ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 650 การขอแต่งงานของเพื่อน

เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงที่สนามบินนานาชาติเมืองแฮมิลตัน เหมาเหว่ยหลงขับรถฟอร์ดเอฟ 150 คันหนึ่งมารอพวกเขา
พอได้พบกันฉินสือโอวก็เข้าไปกอดกับเขา ช่วงหลายวันมานี้เหมาเหว่ยหลงคงจะยุ่งจนแทบบ้า เจ้าหมอนี่ถึงได้ดูผอมลงไม่น้อยทั้งที่เพิ่งจะแยกกันไปได้ไม่นาน
เหมาเหว่ยหลงเข้าไปอุ้มตั๋วตั่วขึ้นมา ตั๋วตั่วจึงยกกรงที่อยู่ในอ้อมอกขึ้นมาก่อน ด้านในมีลูกเจี๊ยบห้าตัวที่กำลังเบียดกันอยู่ตรงมุมของกรง
ได้เห็นแบบนี้เหมาเหว่ยหลงก็ยิ้มออกมา เขาพูดขึ้น “โอ๊ะ นายเอาลูกไก่พวกนี้มาให้ฟาร์มของฉันด้วยเหรอ? แต่ฉันก็ไม่ค่อยสนใจไก่งวงเท่าไรหรอก นายช่วยฉันหาไก่บ้านกับเป็ดแล้วก็ลูกหมูที พวกนั้นนั่นแหละที่ฉันอยากจะเลี้ยง”
ฉินสือโอวบอกกับเขา “ไม่มีปัญหา ถ้ากลับไปแล้วฉันจะหารถส่งมาให้นาย หลังจากห่านขาวฟักไข่แล้วฉันก็จะส่งลูกมันมาให้นายสักหน่อยเหมือนกัน รับประกันได้เลยว่าฟาร์มเกษตรของนายจะต้องคึกคักแน่ๆ ส่วนลูกเจี๊ยบพวกนี้เป็นของที่วินนี่เตรียมมาเป็นสัตว์เลี้ยงให้ลูกสาวของนายน่ะ”
เหมาเหว่ยหลงถอนหายใจออกมา “ทำให้พวกนายลำบากแล้ว คำขอบคุณฉันคงไม่พูดไปมากกว่านี้แล้ว เพิ่งจะจัดการซื้อขายฟาร์มเสร็จ รอฉันกับเสี่ยวซูจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันจะเชิญพวกนายมาเป็นแขกที่นี่แน่ๆ”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ พูดกับเขา “เรื่องนี้นายวางใจเถอะ ถึงนายไม่ชวนฉันก็จะหน้าด้านหน้าทนมาขอกินข้าวฟรีอยู่ดี แล้วพอถึงตอนนั้นฉันก็จะเอาของขวัญมาให้นายด้วย นายต้องชอบมันแน่นอน!”
“ของขวัญอะไร?” เหมาเหว่ยหลงถามด้วยความใคร่รู้
ฉินสือโอวไม่อยากพูดมาก เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “นายบอกว่าจัดการซื้อฟาร์มเกษตรเสร็จแล้วใช่ไหม? เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น “หลังจากทำเรื่องโอนย้ายสังกัดเสร็จเรื่องหลังจากนั้นก็ง่ายแล้ว จ่ายเงิน โอนย้ายใบรับรองการลงทะเบียนที่ดิน หลังฉันตรวจสอบดูแล้วว่าของในฟาร์มไม่ได้มีปัญหาอะไร ฟาร์มเกษตรก็เปลี่ยนเจ้าของคนใหม่แล้ว ง่ายดายขนาดนี้เลยล่ะ”
ทุกๆ คนขึ้นไปบนรถ ฉินสือโอวก็ถามขึ้นมา “รถคันนี้เป็นของที่ฟาร์มเหรอ?”
เหมาเหว่ยหลงสตาร์ทรถไปพร้อมๆ กับอธิบายให้เขาฟัง “คันนี้ไม่ใช่ เจ้าของฟาร์มคนก่อนขายรถกระบะไปแล้ว รถคันนี้เป็นของที่ฉันยืมเพื่อนบ้านมา ฟาร์มเกษตรที่นี่ไม่เลวเลยจริงๆ ฟาร์มเกษตรรอบๆ หลายที่ก็มีแต่คนจีนอย่างเราๆ ที่เป็นคนดูแล บริเวณใกล้เคียงก็บรรยากาศดีมากๆ”
ได้ยินเหมาเหว่ยหลงพูดแบบนี้ ฉินสือโอวก็รู้สึกวางใจแล้ว
ตอนที่รถขับมาถึงทางเข้าฟาร์ม ซุ้มประตูทรงโค้งที่ถักทอด้วยดอกไม้ป่าก็ปรากฏขึ้นสู่สายตาของทุกคน ซุ้มประตูดอกไม้มีสีสันหลากหลายงามตา ดอกไม้สดด้านบนไม่ใช่ของที่โด่งดังล้ำค่าอะไร แต่ก็ยังงดงามมาก
แต่แรกฉินสือโอวก็กำลังสับสนว่าซุ้มดอกไม้สดทรงโค้งที่วางไว้ตรงประตูทางเข้าของฟาร์มมีความสำคัญยังไง ปรากฏว่าหลังจากพวกเขาลงจากรถแล้ว เหมาเหว่ยหลงก็จูงหลิวซูเหยียนกับตั๋วตั่วให้เดินไปที่ใต้ซุ้มประตู เขากอดทั้งสองคนเอาไว้แล้วพูดขึ้น “เสี่ยวซู ผมจะขอคุณแต่งงานอย่างเป็นทางการที่นี่ คุณยินดีที่จะแต่งงานกับผมไหมครับ?”
ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ใจของฉินสือโอวก็กระตุกขึ้นมาจนอดที่จะร้องตะโกนขึ้นมาไม่ได้ “โคโกโร่ จัดการได้สวย!”
ณ ที่แห่งนี้นอกจากฉินสือโอวแล้วก็มีแค่โอวหยางไห่ที่รีบมาช่วย จะว่าไปแล้วโอวหยางไห่ก็เป็นคนที่มีคุณธรรมน้ำมิตรจริงๆ เรื่องที่เหมาเหว่ยหลงซื้อฟาร์มเกษตร เขาลงแรงกำลังไปมากกว่าฉินสือโอวอยู่เยอะเลยล่ะ
หลิวซูเหยียนรู้สึกตกตะลึงอยู่เล็กน้อย หลังจากนั้นเธอก็ใช้ฟันขาวกัดริมฝีปากสีแดงสดของตัวเองพร้อมมองไปที่เหมาเหว่ยหลงอย่างไร้เดียงสา เธอรู้สึกเหมือนมือไม้อ่อนไปชั่วขณะ
เหมาเหว่ยหลงยิ้มให้เธอแล้วพูดกับเธอว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีผู้คนมากมายที่มาเป็นประจักษ์พยานให้กับการขอแต่งงานของผม แต่เสี่ยวซูคุณรู้ไหมครับ ทั้งสองคนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้ผมกำลังตั้งสัตย์สาบานกับพวกเขา ว่าหลังจากนี้ผมจะดูแลคุณกับตั๋วตั่วให้ดี คุณยินดีจะแต่งงานกับผมไหมครับ?”
ฉินสือโอวปรบมือเสียงดังเต็มที่ เขาตะโกนขึ้นมา “เสี่ยวซู ตอบรับไอ้เวรนี่เถอะ จากที่ผมรู้จักมันมา ครั้งนี้มันจริงจังนะ!”
หลิวซูเหยียนพูดอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “ไม่ใช่ค่ะ เสี่ยวหลง ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับฉัน แต่ถ้าพวกเราแต่งงานกันจริงๆ มันจะไม่เหมาะกับคุณนะคะ”
โอวหยางไห่จึงช่วยเกลี้ยกล่อมเธอ “ถ้าเธอกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของต้าเหมากับครอบครัว นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย เรื่องนี้ฉันจะช่วยเธอเอง แล้วยังมีน้องฉินอีก มีพวกเราสองคนคอยสนับสนุนพวกเธอ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!”
คำว่า ‘เพียงพอ’ สองคำสุดท้าย โอวหยางไห่พูดมันได้อย่างหนักแน่นมีความหมาย เรียกได้ว่าดังกังวานและเต็มไปด้วยพลัง ใบหน้าเผยความมั่นใจออกมาก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกเชื่อถือและศรัทธาขึ้นในจิตใต้สำนึก
ได้ฟังที่ฉินสือโอวกับโอวหยางไห่พูดแล้ว หลิวซูเหยียนก็กอดตั๋วตั่วเอาไว้แน่น สายตาของเธอมองตรงเข้าไปในดวงตาของเหมาเหว่ยหลง เธอพยักหน้าช้าๆ แล้วพูดออกมา “คุณก็รู้ว่าฉันยินดี เสี่ยวหลง ฉันยินดีแต่งงานกับคุณที่สุดเลยค่ะ…”
“ถ้าอยากนั้นผมก็ขอรับคุณไว้เป็นภรรยาครับ!” เหมาเหว่ยหลงรีบพูดตัดหลิวซูเหยียนอย่างเด็ดขาด แล้วดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมอก
ฉินสือโอวยืนอยู่ด้วยกันกับโอวหยางไห่ เขาขบคิดสักครู่แล้วจึงแย้มรอยยิ้มออกมา
โอวหยางไห่ถามว่าเขายิ้มอะไร ฉินสือโอวจึงตอบไปว่า “หลังจากแต่งงานแล้ว ตั๋วตั่วต้องใช้แซ่ตามโคโกโร่อยู่แล้ว แบบนั้นก็จะเป็น–เหมาตั๋วตั่ว? เหมาตัวตัว? (สะเพร่ามาก) ฮ่าๆ ผมว่าชื่อนี้เหมือนนิสัยผมเลย!”
โอวหยางไห่ทำหน้าจนปัญญา เขาพูดขึ้นมา “ตั๋วตั่วเป็นชื่อเล่นโอเคไหม เดี๋ยวต้าเหมาก็ตั้งชื่อจริงให้เองนั่นแหละ ไม่เรียกว่าเหมาตัวตัวอยู่แล้วล่ะ!”
วันนี้เป็นวันสำคัญที่เหมาเหว่ยหลงขอแต่งงานได้สำเร็จ ย่อมต้องทำอะไรที่มันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ฉินสือโอวไปที่โรงแรมวอเตอร์ฟอลฟลาวเวอร์ โรงแรมระดับห้าดาวที่มีคุณภาพสูงที่สุดในแฮมิลตันเพื่อจองห้องอาหารส่วนตัว หลังจากนั้นก็มาพาทุกๆ คนไปที่นั่น
ประเด็นหลักสำหรับอาหารมื้อนี้ย่อมต้องเป็นการดื่มเหล้าอยู่แล้ว พอเครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟ ฉินสือโอวก็หยิบเบียร์ขึ้นมาเปิดฝาขวด ชนขวดเบียร์กับเหมาเหว่ยหลงแล้วกระดก ‘อึกๆ อึกๆ ’ ลงไปจนหมด
เหมาเหว่ยหลงก็ดื่มเป็นเพื่อนกันอย่างมีความสุข เขายกขวดเบียร์ขึ้นมากระดกเหมือนกัน เรียนจบปีสี่มาจะหกปีแล้ว มิตรภาพเกือบสิบปีล้วนอยู่ในเบียร์ขวดนี้ทั้งหมด!
พอทิ้งขวดเบียร์ไปแล้ว ฉินสือโอวก็ตบไหล่ของเหมาเหว่ยหลงพร้อมหัวเราะเสียงดังแล้วพูดออกมา “แม่งเอ๊ย วันนี้โคตรมีความสุขเลยโว้ย! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะแต่งงานต่อหน้าฉันแบบที่เคยพูดไว้ตอนเรียนจบจริงๆ นายแต่งงานต่อหน้าฉันจริงๆ ด้วย!”
เหมาเหว่ยหลงพูดยิ้มๆ “เพราะฉะนั้นนายกับวินนี่ก็ต้องจับมือกันไว้ให้แน่นๆ นะ เรื่องนี้ฉันไม่เร่งนายหรอก นายก็คิดดูแล้วกัน เพราะถึงยังไงงานแต่ของฉันก็มีกำหนดการแล้ว”
“นายวางแผนไว้ว่าจะทำยังไง?” ฉินสือโอวถามเขาอย่างสนใจใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง
เหมาเหว่ยหลงกุมมือของหลิวซูเหยียนเอาไว้แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “จะจัดงานเล็กๆ ที่บ้านเก่าของเสี่ยวซูหนึ่งงาน แล้วก็จัดที่แฮมิลตันอีกหนึ่งงาน ตอนจัดงานที่แฮมิลตัน ฉันจะเชิญเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของพวกเรามาด้วย ไม่ใช่ว่านายอยากแก้ไขความเข้าใจผิดของเพื่อนๆ หรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็ใช้โอกาสนี่ซะสิ!”
ฉินสือโอวถึงกับชะงักไปทันที เขากระดกเบียร์ลงท้องไปอีกขวด ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย เบียร์ขวดนี้ก็เพื่อเป็นการขอบคุณเพื่อนของเขานั่นเอง!
โดยปกติเวลาฉินสือโอวดื่มเหล้า ถึงมีนานๆ ทีที่ดื่มเยอะจนเกินไป แต่ก็ไม่มีทางที่จะเมาจนระเนระนาดย่ำแย่แบบสุดๆ หรือจนถึงขั้นหมดสติ นั่นเป็นเพราะเขามีการหักห้ามใจสูง นี่จะเห็นได้จากชีวิตส่วนตัวที่สะอาดสะอ้านของเขา
ทว่าวันนี้เขาไม่หักห้ามใจอีกต่อไปแล้ว ขอแค่เปิดขวดเบียร์มาก็จะกระดกลงไปจนหมดขวดทันที หลังจากนั้นก็มีไวน์องุ่นมาเสิร์ฟต่อ เทลงไปครึ่งแก้ว เขาก็ยังยกขึ้นมาชนแก้วอีก
ในที่สุดเหมาเหว่ยหลงก็ทำเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาได้สำเร็จแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกดีใจมาก นั่นเป็นเพราะการที่เหมาเหว่ยหลงจะได้อยู่กับหลิวซูเหยียนเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ
เมื่อก่อนฉินสือโอวมองว่าเหมาเหว่ยหลงเป็นพี่ชายติ๊งต๊องที่รู้ใจเขา แต่เมื่อผ่านเรื่องนี้มาแล้ว ความประทับใจของเขาที่มีต่อเหมาเหว่ยหลงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเป็นลูกผู้ชายที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่จริงๆ!
ในใจรู้สึกมีความสุข อีกทั้งฉินสือโอวก็ดื่มไปเยอะแล้ว ความทรงจำสุดท้ายคือตอนที่เบิร์ดหามเขาไปที่ห้องน้ำ ต่อจากนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก เขาก็จำไม่ได้แล้ว แต่เรื่องที่เขาจำได้ตั้งแต่ต้นจนจบก็คือความสุขที่ออกมาจากใจจริงพวกนั้น!
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset