ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 660 วิธีของหม่ามี๊

พอเห็นฉงต้าแสดงอาการก้าวร้าวแบบนี้ วินนี่ก็เผยรอยยิ้มละมุน แต่คิ้วกลับขมวดเข้าหากันช้าๆ
เมื่อก่อนฉินสือโอวไม่เคยเข้าใจเลยว่าคนสมัยโบราณคิดสำนวนที่ว่า ‘คิ้วสาวสวยตั้งเป็นเส้นตรง’ ได้อย่างไร แต่หลังจากที่รู้จักวินนี่ เขาก็เข้าใจว่าคนสมัยโบราณไม่ได้ปั้นคำออกมา เพราะจริงๆ แล้วคิ้วของผู้หญิง ตอนที่ย่นหน้าผากเข้าหากันมันก็สามารถตั้งเป็นเส้นตรงขึ้นมาได้
เมื่อวินนี่แสดงสีหน้าออกมาแบบนี้ หลัวปอก็ตัวสั่นก่อนใคร เพราะมันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความสยองขวัญที่มันถูกสั่งสอนหลังจากที่ทั้งฉี่และอึเรี่ยราดไปหมดทั่วทั้งห้องในช่วงหลังปีใหม่ ตอนนั้นมันถูกหม่ามี๊วินนี่โยนทิ้งลงไปในทะเลเลยทีเดียว…
วินนี่ยิ้มแล้วเคาะไปที่ชามข้าว ก่อนยกไปไว้ตรงหน้าหู่จือและเป้าจือแล้วถามขึ้น “พวกแกจะกินหรือไม่กิน?”
หู่จือและเป้าจือโกรธมาก ฉงต้าปัดชามข้าวทิ้งแล้ว พวกเราก็ต้อง…พวกเราช่างมันละ พวกเราไม่ได้กล้าเหมือนฉงต้า ไม่ต้องปัดชามข้าวทิ้งหรอก ก็แค่ประท้วงโดยการปิดปากอดอาหารก็พอแล้ว
วินนี่เห็นหู่จือและเป้าจือไม่กินอะไรเลยก็พยักหน้าแล้วไม่เอ่ยอะไรออกมา หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่หลัวปอน้อย
หลัวปอรู้สึกลำบากใจ มันไม่อยากทำให้หม่ามี๊โกรธ แต่ก็ทิ้งเพื่อนของมันไม่ได้ ไม่เช่นนั้นวันหลังมันจะโดนดูถูกได้ ดังนั้นมันจึงต้องอดอาหารอย่างช่วยไม่ได้
ฉินสือโอวทนดูต่อไปไม่ไหวจึงเข้าไปอธิบาย “ปลอบเจ้าพวกนี้มันหน่อยเถอะ พวกมันกำลังประท้วงที่พวกเราเลี้ยงมาสเตอร์อยู่น่ะ”
วินนี่โบกมืออย่างเย็นชาพร้อมบอกว่า “ลูกของฉัน ฉันจะจัดการสั่งสอนพวกมันเอง ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนพวกเราจะโอ๋พวกมันมากไป ไอ้บ้าพวกนี้ไม่มีความเห็นใจเลยสักนิดเดียว!”
วินนี่พูดไปก็มองไปที่ปอหลัว ปอหลัวมองไปซ้ายขวาอย่างรู้สึกผิด หลังจากนั้นก็เอาหัวของมันมุดอยู่ระหว่างขาสองข้างเหมือนเป็นเต่าหัวหด เสี่ยวหมิงกับกระรอกดินทำตัวไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกมันเห็นว่าสถานการณ์ดูไม่ค่อยดีจึงไม่กินอะไรแล้วกลิ้งหลบหนีกระโดดออกไปทางหน้าต่าง
เห็นหลังของพวกกระรอกดิน กอร์ดอนด้านหนึ่งก็กินไก่ทอดเต็มปาก อีกด้านหนึ่งก็หัวเราะเสียงดัง “พี่วินนี่เผด็จการไปแล้ว ผมก็…”
สายตาเย็นเฉียบจ้องมาทางนี้ กอร์ดอนมองไปที่วินนี่แล้วก็ยิ้มแห้ง ก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าต่อไป
บุชและนิมิตส์กลัววินนี่น้อยที่สุด วินนี่จัดการกับพวกฉงต้าโดยให้อดข้าว แต่พวกมันบินได้ บางครั้งก็มีของกินในน้ำทะเลหรือตรงภูเขาด้วย
ดังนั้นตอนที่วินนี่เอาปลาของพวกมันมาวางตรงหน้า เจ้าสองตัวจึงเชิดหน้าอย่างหยิ่งยโสใส่ราวกับว่า ฉันดื้อมาก เธอจะตีฉัน แต่ฉันก็รู้ว่าเธอจะไม่ทำอะไรฉัน ดังนั้นฉันก็อยากจะเห็นตอนที่เธอโกรธซะหน่อย
วินนี่ยิ้มออกมาแล้วพูดกับฉินสือโอว “ปิดประตู ปิดหน้าต่างแล้วกินข้าวกันเถอะ”
“ทำไมถึงต้องปิดประตูกับหน้าต่างล่ะ?” ฉินสือโอวถาม “ให้อากาศ… โอเค ผมไปปิดก็ได้”
พอเขาเห็นวินนี่จะยิ้มละมุนให้ เขาก็ขมิบก้นแล้วไปปิดประตูหน้าต่างอย่างว่าง่าย
วันถัดมาเขาจึงรู้เหตุผลที่วินนี่ทำแบบนี้แล้ว พอประตูหน้าต่างถูกปิดหมด บุชกับนิมิตส์ก็น่าอนาถนัก พวกมันบินออกไปไม่ได้!
ใช่ ตรงหุบเขามีกระต่ายป่า ไก่ป่า แล้วก็ใช่อีกที่ในทะเลมีปลา มีกุ้ง แต่พวกมันบินไปที่นั่นไม่ได้ ต่อให้มีน้ำอมฤตแล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า?
วินนี่ถึงกับไม่ได้ไปทำงาน เธอโทรไปลาหยุดเพื่อที่จะคอยคุมเจ้าพวกนี้ทั้งวัน เธออธิบายชัดเจนตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว “ห้ามกิน ห้ามดื่มหนึ่งวันเต็มๆ นอกจากจะฉี่แล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้!”
บุชร้องแคว่กแคว่กๆ กระพือปีกหาจุดที่พอบินออกไปได้ แต่มันบินรอบบ้านแล้ว แม้แต่ร่องระบายอากาศเล็กๆ ก็ยังไม่มีเลย!
ฉินสือโอวยักไหล่ แม่เลี้ยงสอนลูก ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
โรงงานที่ขายบ้านกระท่อมทำงานได้ดีมาก เพราะกลางวันของก็มาส่งถึงที่เรียบร้อย ถ้าฉินสือโอวไม่เห็นภาพอะไรบาดตาก็จะได้ไม่ต้องกังวลใจ เขาจึงรีบวิ่งออกไปสร้างบ้านกระท่อมเครื่องดื่มแช่เย็นทันที
การใช้ชีวิตบนเกาะเล็กๆ นั้นมีทิวทัศน์งดงามดั่งภาพวาด แต่ไม่สะดวกสบายเลยสักนิด โดยเฉพาะการซื้อของในยุคสมัยที่การซื้อของออนไลน์เฟื่องฟูขนาดนี้ ผู้ขายชาวแคนาดาจำนวนมากยังระบุบนเว็บไซต์อยู่เลยว่าหมู่เกาะนอกฝั่งไม่รวมค่าขนส่ง…
บ้านกระท่อมของเขาหลังนี้ก็ไม่รวมค่าส่งเช่นกัน ฉินสือโอวต้องออกค่าขนส่งเองโดยใช้บริการแบบด่วนที่สุด ดังนั้นแล้วโรงงานถึงทำงานได้มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
คนที่มาส่งอุปกรณ์พวกส่วนประกอบของบ้านเป็นชายวัยกลางคนที่แข็งแรงและกำยำ หลังจากที่มาถึงฟาร์มปลาเขาก็เอารูปภาพที่แนะนำการประกอบบ้านให้กับฉินสือโอว “คุณผู้ชายครับ บ้านไม้หลังนี้คุณจะประกอบกับทางผม หรือคุณจะประกอบกับครอบครัวของคุณครับ? เพราะถ้าผมทำ พวกเราต้องลงมือตอนนี้จะได้เสร็จในวันเดียวกันครับ”
ฉินสือโอวไม่เคยทำของพวกนี้จึงถามกลับอย่างอ่อนน้อม “มันประกอบยากไหมครับ?”
หนุ่มร่างใหญ่หัวเราะ “ไม่ยากเลยครับ พวกเรามีรูปภาพประกอบ และยังมีคลิปวิดีโออีก พอถึงตอนนั้นก็แค่ประกอบตามก็เรียบร้อยแล้วครับ พอๆ กับการกองไม้เป็นกองๆ”
ฉินสือโอวคิดไปคิดมาก็ถูกต้อง กลุ่มลูกค้าของบ้านแบบนี้คือครอบครัว ถ้าคนธรรมดายังประกอบเองไม่ได้ แล้วจะขายให้ใครได้?
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวจึงให้หนุ่มร่างใหญ่วางของแล้วกลับไปก่อน บ้านกระท่อมนี้ก็คงต้องรอวินนี่กับพวกเด็กๆ มาช่วยกันประกอบในวันพรุ่งนี้ นี่เป็นกิจกรรมสนุกสนานกันในครอบครัว พอดีกับพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์อาทิตย์ บวกกับวันนี้วินนี่คงไม่มีเวลาด้วย
หนุ่มร่างใหญ่พาเขามาเช็กของ พื้นบ้าน โครงบ้าน โต๊ะเก้าอี้ โถจ่ายเครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส เป็นต้น แม้กระทั่งจำนวน นอต ลิ่มไม้ หมุด ก็นับให้ครบทุกชิ้น
คนแคนาดาทำอะไรจะตั้งใจมาก ซึ่งจุดนี้ต่างจากคนอเมริกา อาจจะเกี่ยวกับสภาพของแต่ละประเทศ ถ้ามีผู้อพยพจำนวนมากแล้วทำอะไรไม่จริงจังก็จะเกิดปัญหาได้ง่าย
พอมั่นใจว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว หนุ่มร่างใหญ่ก็กลับไปโดยทิ้งกองแผ่นไม้ โครงเหล็กและพวกเครื่องจักรจำพวกนั้นเอาไว้ ฉินสือโอวกำหมัดของเขาจนเกิดเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ ในใจรอคอยฉากที่จะสร้างบ้านด้วยกันในวันพรุ่งนี้
ในตอนบ่ายเสียงครวญครางก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในห้องโถงของวิลล่า ฉินสือโอวโผล่เข้าไปดู วินนี่นั่งอยู่ทางเข้าประตูพลางกินขนมไปอ่านนิยายไป ส่วนพวกเด็กๆ ก็หิวมากจนต้องร้องโอดครวญอยู่ข้างใน
“ไม่ก็ช่างมันดีไหม ผมเห็นว่าพวกเด็กๆ ก็มีความรู้สึกสำนึกผิดกันอยู่” ฉินสือโอวเข้าไปเกลี้ยกล่อม ท่าทางที่ดูน่าอนาถของพวกมันทำให้ฉินสือโอวปวดใจ
วินนี่ยิ้มให้แล้วพูดขึ้นมา “ไม่ได้ ฉิน การสอนเด็กไม่ควรที่จะกลับไปกลับมา ถ้าพูดแล้วต้องทำให้ได้ พอเป็นแบบนี้พวกมันก็จะได้เข้าใจว่ากฎของบ้านไม่ได้กำหนดออกมาไว้มอง แต่ต้องปฏิบัติตามด้วย”
ตอนพูดไป เธอก็รีบปิดประตูบานใหญ่อย่างรวดเร็ว บุชเห็นอยู่ว่าฉินสือโอวเปิดประตูเข้ามาจึงพยายามหาโอกาสบินออกไป ผลสุดท้ายพอมันบินมาด้านหน้า วินนี่ก็ปิดประตูทันทีจนทำให้มันติดอยู่ข้างใน
บุชร้องโอดโอยอย่างไม่พอใจ วินนี่ร้องฮึออกมา มันจึงทำได้แค่บินกลับไปอย่างเศร้าสร้อย
ฉงต้ากับต้าป๋ายมุดไปอยู่ในห้องครัว จมูกใหญ่สูดดมซ้ายขวา ได้กลิ่นหอมของอาหารที่อยู่ในห้องครัว แต่อาหารถูกวินนี่เก็บขึ้นไปหมดแล้ว ฉงต้าผู้โชคร้ายจึงยิ่งหิวเข้าไปใหญ่…
ต้าป๋ายเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างหมดอาลัยตายอยาก ในเมืองเกิดไฟไหม้ทุกคนต่างไปเอาน้ำที่บ่อจนน้ำในบ่อหมด ปลาเลยตาย ซึ่งมันก็เหมือนปลาพวกนั้นที่โชคร้าย เมื่อวานเย็นมันไม่ได้เข้าร่วมการประท้วงอดอาหาร แต่มันท้องเสีย จึงอยู่ด้านนอกตลอด สุดท้ายก็เท่านั้น
หม่ามี๊วินนี่ไม่ใช่คนมีเหตุมีผล
แน่นอนว่าฉินสือโอวเคยเตือนพวกมันแล้ว คนที่คุยเหตุผลกับผู้หญิงมีอยู่สองประเภท ถ้าไม่งี่เง่า ก็คืองี่เง่าอยู่ดี
ที่ฉลาดที่สุดเห็นจะเป็นหู่จือและเป้าจือ มันสองตัวคลอเคลียกันอยู่บนโซฟาไม่ขยับไปไหน แบบนี้จะรู้สึกหิวช้ากว่า แต่ดูท่าแล้วก็คงหิวอยู่ดี
พอเห็นฉินสือโอวเข้ามาในบ้าน เจ้าสัตว์ทุกตัวต่างก็ส่งสายตาสุกสกาวอ้อนวอนให้เขาช่วย ฉินสือโอวยักไหล่อย่างหมดหนทาง เขาหันหลังกลับไปและทิ้งเบื้องหลังที่เดียวดายให้พวกมันก่อนจะถือคันเบ็ดตกปลาแล้ววิ่งไปที่ท่าเรืออย่างมีความสุข…
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset