ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 667 เต่ามะเฟืองขี้โมโห

ฉินสือโอวสำรวจดูน่านน้ำแนวปะการังเกือบทุกวัน นี่คือขุมทรัพย์ของเขาเลย สาหร่ายทะเลและพืชน้ำสามารถรักษาทรัพยากรปลาในฟาร์มปลาได้ ส่วนแนวปะการังก็สามารถเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับสายพันธุ์ของสัตว์ในท้องทะเลได้
แม่แต่นักเรียนระดับประถมอย่างเชอร์ลี่ย์และกอร์ดอนยังรู้เรื่องพวกนี้ ยิ่งมีความหลากหลายของสายพันธุ์มากเท่าไร ระบบนิเวศน์ก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าความหลากหลายของสายพันธุ์มีน้อยก็ยิ่งอ่อนแอ
 จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเห็นจนเคยชินแล้ว ฉินสือโอวรู้สึกว่าน่านน้ำในส่วนแนวปะการังก็เป็นเช่นนั้น สวยงามมาก ครั้งแรกที่เห็นจะรู้สึกประหลาดใจ แต่พอเห็นบ่อยๆ ก็จะไม่รู้สึกอะไรแล้ว
แต่พอได้เข้าไปในน่านน้ำใต้ทะเลที่มีแนวปะการังจริงๆ แล้ว ฉินสือโอวกลับยังคงรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจ!
ครั้งที่แล้วที่ดำอยู่ใต้ทะเลสาบเขาก็รู้แล้วว่า การใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนมองสิ่งต่างๆ กับการที่ใช้สัมผัสทั้งห้ามองจริงๆ มันช่างแตกต่างยิ่งนัก เพราะแบบแรกก็จะเป็นเหมือนกับเวลาเราดูรูปบนคอมพิวเตอร์ เพียงแต่เป็นแบบสามมิติ ซึ่งนั่นเป็นแบบมุมมองแบบพระเจ้า แบบหลังถึงจะเป็นความรู้สึกที่สัมผัสโดยคนจริงๆ
การว่ายอยู่บนแนวปะการังไปเรื่อยๆ ฉินสือโอวมองไปรอบๆ ในน้ำเต็มไปด้วยสีสันสวยสดงดงาม สวยงามยิ่งกว่าชมดอกไม้ในสวนเสียอีก
การสร้างสรรค์ในทะเลไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน พวกโพลิปทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง ทั้งเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ หลั่งหินปูนอย่างบ้าคลั่งภายใต้แรงกระตุ้นจากพลังแห่งโพไซดอน
ถ้าพูดให้ถูกต้องแล้ว แนวปะการังของฟาร์มปลาต้าฉินไม่ใช่ ‘แนว’ แต่พูดได้แค่ว่าเป็นกลุ่มปะการัง เพราะพลังโพไซดอนที่ฉินสือโอวถ่ายเข้าไป สิ่งที่กระตุ้นก็คือการแทรกซึมแบบขยายของโพลิปไปรอบด้านไม่ใช่แบบรวมตัวเป็นกระจุก
 ปะการังส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแนวปะการังนั้นเป็นแนวปะการังที่สร้างตามคำสั่งของปะการังแข็ง นอกจากนี้แล้วยังมีจำนวนน้อยที่เป็นพวกปะการังแผ่นที่อยู่ในไฮโดรซัว ฉินสือโอวก็แยกแยะไม่ออก แล้วก็ไม่มีความอดทนมากพอไปแยกแยะ จึงให้พลังโพไซดอนกับโพลิปทุกชนิดไปพร้อมๆ กัน
บนปะการังมีสาหร่ายหลากหลายชนิดที่เติบโตอยู่บนนั้น ฉินสือโอวว่ายไปข้างหน้าเพื่อมองดู เขาดูออกว่ามีสาหร่าย Porolithon สีแดงและสาหร่ายใบมะกรูด สาหร่ายพวกนี้จะมีสีสดใส แต่แคลเซียมคาร์บอเนตที่อยู่ในเซลล์มีปริมาณเยอะมาก มีถึง 90% ของน้ำหนักมันเอง
การสร้างแนวปะการังไม่ใช่แค่หน้าที่เดียวของโพลิป ยังรวมไปถึงสร้างแนวสาหร่ายด้วย
สิ่งมีชีวิตตรงน่านน้ำปะการังถือว่าเยอะมากที่สุดแล้ว พอจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนแผ่ไปทั่ว ก็รับรู้ได้ถึงสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่ส่วนมากเป็นสิ่งมีชีวิตระดับต่ำ จึงสัมผัสไม่ได้ถึงจิตใต้สำนึกของพวกมัน
ฉินสือโอวยังเจอเม่นทะเลจำนวนหนึ่งในแนวปะการังด้วย ซึ่งพวกนี้มีขนแหลมปกคลุมไปทั้งตัว อ้วนกลม ดูๆ แล้วก็เหมือนหนอนผีเสื้อฉบับน่ารัก แน่ล่ะว่าไม่ได้น่ารักอย่างที่เห็น เพราะพวกมันกินปะการัง มีส่วนอย่างมากในการทำลายแนวปะการัง
พอดีที่ฉินสือโอวพกจอบเล็กๆ มาด้วย พอเห็นเม่นทะเลพวกนี้จึงขุดแล้วโยนทิ้งไป วาฬเบลูกาสามารถกินอาหารพวกนี้ได้ ด้วยเหตุนี้เม่นทะเลที่ฉินสือโอวโยนทิ้งไปก็จะถูกบอลหิมะกินไปหมด
 ถ้าไม่ได้เป็นเพราะทำลายแนวปะการัง ฉินสือโอวก็ชอบเม่นทะเลไม่น้อย เพราะลักษณะดูบอบบางน่ารัก แล้วยังขี้ตกใจ เพียงแค่เจออะไรทำให้ตกใจกลัวก็จะวิ่งหนีไป น่าเสียดายก็คือพวกขาสั้นพวกนี้ขยับตัวไม่ได้เร็วมากนัก
สีของเม่นทะเลก็มีหลากหลายรูปแบบ โดยรวมแล้วก็จะเป็นสีเข้ม จากสีเขียวสว่างไปจนถึงสีเหลืองน้ำตาลจนไปถึงสีน้ำเงินเข้ม เกาะเป็นกลุ่มอยู่บนปะการัง ราวกับลูกบอลไหมพรม
ตอนที่ฉินสือโอวว่ายน้ำ ปลานกแก้วสีสันสดใสสองสามตัวก็แหวกว่ายมา พวกมันเคยได้รับความช่วยเหลือจากพลังแห่งโพไซดอน จึงรู้สึกกระตือรือร้นมาก ว่ายมาอยู่ด้านข้างฉินสือโอวราวกับเป็นผีเสื้อซ้ายขวาสลับกันไปมา หลังจากนั้นปลาพระจันทร์ก็ว่ายตามมาเช่นกัน พอพวกมันมาอาศัยอยู่ที่ฟาร์มปลาชีวิตก็ดีขึ้น กินอิ่มอุดมสมบูรณ์เป็นสีเงินแล้ว
 พอเห็นแบบนี้ นายใหญ่ฉินก็มีความสุขมากมายเหลือล้น พอเห็นเสน่ห์ของตัวเองแล้ว ช่างเหมือนกับสนมเสาวคนธ์แห่งท้องทะเลเสียจริง
น่าเสียดายที่บอลหิมะไม่ได้ตระหนักถึงความพยายามของเขา มันกินเม่นทะเลว่ายวนชนนั่นนี่ไปมาอย่างมีความสุข ปลานกแก้วกับปลาพระจันทร์ต่างตกใจ จึงรีบมุดไปที่ช่องแคบตรงแนวปะการังหลบซ่อน
บิลลี่ว่ายตามหลังมา มือถือกระบองไฟฟ้าที่มีลักษณะเหมือนปืนยาวของเขา ส่ายไปส่ายมาอยู่ด้านหน้าเหมือนคนตาบอดคลำทางอย่างไรอย่างนั้น
ฉินสือโอวว่ายไปหาอย่างรู้สึกแปลกใจ แล้วก็หัวเราะเยาะเย้ยในความโรคจิตของบิลลี่ฉีกยิ้มอยู่ในหน้ากากดำน้ำโปร่งใสนี้ บิลลี่ใส่แว่นดำน้ำและหน้ากากหายใจ พูดก็ไม่ได้แล้วยังแสดงสีหน้าอะไรไม่ได้ด้วย ทำได้แต่ถลึงตามองเขาอย่างขมขื่น
หลังจากนั้น บิลลี่ก็ว่ายห่างออกไป ทันใดนั้นก็พลิกตัวว่ายกลับมา ชี้กระบองไฟฟ้าไปที่ฉินสือโอวอย่างพึงพอใจ
ฉินสือโอวผงะ อยู่ดีๆ ก็มีแท่งยาวล้อมรอบไปด้วยแมงกะพรุนมาปรากฏต่อหน้าเขา แล้วยังอยู่ในทะเลอีก หวาดผวาจริงๆ
บิลลี่แกว่งแท่งกระบองเพื่อให้เขาเห็นแมงกะพรุนตัวนั้น พอเห็นแบบนี้ฉินสือโอวก็เข้าใจ แมงกะพรุนส่วนมากมีพิษ แล้วยังโปร่งใสแทบมองไม่เห็น ถือเป็นศัตรูใหญ่ของนักดำน้ำ ก่อนหน้านั้นที่บิลลี่ทำแบบนี้ก็เพื่อคลำทาง พอมีแมงกะพรุนต่อให้มองไม่เห็นพวกมันแต่ก็ยังช่วยกวาดล้างพวกมันออกไป
สำหรับมนุษย์แล้ว แมงกะพรุนคือศัตรูตัวฉกาจ แต่สำหรับเต่ามะเฟืองถือเป็นอาหารอันโอชะ
เต่ามะเฟืองที่มีขนาดฝาหม้อคลุมลงไปได้ว่ายจากผิวน้ำลงมาด้านล่างอย่างรวดเร็ว อย่ามองเพียงว่าตอนมันอยู่บนบกคืบคลานช้าๆ เหมือนคนแก่ เพราะอยู่ในน้ำเขาเรียกกันว่ายุทธวิธีที่แตกต่างเพื่อให้ได้มาซึ่งบางสิ่ง
หลังจากที่ปรากฏกาย แขนขาของเจ้าเต่าก็เหมือนกับเรือเคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว พุ่งเข้าหาบิลลี่อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฟาดจนฝ่ายตรงข้ามเตรียมตัวไม่ทัน ยื่นหัวกัดไปที่ปลายแท่งกระบองพร้อมกับแมงกะพรุนเอาเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ถึงกับทำให้บิลลี่ผงะ เต่ามะเฟืองตัวใหญ่มาก ฝาหม้อที่ฉินสือโอวพูดถึงไม่ใช่ฝาหม้อของหม้อเล็กๆ ที่ใช้กันอยู่ในครัวปัจจุบันแล้ว แต่เป็นฝาหม้อของหม้อเหล็กใบใหญ่ที่คนชนบทสมัยก่อนเขาใช้กัน
ในปากของเต่ามะเฟืองเป็นเหมือนหนามแหลมคม ส่วนปลายแท่งกระบองก็มีผิวขรุขระ ด้วยเหตุนี้จึงเกี่ยวรั้งเต่ามะเฟืองเอาไว้
อีกอย่าง เมื่อสักครู่ที่บิลลี่ตกใจจึงเปิดกระแสไฟไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากที่เต่ามะเฟืองกัดลงไปที่แท่งกระบอง แขนขาของมันจึงกระตุกราวกับเต้นอยู่
พอฉินสือโอวเห็นก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที รีบว่ายเข้าไปหา พร้อมกับปล่อยจิตใต้สำนึกแห่งโพไซดอนถ่ายพลังโพไซดอนให้กับเต่ามะเฟืองตัวนี้
เต่ามะเฟืองตัวนี้กว่าจะโตได้ขนาดนี้ไม่ง่ายเลย คาดว่าคงอายุมากกว่าอายุของเขากับบิลลี่เอามารวมกันเสียอีก
หลังจากที่บิลลี่เห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว ก็รู้ว่าตัวเองทำพลาดไป จึงรีบปิดกระแสไฟฟ้าแล้วดึงมันออกมา
บนกระดองของเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ยังมีเต่าขนาดเล็กขนาดประมาณชามใบใหญ่อยู่ตรงนั้น กระดองเต่าคือฉนวน เจ้าเต่าตัวเล็กจึงยังปลอดภัยดี มันถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากความหวาดกลัว หลังจากนั้นก็จ้องมองไปที่บิลลี่อย่างกับจะจับกิน แล้วว่ายขึ้นไปที่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
ยังโชคดีที่ฉินสือโอวถ่ายพลังโพไซดอนได้รวดเร็ว เต่ามะเฟืองจึงไม่ได้ตายเพราะกระแสไฟฟ้า เห็นตากะพริบๆ เหมือนจะไม่เป็นอะไร แต่แขนและขากลับกระตุกไม่หยุด
ฉินสือโอวทำเหมือนเมื่อก่อนที่เขาเคยปลอบเจ้าเต่าตัวใหญ่ ด้านหนึ่งก็ป้อนพลังงานโพไซดอนให้ อีกด้านหนึ่งก็เอามือลูบหัวปลอบประโลมมัน
เต่ามะเฟืองเป็นเต่าที่มีสติปัญญามันเอาหัวมันถูกับหน้ากากดำน้ำของฉินสือโอวด้วยความรักใคร่ แขนขาทั้งสี่เริ่มแหวกว่ายอีกครั้ง
บิลลี่ฝืนยิ้มทำท่าขอโทษฉินสือโอว ฉินสือโอวรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ จึงไม่ได้พูดอะไรมาก แค่ชูนิ้วกลางให้สักหน่อย
ฉินสือโอวไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่พวกเต่าใส่ใจเรื่องนี้
สองสามนาทีต่อมา อยู่ดีๆ ก็มีเงาทะมึนใหญ่ปรากฏอยู่ตรงผิวน้ำ บิลลี่เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความประหลาดใจ แล้วก็เห็นอย่างน้อยมีเต่ามะเฟืองประมาณ 20-30 ตัวพุ่งเข้ามาหาด้วยความดุร้ายอย่างรวดเร็ว
หัวของหัวหน้าเต่ามะเฟืองยังใหญ่กว่าตัวเมื่อกี้เสียอีก ปากที่มีลักษณะเหมือนนกอินทรีอ้าออก เผยให้เห็นหนามและฟันที่แหลมคมมากมาย
บนหัวของเต่ามะเฟืองตัวใหญ่ ก็มีเต่าตัวน้อยเกาะอยู่บนนั้นด้วยท่าทางฟึดฟัด ซึ่งก็เป็นตัวเดียวกันกับที่เมื่อสักครู่เกาะอยู่บนกระดองของเต่าที่โดนไฟช็อตไป
บิลลี่เห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ถ้าต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มเต่าบึกบึนพวกนี้ ต่อให้ในมือมีกระบองไฟฟ้าอยู่ก็ไร้ประโยชน์ จึงทำได้แต่ถีบตีนกบรีบว่ายขึ้นไปตรงผิวน้ำ
ฉินสือโอวรู้สึกขำ เขารับรู้ได้จากร่างกายพวกเต่าว่ามีแค่ความโกรธแต่ไม่มีความอาฆาตจะฆ่าแกง รู้ว่าเต่าพวกนี้มาขู่ให้บิลลี่กลัว เพราะจริงๆ แล้วเต่ามะเฟืองถือเป็นสัตว์ที่ว่านอนสอนง่ายและเงียบๆ ไม่มีความคิดร้ายต่อมนุษย์
แต่บิลลี่ไม่รู้สิ่งพวกนี้ เขารู้แต่เพียงว่า ถ้าตอนนี้ไม่รีบหนีไป วันนี้คงได้ถูกฝังอยู่ที่นี่เป็นแน่…
……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset