ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 646 ห่านตุ๋นกระทะเหล็ก

ฉินสือโอวพูดได้ทำได้ ตอนเย็นเขาก็ให้เบิร์ดจัดการห่านมาหนึ่งตัวเพื่อเอามาทำเป็นห่านตุ๋นกระทะเหล็ก
เดิมทีเขาคุ้นชินกับการตุ๋นห่านทาน ห่านของฟาร์มปลาล้วนแต่ถูกเลี้ยงแบบปล่อยไม่เคยป้อนหัวอาหารให้กินมาก่อน รสชาติของมันจึงไม่ธรรมดา เนื้อห่านละเอียดเกลี้ยงเกลาไม่แห้งเลยแม้แต่นิดเดียว ฉินสือโอวทานแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติดียิ่งกว่าเนื้อของไก่งวงเสียอีก
เพราะเลี้ยงห่านขาวฝูงนี้ไว้ ฉินสือโอวจึงทิ้งไก่ง่วงไปทันที ไก่งวงป่าสองสามตัวที่เอาลงมาจากภูเขาพวกนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างอิ่มหนำสำราญมาจนทุกวันนี้ พวกมันมีแต่ตัวที่อ้วนท้วนแข็งแรงแน่นอน
สิ่งที่สำคัญกว่าห่านตุ๋นก็คือน้ำซุป เหมือนที่ว่ากันว่า ‘อยากสุขภาพดี ต้องดื่มซุปห่าน’ รสชาติของซุปจากห่านของฟาร์มปลาที่ตุ๋นออกมาทั้งหอมทั้งอุดมไปด้วยสารอาหาร ช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานตอนที่วินนี่ให้หลัวปอหย่านม เธอก็ป้อนน้ำซุปให้มันกินเพื่อเสริมสารอาหารบำรุงร่างกายจนเธอสามารถเลี้ยงหลัวปอให้อ้วนพีได้
ทำห่านตุ๋นกระทะเหล็กครั้งนี้ถือเป็นเมนูที่ฉินสือโอวทำตามรายการทำอาหารภาษาจีนที่เขาเพิ่งดูมา ว่ากันว่าเป็นอาหารชื่อดังของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขาอยากลองทำชิมดูจึงโทรศัพท์ไปหาเจี้ยนผานโฮ่วบอกให้เขามาช่วยหลังจากเลิกงานแล้ว
พอได้ยินว่าจะทำห่านตุ๋นกระทะเหล็ก เจี้ยนผานโฮ่วก็หัวเราะฮ่าๆ ออกมา “พี่ครับ พี่ฆ่าห่านไว้ให้ผมก็พอแล้วครับ รอผมไปทำให้พี่ ของพวกนี้ผมถนัดมาก”
เจี้ยนผานโฮ่วก็คือเจี้ยนผานโฮ่ว เขาทำงานอยู่ที่ร้านผลิตภัณฑ์อาวุธและเครื่องใช้กลางแจ้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซาโกรให้ความสำคัญกับเขามาก เห็นว่าเขามีความรับผิดชอบดี ตอนนี้งานหลายอย่างก็มอบหมายให้เขาเป็นคนควบคุมเองแล้ว
ไม่ต่างกับเมื่อก่อนเท่าไรนัก โหวจื่อเซวียนก็ยังดูสูงๆ ผอมๆ อยู่เหมือนเดิม ทว่าบนร่างกายก็เริ่มมีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย ถึงยังไงตอนนี้เขาก็ขัดปืนเล่นมีดอยู่ทุกวัน พอซาโกรไม่มีอะไรทำก็จะพาเขาไปออกกำลังกายด้วยกัน สภาพร่างกายจึงแข็งแรงกำยำกว่าเดิมเยอะ
เพียงแต่สิวบนหน้าของโหวจื่อเซวียนกลับเยอะยิ่งกว่าเดิม ฉินสือโอวเห็นหลายครั้งแล้วก็รู้สึกเป็นห่วง จึงถามเขาว่ารู้สึกอึดอัดไหม มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ บนเกาะแฟร์เวลลมดีน้ำดีมีอากาศบริสุทธิ์ ผิวของเขาควรจะดีขึ้นกว่าเดิมสิถึงจะถูก
พลบค่ำโหวจื่อเซวียนปิดร้านแล้วขับรถมาที่ฟาร์มปลาของฉินสือโอว เขาสวมเครื่องแบบทหารผ้าหยาบสีน้ำเงินเข้มที่เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพแดงในช่วงเดินทางทัพไกล บนหน้าแข้งก็ยังมีผ้าพันไว้ บนหัวสวมหมวกทหารดาวห้าแฉก ดูแล้วค่อนข้างประหลาด แต่เขาร่าเริงดูมีชีวิตชีวา ดังนั้นจึงให้ความรู้สึกที่ไม่เลวเลย
ฉินสือโอวให้โหวจื่อเซวียนกับหวังเหล่ยแนะนำตัวซึ่งกันและกัน เหยาลี่ลี่ก็พูดขึ้นมา “พี่โฮ่วชอบเล่นคอสเพลย์เหรอคะ? เมื่อก่อนตอนอยู่จีนฉันก็เคยเล่นเหมือนกัน แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าพี่”
โหวจื่อเซวียนไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาจึงอธิบายออกไป “ไม่ใช่ๆ นี่เป็นชุดทำงานของฉัน พี่ฉินไม่ได้เล่าให้ฟังเหรอว่าฉันทำงานอยู่ที่ร้านปืน เลยแต่งตัวแบบนี้เพื่อดึงดูดลูกค้าน่ะ”
พอพูดจบเขาก็หันไปมองฉินสือโอวหน้าบานด้วยความปีติยินดี “พี่ฉิน พี่ไม่รู้เหรอ ตอนนี้ในประเทศผมดังในเวยป๋อแล้วนะ นักท่องเที่ยวจีนที่มาที่นี่ก็จะมาขอถ่ายรูปคู่กับผม ฟัค ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะกลายเป็นดาราแล้วเลย”
ฉินสือโอวไม่เล่นเวยป๋อ ดังนั้นตอบรับกันไปไม่กี่ประโยคเขาก็หมดความสนใจแล้ว
แต่โหวจื่อเซวียนกลับดูเหมือนว่าจะสนใจเวยป๋อ เขาจึงชวนฉินสือโอวเล่นอยู่เรื่อยๆ “ลองเล่นดูเถอะพี่ฉิน เพิ่มช่องทางการสื่อสารที่จีนหน่อยน่า ให้พวกเขาได้ทำความรู้จักกับเกาะแฟร์เวลของพวกเราหน่อย มีประโยชน์กับการขยายธุรกิจของพวกเรานะ”
ฉินสือโอวเบะปากแล้วพูดออกมา “พอเถอะ ตอนนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวของพวกเราก็ดีพอแล้วล่ะ ฉันอ่านรายงานหนึ่งไตรมาสของบริษัททัวร์ ตอนนี้ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวจากจีนสมัครเข้ามากับกรุปทัวร์ก็ใกล้ถึงฤดูหนาวของปีนี้แล้วหรือเปล่า?”
การท่องเที่ยวของเกาะแฟร์เวลมีการจำกัดขอบเขต จะทำลายสิ่งแวดล้อมเพียงเพื่อการหาเงินไม่ได้ แฮมเล็ตพูดถึงอันตรายจากการฆ่าช้างเอางาไว้อย่างชัดเจน
ดังนั้นทางเทศบาลเมืองกับบริษัททัวร์จึงปรึกษาหารือกันดีแล้วว่าทุกสัปดาห์จะมีนักท่องเที่ยวมาสองกลุ่ม ทุกกลุ่มจะมีจำนวนคนมากที่สุด 100 คน ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วภายในหนึ่งเดือนจะสามารถรับอัตราการไหลเวียนของนักท่องเที่ยวได้ 800 คน สำหรับเมืองนี้แล้วถือว่าความกดดันยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี
เห็นว่าฉินสือโอวไม่สนใจ โหวจื่อเซวียนก็เม้มปากไปมาโดยไม่ได้พูดอะไรมากมายอีก จากนั้นเขาก็สวมปลอกแขนเพื่อเตรียมตัวทำงาน
ฉินสือโอวเคยเห็นจากในทีวี ห่านตุ๋นกระทะเหล็กต้องหั่นเนื้อห่านให้เล็กสักหน่อย แบบนั้นถึงจะมีรสชาติ หลังจากที่เขาให้เบิร์ดฆ่าห่านเรียบร้อยแล้วก็หั่นเนื้อห่านให้ได้ขนาดประมาณหัวนิ้วโป้ง จากนั้นก็ใส่ลงไปในหม้อต้มก่อนแล้วค่อยตักน้ำมันที่อยู่ด้านบนทิ้ง หลังจากนั้นก็ตักเนื้อห่านขึ้นมาใช้พัดลมเป่าให้แห้ง
ทำอาหารจีนต้องอาศัยเครื่องปรุงรส ตอนนี้ฉินสือโอวมักจะเตรียมสมุนไพรชนิดต่างๆ ไว้ให้พร้อมอยู่ตลอด โหวจื่อเซวียนลองถามดูก็เห็นว่ามีครบทุกอย่างจึงเริ่มลงมือทำ
เขาเทน้ำมันถั่วลิสงลงไปในกระทะที่เปิดไฟจนเดือด ฉินสือโอวเทอบเชยกับมะแข่น ใช้ไฟอ่อนๆ ผัดจนส่งกลิ่นหอม หลังจากนั้นก็ใส่เปลือกส้มเก่า ใบเบย์ ต้นหอมจีนหั่นท่อนกับแผ่นขิงลงไปผัดต่อ พอเห็นว่าระดับความร้อนของไฟได้ที่แล้วก็ใส่เนื้อห่านกองใหญ่ลงไปผัดในกระทะแรงๆ
รอจนเนื้อห่านมีรสชาติแล้ว ภายใต้การชี้นำของโหวจื่อเซวียน ฉินสือโอวก็ใส่เหล้าทำอาหารกับซอสอาหารทะเลลงไปในกระทะ จากนั้นก็ผัดต่อ ในตอนสุดท้ายก็ใส่เกลือกับน้ำตาลทรายแดงลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อห่าน จากนั้นพอใส่น้ำลงไปก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว
กระทะไม่มีฝาครอบ แค่แป๊บเดียวกลิ่นหอมก็กระจายออกไปทันที หู่จือกับเป้าจือสูดจมูกวิ่งเข้ามาเชื่องๆ แล้วนั่งน้ำลายไหลมองไปที่เตาข้างๆ ฉินสือโอว
ฉินสือโอวเขกหัวพวกมันทั้งสองตัวให้ไปรออยู่ด้านข้าง ตรงนี้มีคนอื่นอยู่ด้วย จะยอมให้มันมากไม่ได้
หลัวปอสะบัดขนสีขาวบนตัวเข้ามาแหงนหน้าออดอ้อน ฉินสือโอวไม่สนใจมัน มันจึงเอนตัวลงไปกับสนามหญ้าแล้วกลิ้งไปกลิ้งมา ฉินสือโอวจับมันขึ้นมาทำท่าจะโยนมันลงไปในกองฟืนใต้กระทะ พอเป็นแบบนี้มันก็ตกใจกลัวแทบแย่ พอตกถึงพื้นแล้วก็ร้องอ๋าวๆ วิ่งออกไปทันที
ตั๋วตั่วที่ยังอยู่ที่ฟาร์มปลามองเห็นเหตุการณ์นี้ เด็กหญิงตัวน้อยที่ตอนแรกอยากเข้ามาใกล้ๆ ก็แอบอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างขลาดกลัว แล้วตะโกนชี้นิ้วชี้มองไปที่กระทะด้วยดวงตาเป็นประกาย
ฉินสือโอวยย่อมไม่ได้ปฏิบัติกับตั๋วตั่วด้วยมาตรฐานเดียวกันกับเหล่าสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว เขาลองดู พอเห็นว่าเนื้อห่านถูกตุ๋นสุกจนกินได้แล้ว เขาก็หยิบถ้วยใบเล็กมาเลือกเนื้อส่วนท้องที่นุ่มที่สุดใส่ลงไปแล้วส่งมันให้กับตั๋วตั่ว
ตั๋วตั่วให้ฉินสือโอวนั่งยองๆ ลงมา หนูน้อยเขย่งเท้าขึ้นไปแล้ว ‘จุ๊บ’ ลงไปหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นก็ถือถ้วยใบเล็กวิ่งออกไป
หลัวปอก็วิ่งตามหลังเธอไปอย่างหน้าไม่อายแล้วใช้หัวที่มีขนนุ่มฟูถูหน้าแข้งของเด็กหญิงตัวน้อยด้วยท่าทีออดอ้อน
เด็กน้อยไม่รู้จักนิสัยของเจ้าพวกตะกละพวกนี้ จึงยอมแบ่งเนื้อให้หลัวปอกับพวกกระรอกดินกินโดยที่ตัวเองก็ยังรู้สึกเสียดาย ปรากฏว่าพอหลัวปอกินเนื้อในชามจนหมดแล้ว มันก็กระดกก้นวิ่งหนีไปทันที…
ในตอนกลางคืนฉินสือโอวกางโต๊ะหนึ่งตัวไว้ที่หน้าวิลล่า ทุกๆ คนก็เข้ามากินมาดื่มกันอยู่ที่นี่ ดื่มเบียร์สดใหม่ตากลมทะเลทำเอาหวังเหล่ย เหยาลี่ลี่กับโหวจื่อเซวียนรู้สึกสบายสุดๆ
หลังทานอาหารเสร็จไม่จำเป็นต้องให้ฉินสือโอวเป็นคนเก็บข้าวของพวกนี้ เขาเข้าไปคุยกับโหวจื่อเซวียนอยู่สักครู่ อีกคนก็อ้ำๆ อึ้งๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ตอนที่ฉินสือโอวถามเขา เขาก็ยิ้มอิหลักอิเหลื่อไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฉินสือโอวเกลียดเวลาที่คนอื่นทำแบบนี้ที่สุด เขาเป็นคนตรงๆ ถ้ามีอะไรก็พูดออกมาเลย ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนแบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกไม่ดีด้วยซ้ำ
โหวจื่อเซวียนพูดมาจนถึงตอนท้ายแต่ก็ยังไม่มีเรื่องอะไร รอจนเขาไปแล้ว ฉินสือโอวที่ไม่มีอะไรทำก็พาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปสู่ฟาร์มปลาเพื่อตรวจตราอาณาเขตของตัวเอง
ที่เขารู้สึกเป็นห่วงที่สุดก็คือหอยเป๋าฮื้อบริติชลายสลับสีพวกนั้น เขาจึงตั้งใจย้ายเป๋าฮื้อไปที่บริเวณใจกลางแนวปะการัง และยังออกคำสั่งให้ไอซ์สเกต บอลหิมะกับบีน ไปเฝ้าหอยเป๋าฮื้อไว้ให้ดี ใครหน้าไหนก็ห้ามมาแตะต้อง
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset