ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 681 งูเหลือมทะเลยังใหญ่ขึ้นอีก

แม้ปลาบรู๊ก ซิลเวอร์ไซด์จะไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย แต่รสชาติก็ไม่เลว เนื้อปลาเนียนละเอียด ดูจากที่มันบิดตัวกระโดดดิ้นไปมาได้ขนาดนั้น ถ้าเนื้อหนาหยาบคงไม่มีทางทำได้
ถึงปลาส่วนใหญ่จะกระโดดลงน้ำกันได้ แต่ชายฝั่งทะเลนั้นอยู่ไกลมาก มีบางส่วนที่นิ่งไปแล้วระหว่างทาง ฉินสือโอวให้พวกชาวประมงที่ตื่นมาแต่ละคนเอากลับไป ถ้ากินไม่ได้ก็ขาย
พวกชาร์คพากันสงสัยชายผู้อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารอย่างฉินสือโอวไม่สนใจกินได้ยังไง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาย่อมเก็บปลาทุกตัวไปด้วยความยินดีแน่
เหตุผลนั้นง่ายมาก ตอนนี้ฉินสือโอวกำลังร้อนใจอยากไปดูปะการังน้ำลึกนั้นมากกว่าไงล่ะ
เขาดึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนขึ้นมาเหนือน้ำดู สถานที่ตั้งอยู่น่านน้ำฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเล็กๆ ลักษณะของเกาะประมาณยี่สิบกว่ากิโลเมตร น้ำสะอาดแต่ขาดสาหร่าย ไม่เหมาะให้สิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ แต่เหมาะสำหรับโพลิปปะการังน้ำลึก
พอมองปะการังอย่างละเอียด ฉินสือโอวก็ถอนหายใจด้วยความพอใจ สิ่งนี้ไม่ได้เป็นของมีราคา ถึงมีแต่ก็เอาไปขายไม่ได้อยู่ดี ประเด็นคือมันสวย รู้สึกสุขใจถ้าได้มาครอบครอง
เพื่อไม่ให้ตัวอะไรก็ตามในทะเลมาทำลายปะการัง ฉินสือโอวจึงรวบรวมงูเหลือมมาเฝ้าไว้โดยเฉพาะ
พวกงูเหลือมทะเลอาศัยอยู่ที่ป่าสาหร่ายสีน้ำตาลแบบเรียกได้ว่าอิ่มหมีพีมัน สาหร่ายสีน้ำตาลมีปลาพระอาทิตย์และแพลงก์ตอนมหาศาลทำให้ดึงดูดปลาจำนวนมากเข้ามาใกล้ ทุกวันพวกงูเหลือมต้องมาคิดว่าจะกินปลาตัวนี้ดีไหมนะ หรือตัวนี้ดี หรือว่ากินตัวอื่นดีนะ…
พอฉินสือโอวเห็นพวกมันอีกครั้งก็สะดุ้ง งูเหลือมบ้าอะไรมันตัวใหญ่ขนาดนี้ได้? ตัวหัวหน้าพี่ใหญ่ก็ยาวยี่สิบเมตรแล้ว ถ้าบอกว่ามันหนาพอๆ กับถังน้ำก็ไม่ได้เกินจริงเลย นี่มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปโดยสมบูรณ์แล้ว!
ทันทีที่สัมผัสถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอนได้ พวกงูเหลือมทะเลก็รุมแย่งกันเข้ามาหา เหมือนนางสนมวังหลังผู้อ้างว้างได้เจอพระมาโปรดแล้วหลงรักเขาสุดหัวใจ
ฉินสือโอวไม่กล้าให้พลังโพไซดอนพวกมันเพิ่มแล้ว ยี่สิบเมตรยังพอรับได้ แต่ถ้ายาวห้าสิบเมตรนี่คงต้องให้กองทัพเรือมาล้อมปราบแล้ว!
แต่คิดดูอีกที ตัวเขาที่มัวแต่ใช้ชีวิตเลี้ยงปลาค็อดห่วงสันติภาพของโลก งูเหลือมยาวสักห้าสิบเมตรแล้วยังไงล่ะ นั่นก็เพราะพลังตัวเองไม่ใช่เหรอ ให้พวกมันไปหลบในน้ำลึกก็ได้นี่นา?
งูเหลือมน่าจะกลายเป็นกองกำลังที่ใหญ่ที่สุดของเขาได้ จากนั้นเวลาเกิดอะไรขึ้น ก็สามารถพึ่งพวกมันให้มาช่วยป้องกันในทะเลได้
แม้เขาจะเชื่อว่าด้วยอำนาจแห่งเทคโนโลยี ฝูงงูพวกนี้คงกลายเป็นแค่กองทัพกระจอกไป…
คิดสักพัก ฉินสือโอวก็ส่งพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งให้พวกงูเหลือม
ด้วยเหตุผลบางอย่าง งูเหลือมพวกนี้กลับนำพลังไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าสัตว์ตัวอื่นๆ กล่าวคือ งูเหลือมทะเลดูดซับพลังโพไซดอนไปไว้ที่ตัวแทนที่จะเป็นสมอง ไม่เหมือนพวกบอลหิมะเลย
หรือว่า สัตว์เลื้อยคลานจะไม่มีสมอง?
หลังส่งพลังให้งูเหลือมทะเลเรียบร้อย ฉินสือโอวก็พาไปทางทะเลลึก โดยปล่อยให้พวกมันนำทาง
งูเหลือมอยู่ในน้ำลึกนานไม่ได้เพราะแรงดันน้ำ หลังบอกทางพวกมันแล้วเขาก็ให้พวกมันเปลี่ยนกะกันมาทำหน้าที่
พอพาฝูงมาว่ายน้ำเล่น ฉินสือโอวดันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนรวยยุคเก่าที่พาลูกน้องมาเดินเที่ยวข่มขวัญชาวบ้านบนถนนเลย ไม่ว่าจะปลาค็อด ปลาโอแถบ ปลากระโทงร่ม ปลาใหญ่ปลาเล็กก็พร้อมใจกันแหวกทาง…ไม่สิ คุกเข่าคำนับเขาต่างหาก!
ฉลามขาวเฮยป้าหวังที่สัมผัสถึงฉินสือโอวได้ก็เข้ามาทำตัวบ้องแบ๊วใส่ โดยการแลบลิ้นเลียหน้าตัวเอง ต่อให้มองจากระยะไกลก็ยังรู้สึกว่ามันไม่เข้าอยู่ดี เจ้าบ้า ทั้งฝูงนี่ยังทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากกว่านายเยอะเลย เล่นบ้าอะไรเนี่ย?
เฮยป้าหวังหันหัวว่ายไปทางน้ำลึกทันที โดยไม่สนใจตามการล่อลวงของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแบบตัวอื่น พวกงูเหลือมที่หวาดกลัวต่างรีบว่ายให้เร็วขึ้นกลัวโดนจับ…
ฉินสือโอวแอบด่าไอ้เด็กขี้ขลาด แม่นายเป็นถึงนักรบงูเหลือมที่กล้าหาญเชียวนะ สู้เก่งแต่ดันไม่มีสมองกัน เฮยป้าหวังนี่ก็ฉลาดเกินไปบางทีเลยไม่ค่อยฟังคำพูดเขา
หลังจัดการปัญหาเรื่องการป้องกันปะการังเสร็จ ฉินสือโอวก็เก็บจิตสำนึกแห่งโพไซดอนคืน เดินเอื่อยๆ กลับไปเตรียมอาหารเช้า
กลุ่มเด็กพาวเวลกำลังเล่นตู้เครื่องดื่มกันอยู่ พอเห็นฉินสือโอวเชอร์ลี่ย์ก็ตะโกนว่า “ฉิน คุณอยากดื่มอะไรไหมคะ?”
“ฉันขอนมสดแก้วหนึ่งแล้วกัน” ฉินสือโอวหัวเราะ มีตู้เครื่องดื่มก็ไม่เลว พวกเด็กๆ จะได้ตื่นเช้าขึ้นมาเล่นก่อนไปเรียนทุกเช้า
ไม่นานเชอร์ลี่ย์ก็ถือเหยือกเบียร์มาให้ ฉินสือโอวกะพริบตาปริบๆ นี่มันนมสดเหรอ? ทำไมถึงแดงขนาดนี้?
“แน่นอนว่ามันไม่ใช่นมค่ะ พวกเราเป็นตู้เครื่องดื่ม ทำแค่นมเฉยๆ มันก็ไม่ท้าทายสิคะ นี่คือนมผลไม้ ใช้องุ่นดำ ลองชิมดูสิคะ อร่อยนะ”
ฉินสือโอวยกจิบอึกหนึ่งก่อนจุ๊ปาก “เย็นไปหน่อยนะสาวน้อย”
“หนูให้น้ำแข็งคุณสี่ก้อนเลยค่ะ!”
“น่ารักจริงๆ!”
หลังกินข้าวเสร็จ เชอร์ลี่ย์ถามวินนี่อย่างคาดหวัง “พี่คะ พี่จะเอาเครื่องดื่มแก้วหนึ่งด้วยไหมคะ?”
วินนี่ยิ้มตอบ “ที่รัก ตอนเช้าไม่ควรดื่มของเย็นจัดนะ พวกเรามาดื่มนมอุ่นด้วยกันดีกว่าไหม?”
โลลิต้า “งั้นเดี๋ยวหนูทำแบบเย็นให้แล้วค่อยเอาไปอุ่นได้ไหมคะ?”
วินนี่บีบๆ เนื้อแก้มโลลิต้า ตอบยิ้มๆ “ก็ได้จ้ะ เอานมแบบไม่มีไขมันนะ”
สาวน้อยโลลิต้าวิ่งแท่ดๆๆ ออกไป  และวิ่งแท่ดๆๆ กลับมาอย่างรวดเร็ว ส่งแก้วเครื่องดื่มสีส้มอ่อนให้
วินนี่กำลังจะถาม ฉินสือโอวก็ช่วยตอบแทนเชอร์ลี่ย์ “นมเฉยๆ มันไม่ท้าทาย นี่คือนมผลไม้ ฉันทายว่าเป็นรสส้ม”
“ไม่ใช่ค่ะ เป็นรสสับปะรดต่างหาก!” โลลิต้าค้าน
ปอหลัวที่กำลังก้มหน้ากินสาหร่ายจีฉ่ายได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง ก็เงยหน้าขึ้นมองโลลิต้าอย่างกระตือรือร้น มีอะไรอร่อยๆ ให้กินเหรอ?
วินนี่เอาไปอุ่นในไมโครเวฟ พอเอาออกมาก็ทำหน้างุนงง “ทำไมมันไม่อุ่นล่ะ? ไมโครเวฟเสียแล้วเหรอ?”
สาวน้อยโลลิต้าทำท่าภูมิใจมาก “หนูใส่น้ำแข็งให้คุณด้วยค่ะ แปดก้อน!”
ฉินสือโอว “…”
หลังส่งพวกเด็กๆ ขึ้นรถบัสต่างชาติไปเรียน ขณะฉินสือโอวกำลังจะเดินกลับ เจี้ยนผานโฮ่วก็ขับรถเข้ามาที่ฟาร์มปลา แล้วเดินมาอย่างหดหู่
“นายไม่ไปทำงานเหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ
เจี้ยนผานโฮ่วตอบน้ำเสียงทั้งหมดอาลัยตายอยาก “น้องชายภรรยาผมช่วยดูแทนให้แล้ว”
ประโยคนี้ทำฉินสือโอวสับสนงุนงงมาก น้องชายภรรยา? ดูแทนเขา? ดูอะไร?
เจี้ยนผานโฮ่วถอนหายใจ “ก็หวงเฮ่าเจียไงครับ คุณเพื่อน เขาก็เป็นน้องชายผมเหมือนกัน”
เห็นฉินสือโอวยังไม่หายงุนงง เขาจึงเอ่ยเสริม “ก็เรียกไว้ล่วงหน้าก่อน ผมจะแต่งงานกับพี่สาวเขา เขาก็ต้องเป็นน้องภรรยาผมไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เขาจะดูร้านยังไง? นั่นมันร้านขายปืนนะเพื่อน! เขาจะไปทำอะไรได้เล่า?”
เจี้ยนผานโฮ่วอธิบาย “พี่พอลก็อยู่ แล้วน้องเขาก็กำลังลองงาน เขาก็ฝันอยากจะมาทำงานที่ร้านปืนเหมือนกัน พี่พอลแกเลยให้ลองดู”ฉินสือโอวรู้สึกว่าเรื่องมันชักยุ่งเหยิงไปใหญ่แล้ว เขาโบกมือเอ่ยว่า “พูดให้มันรู้เรื่องหน่อยสิ!”
เจี้ยนผานโฮ่วถอนหายใจ พูดเศร้าๆ “เฮีย ช่วงนี้ความเป็นเหตุเป็นผลของผมมันไม่ค่อยดีเท่าไร สมองก็เหมือนจะเริ่มเลอะเลือน…”
“ฉันก็มองออกอยู่” ฉินสือโอวมองเขาด้วยความสมเพช
เจี้ยนผานโฮ่วถอนหายใจต่อ “ผมกำลังมีความรัก…”
“รักข้างเดียวต่างหาก!” ฉินสือโอวยิ่งสมเพชกว่าเดิม
…………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset