวเราะฮ่าๆ แล้วเป่าปากขึ้นมาหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นหู่จือกับเป้าจือก็ไม่เห่าแล้ว แต่กลับเป็นบิลลี่ที่ร้องตะโกนขึ้นมา “เอ่อ ไอ้ขี้หมา เจ้าสองตัวนี้มันจะเลียโทรศัพท์ของฉัน!”
“เอาล่ะๆ เด็กๆ ปล่อยไอ้คนอัปลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้าไป ให้เขาเข้าไปในบ้านเถอะ พวกแกต้องทำตัวดีๆ นะ” ฉินสือโอวคุยกับหู่จือเป้าจือตามสบายอยู่สองสามคำ จากนั้นก็หมุนพวงมาลัยขับรถกลับไป
ตอนที่เขาเข้าไปในบ้านก็เห็นหู่จือกับเป้าจือที่กำลังนั่งอยู่ตรงประตูด้านในทั้งทางซ้ายและทางขวาเหมือนเทพทวารบาล ดวงตาสีดำเป็นประกายทั้งสี่ข้างจ้องมองไปที่บิลลี่อย่างไม่วางตาจนเขานั่งอยู่อย่างกระวนกระวายไม่เป็นสุข
ฉินสือโอวกลับมาแล้ว สุนัขทั้งสองตัวก็ร่าเริงมีความสุขขึ้นมาทันที มันเดินส่ายหางไปรอบตัวเขาจนบิลลี่รู้สึกหมั่นไส้อย่างถึงที่สุด
…………………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset