ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 666 บอลหิมะลูกกตัญญู

เป็นเรื่องปกติที่ในทะเลจะมีหินปะการังอยู่ แนวปะการังก็จะพบได้น้อย แต่แนวปะการังในมหาสมุทรแอตแลนติกกลับหาได้ยากยิ่งกว่า!
เพราะว่าปะการังมีความต้องการสูงในเรื่องอุณหภูมิของน้ำทะเล เย็นมากไปหรือร้อนมากไปก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงมักจะพบเจอได้บ่อยในเขตน่านน้ำออสเตรเลียหรือแถวเส้นศูนย์สูตรเท่านั้น สภาพแวดล้อมอย่างมหาสมุทรนิวฟันด์แลนด์ ปะการังอยู่ไม่ได้แน่นอน
พลังจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนก็เจ๋งแบบนี้!
เดิมทีฉินสือโอวจะคอยหลบๆ ซ่อนๆ ไม่กล้าให้ใครรู้ว่าฟาร์มปลาของเขามีแนวปะการังบริเวณกว้างขนาดนี้ สำหรับเขาแล้วยังถือว่าแนวปะการังของฟาร์มปลายังใหญ่ไม่พอ แต่ถ้าในสายตาคนทั่วไปแล้ว แนวปะการังที่กว้างถึงสองตารางกิโลเมตร พื้นที่ที่ถูกครอบคลุมกว้างมากแล้ว
หนึ่งตารางกิโลเมตร ก็คือ 1,500 หมู่[1]!
ปีกว่ามานี้ พลังจิตสำนึกแห่งโพไซดอนกว่าครึ่งถูกถ่ายให้กับแนวปะการังหมดเลย นี่มันไม่ใช่สวัสดิการของลูกชายแท้ๆ หรือลูกบุญธรรมแล้ว
บิลลี่มองไปที่แนวปะการังที่มีหลากสีสันตระการตาด้วยความตื่นตาตื่นใจ สีหน้าดูน่ากลัว ทั้งมือทั้งขาสะบัดไปมา ฟองอากาศพ่นออกมาจากปากของเขา ‘บุ๋มบุ๋ม’ ราวกับว่าอยากจะตะโกนอะไรออกมา
ฉินสือโอวไม่ได้สนใจ ดำลงไปใต้ทะเลเพื่อเตรียมหาหอยงวงช้าง เขาดูถูกบิลลี่ที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ นี่เป็นแนวปะการังที่อยู่ขอบแดนแล้วนะ นี่ไม่รู้ว่าถ้าให้เขาเห็นแนวปะการังทั้งหมด หลอดเลือดในสมองจะแตกออกมาจนตายหรือเปล่า?
ใช่แล้ว บิลลี่คงเลือดออกจนตาย เพราะมันขัดกับสามัญสำนึกของเขาอย่างมาก
เพราะเคยคิดในแง่นี้ เมื่อก่อนฉินสือโอวถึงไม่กล้าเผยตัวฟาร์มปลาออกมาทั้งหมด แต่พอหลังจากที่อยู่กับพวกผู้เชี่ยวชาญทีมบาลซัก เขาก็รู้ว่าเขาคิดมากเกินไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีอะไรแอบแฝง
นอกจากนี้มหาสมุทรยังกว้างใหญ่ไพศาล ยิ่งผู้คนที่เข้าใจทะเลมากเท่าไร ปริศนาที่มีอยู่ก็จะคลี่คลายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แค่ความผิดปกติเล็กน้อยในฟาร์มปลาก็อาจจะกลายเป็นข่าวได้ แต่ไม่ได้เป็นกระแสอะไรต่อโลก
แน่นอนว่าแนวปะการังมีผลต่อบิลลี่มาก ไอ้หนุ่มมันก็ถีบตีนกบว่ายมาทางนี้ ดึงฉินสือโอวอย่างร้อนรนเหมือนจะพูดอะไร
ฉินสือโอวกลอกตามองบน เขามาดำน้ำนะ ไม่ได้มาจีบใคร ต่อให้อยากจีบก็ไม่ใช่จีบกับนาย
ดังนั้น ฉินสือโอวจึงถีบบิลลี่ไปหนึ่งทีอย่างเต็มเหนี่ยว ให้เขาลอยออกไปไกล
ไอซ์สเกต บอลหิมะและบีนต่างก็ว่ายน้ำมา พวกเขารับรู้ได้ถึงพลังของโพไซดอนที่แข็งแกร่ง จงใจมาหาพ่อของพวกมัน
ฉินสือโอวไม่อยากให้บิลลี่ตกใจมากเกินไป ถ้าเกิดทำให้เขาตกใจจนตายคงลำบากไม่น้อย
เขาจำได้ว่า เขาเคยแนะนำบิลลี่ให้รู้จักกับบอลหิมะ ดังนั้นจึงเรียกบอลหิมะมา แล้วให้ไอซ์สเกตกับบีนเล่นกันไปก่อน
สีหน้าไอซ์สเกต เหมือนอมทุกข์ตลอด ฉินสือโอวรู้สึกว่าช่วงนี้ลูกบุญธรรมของเขาผอมไปหน่อย แต่บีนกลับยังร่าเริงเหมือนเดิม ยิ้มกว้างแล้วกดไอซ์สเกต ลงไปใต้ทะเล…
ฉินสือโอวทนดูต่อไปไม่ได้ จึงมุ่งสมาธิทั้งหมดไปเพื่อหาหอยงวงช้าง
คนที่เคยเห็นภาพหอยงวงช้าง ต่างก็รู้ว่ามันเติบโตหน้าตาน่าสังเวชขนาดไหน แต่เจ้าน่าสมเพชนี่กลับมาชื่อทางวิทยาศาสตร์ที่สูงส่งมาก ‘หอยเทพธิดาสง่างาม’…
แตกต่างจากหอยประเภทอื่น เพราะหอยงวงช้างจะขุดลงไปอาศัยอยู่ในโคลนทรายบนพื้นใต้ทะเล ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะจับมัน ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่อุตสาหกรรมหอยงวงช้างในแคนาดาไม่สามารถกวาดตลาดอาหารทะเลของทั้งโลกได้สักที
ในความเป็นจริงแล้ว หอยงวงช้างของประเทศแคนาดามีคุณภาพที่ดีมาก โดยเฉพาะในน่านน้ำรัฐ BC ซึ่งโดยส่วนมากจะเหมือนกับการไหลของกระแสน้ำเย็นในน่านน้ำของรัฐแคลิฟอร์เนีย กระแสน้ำเย็นจะเป็นตัวนำพาแพลงก์ตอนและการไหลของน้ำเย็นที่เสถียรภาพที่หอยงวงช้างต้องการในการเจริญเติบโต อีกทั้งมลพิษก็ยังน้อยอีกด้วย ช่วยกระตุ้นการผลิตของหอยงวงช้างที่มีคุณภาพ
แต่การเก็บหอยงวงช้างนั้นต้องใช้แรงงานคนมาขุดไป ซึ่งค่าแรงของคนงานที่รัฐ BC แพงมากๆ แต่พูดไปพูดมาค่าแรงที่รัฐนิวฟันด์แลนด์ก็ไม่ใช่ว่าถูก ถ้าฉินสือโอวต้องการคนงานมาเก็บหอย ก็คงยุ่งยากไม่น้อย
แต่นี่เป็นเรื่องที่ค่อยว่ากันทีหลัง เพราะตอนนี้ฉินสือโอวคิดแต่อยากจะขุดหอยขึ้นมาทำอาหารกิน
พอเท้าเหยียบลงไปบนก้นทะเล เขาเจอพวกหอยนางรมก่อนเลย ซึ่งสิ่งนี้มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก มีสมญานามว่า น้ำนมแห่งท้องทะเล แต่ว่าเปลือกของมันหนักมากพอๆ กับก้อนหินเลยทีเดียว ดังนั้นดำน้ำเก็บพวกมันจึงไม่ค่อยคุ้มเท่าไร
ฉินสือโอวสุ่มเลือกหอยนางรมสองสามตัวแล้วโยนลงไปในถุงตาข่าย หลังจากนั้นก็มองหารูของหอยงวงช้างต่อ ซึ่งไม่ได้เป็นการหายากอะไร เพราะโดยปกติพวกมันจะมีเหมือนท่อยาวๆ โผล่ออกมาจากโคลนที่มันซ่อนตัวอยู่ และค้นหาอาหารจากก้นทะเลเอา
แล้วก็พบจมูกยาวๆ ของหอยงวงช้างหนึ่งอันที่มีลักษณะเหมือนหางงูส่ายไปส่ายมา ฉินสือโอวคุกเข่าลงบนพื้นก้นทะเล ใช่จอบเล็กๆ ที่พกมาด้วยเขี่ยพวกโคลนทรายออก เพียงพริบตาเดียวหอยงวงช้างที่มีเปลือกหอยใหญ่กว่ากำปั้นของเขาถึงสองเท่าก็โผล่พ้นออกมาให้เห็นหนึ่งตัว
หยิบเอาหอยงวงช้างขึ้นมาล้างๆ หน่อยแล้วก็ใส่ลงไปในถุงตาข่าย บิลลี่ว่ายเข้ามาหา แล้วก็เห็นว่าเขากำลังขุดเก็บหอยงวงช้าง ยกนิ้วกลางให้เขา แล้วก็ขยับตีนกบว่ายไปทางแนวปะการัง เริ่มเส้นทางท่องใต้ทะเลของเขาเช่นกัน
ฉินสือโอวดำน้ำเพื่อหาของกิน เพราะเขาเป็นนักกิน แต่บิลลี่ดำน้ำเพื่อความเพลิดเพลิน เพราะเขาเป็นหนุ่มหล่อมีฐานะ
พอบิลลี่ไป บอลหิมะก็ว่ายมาหาเขาโดยบังเอิญ พอเห็นฉินสือโอวมันก็ปะทะชนไปที่ฉินสือโอวอย่างสนิทสนมทีหนึ่ง ปรากฏว่าโชคดี ที่ที่ฉินสือโอวตกลงไปมีหอยงวงช้างอยู่หนึ่งตัวตรงนั้นพอดี
ฉินสือโอวขุดหอยงวงช้างออกมา บอลหิมะตอนนี้ฉลาดมาก เขาว่ายเข้ามาดูใกล้ๆ แล้วจำลักษณะของหอยงวงช้าง หลังจากนั้นก็ใช้หางของมันกวาดตรงก้นทะเลไปมาอย่างขะมักเขม้น เหมือนกับกวาดพื้นไม่มีผิด พวกโคลนและทรายจึงคละคลุ้งไปหมด พริบตาเดียวก็เห็นหอยงวงช้างโผล่ออกมาเต็มไปหมด
พอเห็นแบบนี้ ฉินสือโอวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ลูกชายช่างกตัญญูยิ่งนัก แต่ว่าทำแบบนี้ไม่ได้นะ
การประมงของแคนาดามีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับข้อกำหนดการจับขั้นต่ำ และการจับได้ในปริมาณที่น้อยกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำจะต้องปล่อยพวกที่จับได้ลงสู่ทะเลตอนนั้น เช่น กุ้งมังกรตัวใหญ่ ปูหิมะ ปลาหิมะ รวมไปถึงปลาทูน่าที่เมื่อก่อนฉินสือโอวจับขึ้นมา
โดยเฉพาะปลาทูน่าครีบน้ำเงิน ถ้าไม่ถึง 1.2 เมตรก็จะไม่สามารถจับได้ ต่อให้จับขึ้นมาแล้วก็ต้องปล่อยคืนสู่ท้องทะเลไป
แต่สำหรับหอยงวงช้าง กรมประมงกลับไม่ได้กำหนดขั้นต่ำไว้ หอยงวงช้างที่นักดำน้ำเก็บขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะมากน้อยขนาดเท่าไรก็ต้องเอาขึ้นฝั่ง ไม่อนุญาตให้คืนกลับสู่ท้องทะเล
ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะเหรอ? เพราะว่าหอยงวงช้างเป็นสัตว์ทะเลอาศัยอยู่ในก้นทะเลที่อ่อนแอมาก พอ ‘ขุด’ออกมาจากรูของมัน แล้วทิ้งลงไปในทะเลก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้แล้ว เพราะว่าเตียงที่พวกมัน ‘ยอมรับ’ เป็นรูที่พวกมันได้เลือกไว้ตั้งแต่เริ่มแรกว่ามันจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต
ฉินสือโอวรู้สึกว่าการจัดการของกรมประมงแคนาดามีความล้ำหน้ามาก เห็นได้จากการจับหอยงวงช้างก็เช่นกัน เรื่องเฉพาะก็ดำเนินการต่างออกไป ไม่เหมือนประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศที่เอาทุกอย่างมาเป็นเรื่องเดียวกันเพียงเพื่อไม่ให้เรื่องมากความ
อย่างเช่นที่ประเทศเม็กซิโกก็มีทรัพยากรหอยงวงช้างอยู่ แต่กรมประมงของพวกเขากลับไม่มีข้อกำหนดตรงนี้ออกมา นักดำน้ำมักจะแค่เลือกเก็บแค่หอยงวงช้างคุณภาพกลาง แล้วทิ้งหอยงวงช้างที่ขายในตลาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ไปหรือเล็กไปลงไปในทะเลเหมือนเดิม ซึ่งเป็นนำไปสู่การเปลืองทรัพยากรเป็นอย่างมาก
พอเป็นแบบนี้ฉินสือโอวรีบออกคำสั่งกับบอลหิมะ จะมากวาดแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ รีบมาอยู่ข้างๆ พ่อของมันก็พอแล้ว
บอลหิมะเป็นลูกกตัญญูคนหนึ่ง นานแล้วที่ไม่ได้ช่วยพ่อทำงานจึงร้อนใจ แล้วก็ไม่ง่ายที่หาโอกาสได้แบบนี้จะให้ทิ้งไปได้อย่างไร จึงส่ายหน้าแล้วสะบัดหางยังจะกวาดก้นทะเลให้สะอาดเรียบ
ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงว่ายเข้าไปหามันลูบหัวที่ลื่นและกลมของมันเพื่อปลอบประโลม แล้วรับปากว่าจะเล่นกับมันที่ใต้ทะเลนี้
ครั้งนี้ที่เขาดำน้ำก็เพื่อจับหอยงวงช้างจำนวนหนึ่งไปเป็นอาหาร ในเมื่อบอลหิมะก็จัดการให้เขามีหอยงวงช้างที่เยอะมากพอแล้ว ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่หาต่อแล้ว จึงว่ายไปดูแนวปะการังต่อ
……………………………………….
[1] 1 หมู่เท่ากับ 666.667 ตารางเมตร

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset