ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 702 มิสเตอร์กูสผู้กล้าหาญ

เหมาเหว่ยหลงรู้ว่าฉินสือโอวก็สนใจเรื่องทำฟาร์มเกษตรก็เลยพูดตอนเก็บของว่า “พรุ่งนี้ไปร่วมสัมมนาเกษตรกรที่เมืองเอเมอรัลด์ด้วยกันไหม? แกก็มาสัมผัสวงการนี้มากๆ จะได้เข้าใจอะไรเยอะๆ”
ฉินสือโอวอย่างไรก็ได้ อย่างไรเสียช่วงนี้นอกจากร่วมทัวร์ท่องเที่ยวเยี่ยมชมสำหรับเจ้าของฟาร์มประมงเขาก็ไม่มีเรื่องอื่นต้องทำ
น่าเสียดายที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ วันที่สองตอนเช้าเขาก็ต้องรีบกลับไป ที่บ้านมีโทรศัพท์มา “เต่ามะเฟืองวางไข่ที่ฟาร์มปลาแล้ว!”
เต่ามะเฟืองไม่ค่อยมีบทบาทอะไรในฟาร์มปลา มูลค่าทางเศรษฐกิจก็ไม่สูง แต่มีความสำคัญมากกับระบบนิเวศทางทะเล พวกมันเป็นสัตว์ไม่กี่ชนิดที่สามารถควบคุมการขยายพันธุ์อย่างบ้าคลั่งของแมงกะพรุนได้ พวกมันก็เป็นลูกของท้องทะเล
ที่ฉินสือโอวคุ้มครองเต่ามะเฟืองมาจากมุมมองการทำประโยชน์ให้สาธารณะทั้งนั้น หลังจากนั้นพอมีอุดมการณ์อยากเป็นโพไซดอน ก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งนี้สำคัญ
เหล่าชาวประมงรู้ดีถึงความหวงแหนที่ฉินสือโอวมีต่อเต่ามะเฟือง ดังนั้นขอแค่เต่ามะเฟืองมีปัญหาอะไรก็จะมารายงานให้เขารู้ทันที และเรื่องวางไข่แน่นอนว่าเป็นเรื่องสำคัญของเรื่องสำคัญ เพราะฉินสือโอวเคยพูดไว้ว่าดูเหมือนเต่ามะเฟืองจะไม่ชอบวางไข่ในฟาร์มปลา
พอรู้ว่าในที่สุดเต่ามะเฟืองก็วางไข่ในฟาร์มปลา ฉินสือโอวก็ดีใจยกใหญ่ ตัดสินใจกลับไปดูทันที
ปีที่แล้ว ฉินสือโอวจำกัดให้เต่ามะเฟืองอยู่แต่ในเขตฟาร์มปลา ปรากฏว่าเจ้าพวกนี้กลับหยุดการวางไข่
ก็เข้าใจได้อยู่ สิ่งมีชีวิตในธรรมชาติสามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องตัวเอง อย่างเช่นงายาวของช้างแอฟริกาที่มักจะนำพาความตายมาสู่พวกมัน ตอนนี้งาของลูกช้างก็ไม่ค่อยยาวแล้ว
แล้วก็อย่างขนละมั่งที่เป็นของมีค่าในการค้าขายขนสัตว์ระหว่างประเทศมาตลอด เพราะแบบนี้ละมั่งถึงถูกตามล่า หลังจากนั้นขนของละมั่งก็ค่อยๆ หยาบขึ้นเรื่อยๆ พวกมันปกป้องตัวเองด้วยวิธีนี้
ฉินสือโอวทายได้ในตอนนั้น เต่ามะเฟืองอาจจะพบว่าตัวเองไปจากฟาร์มปลาไม่ได้ เพื่อที่จะปกป้องไม่ให้ทายาทต้องกลายเป็นทาสเลยปฏิเสธที่จะผสมพันธุ์ ไม่วางไข่ที่ฟาร์มปลา
ตอนนี้ในที่สุดเต่ามะเฟืองก็ยินดีวางไข่ในฟาร์มปลาแล้ว นี่หมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความว่าพวกมันเห็นที่นี่เป็นฐานที่มั่นสำคัญแล้ว นี่เป็นเรื่องดี
จำนวนของเต่ามะเฟืองกำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ ในช่วงยี่สิบปีของปลายศตวรรษที่ยี่สิบจนถึงต้นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลเปลี่ยนไป การทำประมงผิดกฎหมายของชาวประมง มลภาวะทางทะเล และการพัฒนาการท่องเที่ยวท้องถิ่นก็ทำให้จำนวนของมันลดฮวบลงมา 95% แล้ว
ต่อมาเพราะแต่ละประเทศต่างจัดเต่ามะเฟืองเป็นสัตว์คุ้มครอง และคุ้มครองที่อยู่ของพวกมันด้วย แต่มือสังหารใหม่ก็โผล่ขึ้นมาอีก มนุษย์โยนถุงพลาสติกลงทะเล เต่ามะเฟืองสายตาไม่ดีจึงนึกว่าเป็นแมงกะพรุนเลยก็กินเข้าไป ปรากฏว่าย่อยไม่ได้ สุดท้ายก็ลำไส้อุดตันจนตาย
ฉินสือโอวบอกกับเหมาเหว่ยหลง กินข้าวเช้าเสร็จ เขาจะนั่งเฮลิคอปเตอร์กลับไป
พอกลับถึงฟาร์มปลา วินนี่ตั้งใจมารอเขาโดยเฉพาะเลยไม่ได้ไปทำงาน พอเห็นเขากลับมาก็พูดอย่างดีใจว่า “พวกเชอร์ลี่ย์ไปเจอมา ตอนเช้าพวกเขาไปเก็บไข่ไก่ที่บริเวณเพาะเลี้ยงตามปกติ ปรากฏว่าเจอเต่ามะเฟืองขึ้นบกมาวางไข่”
ทุกปีเดือนพฤษภาคมกับมิถุนายนเป็นช่วงวางไข่ ตัวเมียต้องคลานขึ้นหาดจากทะเลมาขุดหลุมวางไข่ การวางไข่มักจะดำเนินในตอนกลางคืน และทำอย่างรอบคอบ ถ้าเจอการรบกวนจากภายนอก พวกมันก็จะกลับลงทะเลทันที
ที่เต่ามะเฟืองในฟาร์มปลาวางไข่ตอนเช้า อาจจะเพราะใช้ชีวิตอยู่ในฟาร์มมาช่วงหนึ่งเลยรู้สึกปลอดภัย ตอนเช้าก็เลยคลานขึ้นหาดมา
การวางไข่ของเต่ามะเฟืองจะทำกันเป็นกลุ่ม มีเต่าตัวเมียตัวหนึ่งนำหน้า ส่วนเต่าตัวเมียตัวอื่นๆ ก็จะคลานขึ้นหาดมาวางไข่ตามๆ กันติดกันหลายวัน
ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่1960 เคยมีเต่ามะเฟืองหนึ่งหมื่นตัวมาพักวางไข่ที่ชายฝั่งตะวันออกคาบสมุทรมลายูเขตลันตาอาบังเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ฉินสือโอวเคยอ่านเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตอนนั้นเป็นปรากฏการณ์เลย ช่วงนั้นหาดทรายกลายเป็นสีดำฟ้า มีแต่เต่าตัวเมียที่ขึ้นหาดมาวางไข่ทั้งนั้น
น่าเสียดายที่ปรากฏการณ์นั้นกลายเป็นตำนาน ตอนนี้เข้าฤดูวางไข่ของเต่ามะเฟืองแล้ว แต่ตามที่กรมประมงมาเลเซียประกาศ ปีนี้ยันวันนี้มีเต่ามะเฟืองแค่สามตัวมาที่เขตลันตาอาบัง แถมไม่มีตัวไหนวางไข่เลย
ถ้าไม่คำนึงถึงเรื่องปัจจัยอันตราย เวลาดีที่สุดที่จะวางไข่จริงๆ คือตอนเที่ยง เพราะไม่ว่าไข่อะไรถ้าจะฟักก็ต้องการอุณหภูมิที่เหมาะสม
หาดทรายในตอนกลางวันอุณหภูมิกำลังดี ไม่สูงเกินไปแต่ก็มีความร้อนที่มากพอ หลังจากที่ไข่เต่าถูกวางลงในทรายก็จะรักษาพลังสูงสุดไว้
เต่ามะเฟืองหนึ่งตัวเฉลี่ยแล้วสามารถวางไข่เต่าได้ร้อยฟองในฤดูวางไข่ แต่อย่างน้อยหนึ่งในสิบส่วนจะฟักตัวไม่ได้ สาเหตุก็คือตอนวางไข่อุณหภูมิไม่เหมาะสมทำให้ตัวอ่อนแข็งตาย
หลังจากที่ฉินสือโอวกลับมาก็ไปที่หาดตรงปากอ่าว ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน ดวงอาทิตย์แผดแสงอยู่จุดสูงสุด อุณหภูมิของทรายลวกเท้านิดหน่อย แต่สำหรับเต่าแล้วนี่เป็นอุณหภูมิเหมาะสมที่จะวางไข่
เต่ามะเฟืองสองสามตัวคลานขึ้นมาบนหาดติดๆ กัน พวกมันขนาดตัวต่างกัน มีความยาวตั้งแต่หนึ่งเมตรไปจนถึงสองเมตรครึ่ง
นอกจากเต่าตัวเมียแล้ว ยังมีเต่าตัวผู้หนึ่งตัวที่ขึ้นหาดมาด้วย นั่นก็คือนิโคลัส กูส
มิสเตอร์กูสลาดตระเวนไปบนหาดด้วยสเต็ปสตรีทแดนซ์ แม้ว่าตอนเดินจะสั่นไปมา แต่ก็เหมาะจะเป็นทหารยาม เพราะหัวของมันหมุนได้ไม่หยุด การเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็รอดสายตามันไปไม่ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเต่าตัวเมียพวกนี้ขึ้นบกมาเตรียมตัววางไข่ พวกมันค่อนข้างจริงจังกับการเลือกจุดวางไข่ ต้องดีต่อการฟักตัวของไข่และจะต้องไม่โดนศัตรูพบและทำลาย
เต่าตัวเมียเจ็ดแปดตัวคลานขึ้นมาตามกันแล้วก็แยกกันไปคนละทาง ต่างหาจุดเหมาะๆ ที่จะวางไข่บนหาด
ฉินสือโอวเห็นว่าพวกมันไม่ยอมขุดหลุมวางไข่เสียทีจึงเข้าใจถึงสาเหตุ เขาพาวินนี่ไปสนามหญ้าด้านหลังเพื่อหาพุ่มไม้ พอถอนออกมาทั้งรากก็เอาไปปลูกสุ่มๆ ที่หาด
อย่างที่คาดไว้ พอเจอพุ่มไม้เหล่าเต่าตัวเมียก็คลานมาอย่างดีอกดีใจ พวกมันใช้ขาหน้าที่ดูเหมือนไม้พายขุดหลุมที่หาดข้างๆ พุ่มไม้ ขุดเป็นหลุมที่ใหญ่มาก ใหญ่ประมาณขนาดตัวพอดีเสร็จแล้วก็ลงไปในหลุมนั้นทั้งตัว
พอลงไปหลบในหลุม เต่าตัวเมียก็จะจ้องไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ขาหลังสลับกันขุดต่อไปเหมือนพลั่ว ขุดหลุมวางไข่ลึกลงไปตรงกับอวัยวะเพศหลังก้น
ตอนนี้เหล่าแม่เต่าจะวางไข่แล้ว
การวางไข่ของเต่าตัวเมียมีข้อพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือก่อนวางไข่พวกมันจะระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษ มีอะไรนิดหน่อยก็จะกลับลงทะเลทันที แต่พอเริ่มวางไข่ ไม่ว่าจะเจอการรบกวนที่แรงแค่ไหน ก็จะไม่สนใจ
เต่าอัลลิเกเตอร์มาสเตอร์ไม่รู้ว่ามาตอนไหน มันก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่ ฉะนั้นก็เลยคุ้นเคยกับทุกอย่าง
มาสเตอร์หมอบอยู่บนหาด ทบทวนชีวิตเต่าที่ผ่านไปไวราวกับฝันไป หลังจากนั้นก็เห็นเต่าตัวเมียที่วางไข่อยู่เลยคลานเข้าไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เหล่าเต่าตัวเมียจ้องมองมาสเตอร์อย่างหวาดๆ แต่ว่ายังวางไข่อยู่ ส่วนนิโคลัส กูสก็เต้นชัฟเฟิลพุ่งเข้ามาอย่างว่องไว และตรงเข้าชนมาสเตอร์อย่างจัง!
ราวกับเรือจื้อหย่วนพุ่งชนเรือโยชิโนะของพวกญี่ปุ่น มิสเตอร์กูสไม่ลังเลสักนิด และพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ!
…………………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset