ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 675 น่าปวดหัว

ปืนใหญ่ของเรือความเร็วสูงสองลำมีวิถีกระสุนมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ฉินสือโอวคิดจะเชือดไก่ให้ลิงดู จึงให้เรือทั้งสองลำไปจัดการเรือประมงพันตันพร้อมกัน
เรือประมงพันตันลำนั้นชื่อว่า ‘เรือคริสโตเฟอร์’ ยาวหกสิบเมตร สมกับเป็นสัตว์ประหลาด มันจอดอยู่บนน้ำเหมือนสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในทะเล เสาหย่อนอวนท้ายเรือยกขึ้นสูงทิ้งอวนลงไปในน้ำเรียบร้อย
เรือกำปั่นขนาดยี่สิบสี่เมตรเมื่อเผชิญหน้ากับมันก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยกับผู้ใหญ่เลย
การเทียบเรือไม่ควรดูแค่ความยาว ต้องดูที่ความกว้าง อัตรากินน้ำลึกและน้ำหนักทั้งหมด เพราะเรือไม่ได้เป็นเส้นตรงแต่เป็นวัตถุสามมิติขนาดใหญ่
ลูกเรือบนเรือคริสโตเฟอร์เริ่มไม่สนใจว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน พอเห็นเรือเล็กสองลำขับเข้ามาแต่หยุดอยู่ห่างไปไกล พวกลูกเรือก็พากันหัวเราะพูดคุยอย่างย่ามใจสบายๆ อย่างมากก็ชมว่าเรือสองลำนี้สวยดี
ทว่าเมื่อผ้าคลุมปืนใหญ่ที่คลุมปืนฉีดน้ำถูกดึงออก ถึงเริ่มมีคนเห็นท่าไม่ดี พวกเขาชี้ไปยังเรือความเร็วสูงตะโกนว่า “ดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?!”
กัปตันหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นดู พลันหน้าซีดเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “บ้าจริง นั่นมันปืนฉีดน้ำ! ทุกคนไม่ต้องห่วง พวกเขาคิดว่าเรามือเปล่ากันก็ได้? ไปบอกห้องบังคับการให้หันหัวเรือโชว์ปืนฉีดน้ำของพวกเราบ้าง!”
เรือประมงพันตันเป็นเรือน้ำลึก จึงมีการติดตั้งปืนฉีดน้ำไว้อยู่แล้ว เพราะต้องออกทะเลลึกห่างไกลจากประเทศ เลยอาจมีการปะทะกับเรือประมงลำอื่นเพื่อแย่งชิงทรัพยากรประมงหรืออาจเจอโจรสลัด ทำให้ต้องมีอะไรที่ใช้ป้องกันตัวได้
เป็นชาวประมงอเมริกาเหนือ ต้ององอาจเข้าไว้!
หลังกัปตันออกคำสั่ง ก็มีคนเอ่ยขึ้นอย่างลังเลว่า “หัวหน้า ระยะมันห่างเกินไปนะครับ วิถีปืนฉีดน้ำพวกเรายิงได้หนึ่งร้อยเมตร แต่ตอนนี้เราอยู่ห่างกันหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรไม่ใช่เหรอครับ?”
กัปตันเคราหนาหัวเราะชั่วร้ายตอบว่า “แล้วยังไงล่ะ? ถ้าพวกมันจะโจมตีเราเดี๋ยวก็เข้ามาใกล้เอง แล้วตอนนั้นเราค่อย…”
เขายังพูดไม่ทันจบก็เห็นแสงระยิบระยับ กัปตันเคราหนานิ่งอึ้ง อ้าปากค้างมองลำน้ำที่เข้ามาใกล้และเป็นประกายขึ้นเรื่อยๆ
อีกฝ่ายยิงปืนฉีดน้ำมาแล้ว!
ยามนั้นเป็นเวลาบ่ายสี่โมงตรง ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำไปทางทิศตะวันตก แสงแดดสะท้อนลำน้ำที่พ่นออกมาเป็นประกายสีทองบางๆ ทั้งดูศักดิ์สิทธิ์และน่าเกรงขาม
ปืนฉีดน้ำนี้ไม่ใช่ปืนใหญ่ ที่พ่นออกมาก็เป็นลำน้ำไม่ใช่ลูกกระสุน ดังมีคำกล่าวว่าธนูที่ขึ้นสายจนสุดจะไม่สามารถเจาะแม้แต่ผ้าแพรบางๆ ได้ ในระยะปลายสุดของสายน้ำก็ไม่ได้แรงพอสังหาร เพียงกระเซ็นเป็นสายน้ำเต็มฟ้า
แต่ความแรงมันก็ไม่ได้น้อยเช่นกัน ทำให้เจ็บเอาการทีเดียว ถึงแรงกระแทกจะลดลงแต่ลองนึกดูว่าการโดนน้ำทะเลกระแทกลงมาใส่ทุกวินาทีบนตัว มันก็ยังเจ็บอยู่ดี
โดยเฉพาะเรือกำปั่นทะเลที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมความแรงของน้ำที่เพิ่มขึ้นตามระยะทางที่ร่นลง
ลำน้ำยักษ์ที่สาดใส่บนเรือประมง ทำกลุ่มลูกเรือล้มลุกคลุกคลานไปตามๆ กัน กล้องส่องทางไกลที่เคยอยู่ในมือกัปตันก็หายไปไหนแล้วไม่ทราบ เขาอ้าปากจะพูดแต่ลำน้ำก็ขัดขวาง ทันทีที่เปิดปากน้ำเค็มของทะเลก็พาลเข้าปากตลอด
ปืนใหญ่กระบอกหนึ่งยิงได้ 3200 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และตอนนี้ดันมีปืนสองกระบอกยิงมาพร้อมกัน ย่อมไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว!
เหล่าชาวประมงบนเรือคริสโตเฟอร์โดนลำน้ำอัดใส่เสียจนเหมือนสุนัข ถ้าไม่วิ่งวุ่นก็ไปหลบกัน การยิงถล่มของปืนใหญ่สองกระบอกนี้ ควรเรียกว่ากลยุทธ์โจมตีไร้จุดอับ!
กัปตันเคราหนาวิ่งหัวซุกหัวซุนไปยังห้องบังคับการ ใช้เสื้อลูกเรือเช็ดหน้าลวกๆ ก่อนจะตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “สู้กลับสิ แค่ก ช่วยฉัน แค่ก ช่วยฉันสู้กลับหน่อย! ปืนเรา แค่ก ปืนฉีดน้ำพวกเราล่ะ? แค่กแค่กแค่ก…”
เพราะกลืนน้ำทะเลเข้าไปเยอะ กัปตันเคราหนาเลยคลื่นไส้จะแย่แล้ว พอจะพูดสุดท้ายก็ทำได้แค่อาเจียนลงพื้นเท่านั้น
เหล่าลูกเรือมองหน้ากัน ใครจะหาทางไปสู้กลับได้ เพราะปืนฝั่งนั้นยิงมาจากระยะไกล พวกเขาไม่มีทางยิงถึงแน่ ต่อให้ทำไปก็มีแต่จะเปลืองดีเซลเปล่าๆ
แถมด้านนอกก็ยังยิงลำน้ำมารัวๆ ใครจะกล้าออกไปคุมปืนหลักกัน?
กัปตันเคราหนาเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี เขารู้ว่าวันนี้คงเจอตอเข้าแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะดันทุรังต่อ เรือฝ่ายนั้นเข้ามาใกล้แล้ว และยังสามารถทำสงครามยืดเยื้อกับเขาได้แบบนี้ ไม่เหมือนกับเฮลิคอปเตอร์ที่แค่มาวนรอบหนึ่งแล้วกลับไป
พลันวิทยุก็เปิดขึ้นพร้อมเสียงตะคอก “พวก ก่อนฟ้ามืดนะ ก่อนฟ้าจะมืดนายต้องออกไปให้พ้นน่านน้ำฉันซะ! ไม่ใช่แค่ฟาร์มปลาฉันนะ ถ้ายังมาให้ฉันเห็นหน้าล่ะก็! เชื่อเถอะว่าฉันยังมีไม้เด็ดซ่อนไว้อีก!”
ภายในห้องบังคับการเรือกำปั่นทะเลตะวันออก บูลหันไปมองฉินสือโอว “กัปตัน เสียงผมทรงพลังพอไหมครับ?”
ฉินสือโอวลูบคาง ตอบว่า “ไม่เลว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของหมอนั่นแล้ว ถ้าแบบนี้ยังขู่เขาไม่ได้ คงต้องให้เรือกำปั่นทะเลตะวันตกคอยคุ้มกันไว้ ส่วนพวกเราจะขึ้นไปยิงมิสไซล์กันไฟใส่ให้ตายไปเลย!”
ทั้งที่แค่ออกมาตกปลาไม่ได้จะมาสู้แท้ๆ คนบนเรือคริสโตเฟอร์ไม่ได้คิดจะคร่าชีวิตใคร ที่จริงปกติจะใช้วิธีแอบเข้ามาขโมยปลาเงียบๆ แล้วค่อยหนีเมื่อถูกเจอ เรือลำนี้ก็แค่แข็งนอกอ่อนในใช่ปืนสุญญากาศมาขู่ฉินสือโอวเท่านั้น
เดิมกัปตันเคราหนาตั้งใจจะเสี่ยงชีวิตสู้ตอบ แต่พวกลูกเรือไม่เห็นด้วย พวกเขายังต้องเลี้ยงดูครอบครัวถ้าเกิดตายขึ้นมาคงอนาถเกินไป
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ เรือคริสโตเฟอร์จึงได้แต่เร่งความเร็วหนี โดยไม่ทันได้เก็บอวน แต่ทำยังไงได้ ค่อยว่ากันตอนจ่ายค่าน้ำมันก็แล้วกัน
เรือแกนนำอย่างคริสโตเฟอร์ยังถอยไป เรือประมงที่เล็กกว่าทั้งสี่ลำจะกล้าอยู่ต่อได้อย่างไร?
ก็ต้องรีบหนีให้ไวที่สุดสิ ไม่อยู่แล้ว!
อีกครั้งที่เรือหัวขโมยล่าถอยไป แต่ฉินกลับไม่สบายใจ เขายืนบนดาดฟ้าเรือมองอาทิตย์อัสดงด้วยความกลัดกลุ้ม
ให้ตายเถอะ ทำไมฝ่ายการประมงแคนาดาถึงไม่ทำแบบที่จีนกันนะ อย่างการห้ามจับปลาระยะยาว? แล้วจะสั่งห้ามนานแค่ไหน จะสิ้นสุดเมื่อไร?
การจัดการประมงของแคนาดากับจีนนั้นจะไม่เหมือนกัน ที่จีนจะกำหนดระบบสั่งห้ามการจับปลาไว้ แต่ของแคนาดานั้นขึ้นอยู่กับระบบTACเป็นหลัก แน่นอนว่ามันก็คือระบบการจัดการประมงเชิงวิทยาศาสตร์แบบหนึ่งนั่นเอง
ชื่อเต็มของระบบTACคือ Total Allowable Catches แปลว่าปริมาณที่อนุญาตให้จับได้ เป็นระบบการจัดการประมงที่ค่อนข้างละเอียด
การใช้งานระบบห้ามจับปลานั้นค่อนข้างง่าย แค่กำหนดตำแหน่งและช่วงเวลาให้ชัดเจนก็พอ สิ่งที่ต้องจัดการเป็นหลักคือพวกเรือประมงอุปกรณ์จับปลาของท่าเรือ การตรวจสอบการขโมยปลาในทะเล รวมถึงการสั่งห้ามจับปลาของท่าเรือและตลาด
วิธีจัดการแบบนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นฟูทรัพยากรทางประมงและอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในทะเล
ระบบTACนอกจากเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งมีชีวิตในทะเลแล้ว ยังเพื่อพัฒนาส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับพวกชาวประมงด้วย
และมุ่งเน้นกำหนดปริมาณการจับผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของแต่ละสายพันธุ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เท่านี้ฝ่ายประมงแคนาดาก็ตั้งกฎปริมาณการจับกุ้งล็อบสเตอร์ ปูหิมะ ปลาซาบะ แมคเคอเรล ปลาค็อดที่แน่นอนได้
พูดง่ายๆ คือ ระบบห้ามจับปลาคือการสั่งห้ามทีเดียว ไม่มีเวลาที่แน่นอน ส่วนระบบTACจะละเอียดขึ้นมาหน่อย มีการกำหนดช่วงเวลาจับสัตว์ทะเลอะไรได้บ้างจับได้แค่ไหน
แต่แคนาดามักสั่งห้ามแค่ช่วงสั้นๆ อาทิตย์เดียว ด้วยเหตุนี้ถึงได้มีเรือประมงเข้ามาจับปลาในฟาร์มประมงเราอีก เหมือนยินดีเปิดต้อนรับให้พวกเขาเข้ามาขโมยปลาได้นั่นเอง
ฉินสือโอวล่ะปวดหัว!
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset