ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 701 สัมมนาเจ้าของฟาร์ม

“เจ้านี่เป็นทนาย?” ฉินสือโอวถามเหมาเหว่ยหลง
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้า “อืม ได้ข่าวมาว่ามีชื่อเสียงมากในควิเบก เขาไม่ใช่แค่ทนายเท่านั้น ยังมีสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งด้วย ชื่อว่า ‘อิงลิชซาวด์’ อะไรนี่แหละ มีอิทธิพลนิดหน่อยในวงการกฎหมายที่ควิเบก
ฉินสือโอวแค่นหัวเราะ ด้านนี้เขาต้องขอคำชี้แนะจากเออร์บักจึงโทรไปเล่าเรื่องลากร็องฌ์ให้ฟัง
เออร์บักได้ยินชื่อนี้ก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ลากร็องฌ์คนดื้อด้านนั่นน่ะเหรอ อันธพาลชาวอังกฤษคนหนึ่ง นายไปมีเรื่องกับเขาได้ไง? อย่าไปยุ่งกับเขานะ เขามันไม่ใช่คนดีอะไรแถมยังเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติรุนแรงอีกด้วย!”
แบบนี้ฉินสือโอวก็เข้าใจแล้ว มิน่าล่ะไอ้งั่งลากร็องฌ์ถึงวิ่งมาหาเรื่องถึงที่ ที่แท้ก็ไม่เกี่ยวกับปาร์ตี้ ที่จริงเขาคงจะไม่ชอบขี้หน้าคนผิวเหลืองอย่างเหมาเหว่ยหลงเสียมากกว่า
ฉินสือโอวให้เหมาเหว่ยหลงโทรหาหลัวจื้อเวยเจ้าของฟาร์มคนก่อน ทีแรกหลัวจื้อเวยคุยดีมาก แต่พอได้ยินชื่อลากร็องฌ์เสียงก็หงอยไป หลังจากนั้นก็ยอมรับว่าสาเหตุที่ขายฟาร์มก็มีความเกี่ยวข้องกับเพื่อนบ้านคนนี้
ลากร็องฌ์ซื้อฟาร์มติดกันนี้เมื่อต้นปีที่แล้ว อย่างที่เออร์บักบอก เขาเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ พอหลังจากที่รู้ว่าเพื่อนบ้านเป็นคนผิวเหลือง ไอ้บ้านั่นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เริ่มจากไปหาเรื่องเจ้าของฟาร์มคนก่อนที่ขายฟาร์มให้เขา หลังจากนั้นก็หาเรื่องฟาร์มมาเธอร์เอิร์ธมาตลอด
หลัวจื้อเวยอยากกลับประเทศ และอีกอย่างก็ทนพฤติกรรมของลากร็องฌ์ไม่ไหวจึงตัดสินใจขายฟาร์มในราคาถูก เหมาเหว่ยหลงที่ซวยเลยได้ราคาดี
พอทำความเข้าใจแล้วว่าเรื่องเป็นอย่างไรมาอย่างไร ฉินสือโอวก็คิดหาวิธีรับมือกับไอ้บ้านี่ เขาคุยบางอย่างกับคุณตำรวจแล้วไปหาที่เงียบๆ คุยกับลากร็องฌ์
ลากร็องฌ์มองฉินสือโอวด้วยสีหน้าบูดบึ้งแล้วแค่นเสียงพูด “ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ? สายไปแล้ว…”
“หุบปากซะไอ้งั่ง ฉันมาเพื่อบอกแก รีบขายฟาร์มบ้าๆ ของแกไปซะ อย่ามาใกล้เพื่อนฉันมากเกินไป เข้าใจไหม?” ฉินสือโอวพูดแทรกเขา พูดไปก็ล้วงเอาบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสออกมาจากกระเป๋าเงินแล้วยื่นให้เขาไปด้วย
“ดูภาพบนนั้นเสียก่อน ต้องให้ฉันช่วยส่องไฟให้ด้วยไหม? เห็นชัดหรือยังว่าเป็นรูปของใคร? แกคิดว่าแกมีสำนักงานกฎหมายก็แจ๋วมากใช่ไหม? เชื่อไหม ฉันมีเป็นร้อยวิธีที่จะทำให้แกล้มละลาย? ฉินสือโอวเริ่มคุยโว อย่างไรการโม้ก็ไม่ต้องเสียเงิน
ลากร็องฌ์จัดการปัญหาให้คนรวยโดยเฉพาะ ฉะนั้นเขาเข้าใจถึงพลังของคนรวยดี ถ้าเป็นคนรวยผิวขาวที่โชว์ของพวกนี้เขาต้องถอยแน่นอน ความจริงแล้วทนายก็เป็นนักเจรจา ไม่ชอบการหักดิบกับคู่ต่อสู้เป็นที่สุด
แต่คนผิวเหลืองไม่ได้ผล เขาไม่ถอยให้คนผิวเหลืองแน่
ฉินสือโอวมีวิธีมากมาย นี่เป็นเวลาที่ต้องใช้คอนเนคชั่นแล้ว ก่อนหน้าเขาโทรหาเออร์บัก บิลลี่ เบลคกับแบรนดอน บอกพวกเขาว่ามีเรื่องกับลากร็องฌ์ให้พวกเขาช่วยหาวิธีจัดการหมอนั่นหน่อย
ที่จริงฉินสือโอวก็ไม่อยากหาเรื่อง ถ้าลากร็องฌ์ขอโทษแล้วจากไปงั้นเรื่องก็จบตรงนี้ แต่เขารู้ดีว่าไม่มีทาง คนเหยียดเชื้อชาติอย่างลากร็องฌ์ต้องได้รับบทเรียนโหดๆ สักหน่อย ให้เขารู้ว่าคนผิวเหลืองไม่ได้รังแกกันได้ง่ายๆ  เขาถึงจะหายบ้าบ้าง
ตอนที่ใช้คอนเนคชั่นพวกนี้ ฉินสือโอวถึงรู้ว่าคอนเนคชั่นของเขายังไม่กว้างขวางพอ ต่อไปเขาจะมัวแต่หลบอยู่ในมุมไม่ได้แล้ว ต้องกระตือรือร้นที่จะออกไป ต้องขยายแวดวงเพื่อนของตัวเองออกไป
เพียงแต่ครั้งนี้คนที่ฉินสือโอวติดต่อหาก็มีแต่คนที่สนิทมากพอ พอได้ข่าวจากเขา คนพวกนี้ก็เริ่มใช้คอนเนคชั่นของตัวเองเริ่มหาเพื่อนให้ช่วย
ในไม่ช้า มือถือของลากร็องฌ์ก็ดังขึ้น พอเขารับสายสีหน้าก็เปลี่ยนไปแล้วอธิบายบางอย่างเสียงเบา
ฉินสือโอวจับมือกับตำรวจคนนั้น จากนั้นก็บอกเหมาเหว่ยหลงว่าทุกอย่างเรียบร้อย เหมาเหว่ยหลงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันเตรียมจะโทรหาพี่ไห่อยู่แล้ว เขามีเพื่อนเยอะที่ออนแทรีโอกับควิเบก”
ลากร็องฌ์รับสายติดๆ กันหลายรอบ หลังจากนั้นก็ทำหน้าหงอยบอกกับตำรวจว่ายอมรับการไกล่เกลี่ยทางแพ่ง จากนั้นก็จ้องมาทางฉินสือโอวและคนอื่นๆ อย่างเคียดแค้นเสร็จแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป
ฉินสือโอวขมวดคิ้ว ไอ้เจ้านี้ดูจะยังไม่ยอม งั้นก็สู้กันทางกฎหมายต่อไป มาดูว่าใครจะเก่งกว่ากัน
เหมาเหว่ยหลงดึงตัวเขาไว้แล้วพูดขึ้น “ช่างเถอะๆ ก็ถือเสียว่าคืนนี้ได้ดูเรื่องสนุกๆ ไม่จำเป็นจะต้องให้เขาชดใช้ให้ได้”
ฉินสือโอวพูดอย่างหัวเสีย “แกกลายเป็นคนดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? คนแบบนี้ก็ต้องจัดการมันสักหน่อย เรื่องอะไรที่มันมาป่วนปาร์ตี้เราแล้วจะกลับไปได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรเลย?”
เหมาเหว่ยหลงพูดยิ้มๆ “ฉันมันคนดีมาตลอดอยู่แล้ว แกคิดว่าลูกหลานขุนนางทุกคนจะชอบหาเรื่องหรืออย่างไร? เอาเถอะ กินบาร์บีคิวกับเบียร์ของเราต่อเถอะ เขาก็ได้รับการลงโทษแล้ว ฉันเห็นเบิร์ดจัดการเขาไม่เบา”
เบิร์ดยักไหล่แล้วพูดอย่างรำคาญ “รู้อย่างนี้ ผมหักแขนเขาไปตั้งนานแล้ว”
จอห์นพูคุยกับตำรวจสองสามคำ พอไม่มีอะไรแล้วตำรวจคนนั้นก็กลับไป เหมาเหว่ยหลงเชิญให้เขาอยู่ปาร์ตี้ด้วยกัน ตำรวจตอบยิ้มๆ ว่าเขายังต้องเข้าเวรจำเป็นต้องกลับไป เพียงแต่ตอนที่กลับไปก็เอาเบียร์ขวดหนึ่งกับเนื้อย่างสองสามไม้ไปด้วย
การกลับไปของลากร็องฌ์ทำให้ปาร์ตี้กลับมาครื้นเครงอีกครั้ง คนเป็นแถบมองดูฉินสือโอวอย่างแปลกใจ จอห์นพูเองยังเดินเข้ามาพูดโดยเฉพาะ “ชาวจีนเพื่อนรัก นายเป็นคนเดียวที่ฉันเคยเจอที่จัดการลากร็องฌ์ได้ ไอ้บ้านั่นน่ะ ฉันทนมันมานานแล้ว!”
นิสัยของคนจีนค่อนข้างถ่อมตัว ก่อนหน้านี้ที่เหมาเหว่ยหลงแนะนำฉินสือโอวก็บอกว่าเป็นเพื่อนของเขา ไม่ได้พูดถึงผลงานความสำเร็จของเขา ตอนนี้จอห์นพูและคนอื่นๆ แปลกใจ เขาก็เล่าออกมาสองสามเรื่อง อย่างเช่นเป็นเจ้าของฟาร์มปลาที่ใหญ่ที่สุดในนิวฟันด์แลนด์ อย่างเช่นการกู้ภัยทางทะเลในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์
“โอ้ พระเจ้า คุณก็คือกัปตันวีรบุรุษที่ช่วยชีวิตคนหลักร้อยคนนั้นน่ะเหรอ? ตัวแทนของพระเจ้า? ฉันก็ว่าฉันคุ้นหน้า!” คนหนุ่มผิวขาวคนหนึ่งพูดอย่างประหลาดใจ
คาดราแมนหัวเราะพลางพูดไปด้วย “ฟอร์ด นายกำลังล้อเล่นเหรอ นายรู้สึกคุ้นหน้าเขา? นายบอกกับฉันว่าคนผิวเหลืองเหมือนจะหน้าตาเหมือนๆ กันหมดไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดนี้ออกจะเหยียดเชื้อชาติไปสักหน่อย แต่จะเคร่งมากก็ไม่ได้ ที่จริงนี่ก็เป็นประเด็นในสังคม ระหว่างเชื้อชาติมักจะมีภาวะไม่รู้ใบหน้า คนผิวเหลืองดูคนผิวขาวกับผิวดำก็จะรู้สึกว่าหน้าตาคล้ายๆ กัน เว้นแต่ว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยมากๆ
พอตัวตนของฉินสือโอวถูกเผย เขาก็กลายเป็นดาวเด่นของงาน คนพากันขอเขาถ่ายรูปคู่แล้วอัปลงทวิตเตอร์ของตัวเองกันเป็นแถว แม้ว่าเรื่องที่เรือฮาวิซทช่วยคนไว้จะผ่านไปนานแล้ว แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องยังไม่จบลง ตอนนี้ฉินสือโอวมีชื่อเสียงมากๆ เลย
ปาร์ตี้จบลงอย่างมีความสุข เหมาเหว่ยหลงเริ่มเข้ากับเพื่อนบ้านได้บ้างแล้ว อย่างน้อยๆ ก็รู้พวกชื่อ และงานอดิเรกของกันและกัน
ก่อนที่คาดราแมนจะกลับ เขาบอกเหมาเหว่ยหลงว่าพรุ่งนี้จะมีงานสัมมนาเกษตรกรในเมืองที่จะจัดทุกครึ่งเดือนพอดีแล้วเชื้อเชิญให้เขาไปเข้าร่วมด้วย
“ถ้าฉินสนใจ พวกเราก็ยินดี ฉันจำได้ว่าตอนที่กินเหล้ากันนายบอกว่านายก็สนใจฟาร์มเกษตรกับปศุสัตว์ไม่ใช่เหรอ?” จอห์นพูกับเขาจับมือกัน ตอนที่แยกกันก็ออกปากเชื้อเชิญอีก
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset