ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 703 ดีพีเอส

เต่าทะเลไม่เหมือนกับเต่าน้ำจืด ขนาดตัวแทบทั้งหมดจะมีขนาดใหญ่ เต่าที่เล็กที่สุดก็คือเต่ากระ ซึ่งก็ยาวได้ถึงแปดสิบเซนติเมตร น้ำหนักหนักได้ถึงห้าหกสิบกิโลกรัม
เต่ามะเฟืองเป็นเต่ายักษ์ในหมู่เต่า พวกมันตัวใหญ่ที่สุด โตยาวได้ถึงสามสี่เมตร นิโคลัส กูสยาวไม่ถึงสามสี่เมตรแต่ก็ถึงสองเมตรครึ่ง พอมาประจันหน้ากับมาสเตอร์ ถ้าดูจากรูปร่างแล้วมันได้เปรียบอย่างแน่นอน
แต่ถ้าจะตีกันจริงๆ มิสเตอร์กูสไม่ไหวแน่ๆ รูปร่างของเต่าอัลลิเกเตอร์เทียบกับเต่ามะเฟืองไม่ได้จริงๆ แต่ว่าแต่ละตัวก็เป็นนักสู้มีฝีมือ โดยเฉพาะที่วิ่งไล่หมาหมีไปทั่วอย่างมาสเตอร์นี่ยิ่งแหย่ไม่ได้
มิสเตอร์กูสรู้ดี ฉะนั้นเวลาปกติถ้าจะขึ้นบกมาอาบแดด ถ้าเห็นเงาของมาสเตอร์ก็จะกลับลงทะเลทันทีโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ
แต่ครั้งนี้ไม่ได้ เต่าตัวเมียในฝูงมันกำลังวางไข่อยู่ และกำลังสืบทอดสายเลือดของพวกมัน มันไม่อนุญาตให้อะไรมาทำลายทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็เลยเข้าจู่โจมมาสเตอร์ก่อนเพื่อดึงความสนใจของมัน
มิสเตอร์กูสเองก็จู่โจมได้ไว ที่ว่าตัวเล็กพริกขี้หนูก็เป็นเช่นนี้ เผชิญหน้ากับเต่ามะเฟืองตัวโตที่วิ่งพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน มาสเตอร์เหลือบมองมันอย่างใจเย็นทีหนึ่ง ร่างกายกำยำหันขวับไปครึ่งรอบอย่างรวดเร็ว หันตัวได้ก็รีบวิ่งทันที
พริบตาเดียวมิสเตอร์กูสก็คลาดสายตา มาสเตอร์หันหัวมาช้าๆ อ้าปากกว้างที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมเตรียมจู่โจม
ฉินสือโอวพุ่งตามเข้าไปคว้าหางแส้เหล็กของมาสเตอร์ไว้แล้ววิ่งกลับมาอีก มาสเตอร์โดนลากมาอยู่ข้างหลังอย่างหมดอารมณ์สนใจ ท่าทางกลายเป็นเต่าเหงาหงอย
ข้าโลดแล่นอยู่ในฟาร์มปลามาสิบกว่าวัน หู่เป้าฉงหลัวก็กัดมาหมดแล้ว ชนะเต่า นก กวาง กระรอก ในฟาร์มปลายิ่งไม่มีศัตรู ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่แอบในพงหญ้า มีลมเป็นเพื่อน โอ้โห ข้าต้องการคู่ต่อสู้ในชีวิตของข้าแต่กลับไม่มี ช่างเหงาจนยากจะทานทน
มาสเตอร์ไม่สนใจที่จะสู้กับเต่ามะเฟือง หรือต้องชนะอะไรหรอก มีสาระอะไร มันแค่อยากจะแหย่มิสเตอร์กูส แต่ฉินสือโอวไม่ให้โอกาสนั้นกับมัน ดึงหางลากมันกลับมา ขายหน้าหมด
ถ้าเป็นไปได้ มาสเตอร์อยากจะหดหัวกลับเข้ากระดองจริงๆ น่าขายหน้าสุดๆ โดนคนลากหางเลยนะ
น่าเสียดาย เต่าอัลลิเกเตอร์ไม่ใช่เต่าทะเล หัวกับขาทั้งสี่ของมันหดไม่ได้ ได้แต่ยื่นออกมาข้างนอก น่าขายหน้าอย่างจนใจ
พอไม่มีอันตราย เหล่าเต่าตัวเมียก็เริ่มวางไข่อย่างวางใจ ตอนแรกเริ่มจังหวะวางไข่ของพวกมันจะช้า ค่อยๆ วางทีละฟองด้วยความเร็วสม่ำเสมอ แต่พอเริ่มจับจังหวะได้ก็เริ่มเร็วขึ้น สี่ห้าวินาทีก็วางครั้งหนึ่ง ครั้งล่ะสี่ห้าฟอง…
นอกจากไข่เต่าที่ออกมาแล้วยังมีเมือกด้วย เมือกพวกนี้จะทำให้ทรายติดกับไข่และปกป้องไข่เอาไว้
หลังจากนั้นก็มีเต่าตัวเมียที่ทยอยคลานขึ้นหาดมาอีก ฉินสือโอวถ่ายรูปพลางนับไปด้วย ตั้งแต่กลางวันไปจนถึงตอนบ่ายสามโมง มีเต่าตัวเมียทั้งหมดสามสิบห้าตัวที่คลานขึ้นมา!
นี่เป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก
เริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกดินในทิศตะวันตกก็ไม่มีเต่าตัวเมียมาวางไข่อีก มีบางตัวที่ขึ้นบกมา แต่ก็แค่มาหาจุดวางไข่
ทีแรกฉินสือโอวไม่เข้าใจจุดนี้ แต่หลังจากที่เขาอัปรูปเต่ามะเฟืองวางไข่ลงเวยป๋อก็มีชาวเน็ตที่มีความรู้ด้านนี้อธิบายให้เขาเข้าใจ
การกำหนดเพศของพวกเต่ามีอยู่สองประเภท จีโนไทป์กำหนดเพศ (GSD) และอุณหภูมิกำหนดเพศ (TSD) เต่ามะเฟืองอยู่ในหมวดหลัง เพศของลูกเต่าที่ฟักตัวสัมพันธ์กับอุณหภูมิของทรายในจุดที่ฟักไข่ ยิ่งอุณหภูมิในสภาพแวดล้อมสูง สัดส่วนลูกเต่าตัวเมียที่ฟักตัวก็ยิ่งสูง นี่ก็เป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง
สำหรับเต่ามะเฟืองที่ตอนนี้มีจำนวนลดน้อยลงเรื่อยๆ แน่นอนว่ายิ่งมีตัวเมียเยอะยิ่งดี เพราะเต่าตัวเมียก็เป็นตัวแทนของการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์
หลายวันหลังจากนั้น เหล่าเต่ามะเฟืองก็ตั้งเวลาวางไข่ ตอนกลางวันสิบเอ็ดโมงถึงบ่ายสามโมง ไม่เกินช่วงเวลานี้
ยิ่งแล้วหลังเต่ามะเฟืองที่มาวางไข่ก็ยิ่งน้อย แต่รวมกันเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็เกินร้อยตัว!
พิจารณาถึงเรื่องที่ทั้งโลกมีเต่ามะเฟืองไม่ถึงห้าพันตัว ส่วนจำนวนเต่าตัวเมียก็ไม่ถึงครึ่ง ตัวเลขนี้ก็ค่อนข้างน่ากลัว
ที่น่าสนใจก็คือ ไม่ว่าจะครั้งไหน ขอแค่เต่าตัวเมียขึ้นบกมา มิสเตอร์กูสก็จะคลานขึ้นหาดมาคุ้มครองอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่ามันมักจะเต้นสตรีทแดนซ์ แต่ฉินสือโอวก็ยังนับถือมันในฐานะลูกผู้ชาย
เวยป๋อของฉินสือโอวมักจะโปรโมทพวกความรู้เกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล เขาอัปรูปเต่ามะเฟืองวางไข่ลงไป และเล่าถึงการขยายพันธุ์ของเผ่าพันธุ์นี้ที่ไม่ง่ายเลย หวังว่าตอนที่ทุกคนพบเจอจะสามารถปกป้องพวกมันได้
จำนวนของเต่ามะเฟืองลดฮวบ สาเหตุสำคัญก็คือเจอการไล่ล่า ในสายตาของเจ้าของฟาร์มปลาอย่างฉินสือโอวไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ในสายตาของบางคน พวกมันกลับมีค่าทั้งตัว
เนื้อของเต่ามะเฟืองสามารถกินได้ ว่ากันว่าอร่อยกว่าเนื้อวัวเสียอีก สารอาหารเยอะกว่า ที่ญี่ปุ่นกับอินโดนีเซียมองพวกมันเป็นอาหารชั้นเลิศมาโดยตลอด กระดองของมันเอามาตุ๋นเป็นซุปกระดูกได้ ไม่แย่ไปกว่าอาหารเสริมพรีเมียมอย่างเออเจียวและยังสามารถเสริมหยินหยางได้ มีประโยชน์ในด้านช่วยรักษาโรคขี้หลงขี้ลืม นอนไม่หลับ ตับแข็ง เลือดออกในกระเพาะรวมไปถึงโรคปอด
นอกจากนี้เท้าของเต่าก็บำรุงกระเพาะ ไต แก้ร้อนใน บำรุงสายตาได้ น้ำมันเต่าและเลือดเต่าสามารถรักษาโรคหอบหืด หลอดลมอักเสบ ไข่เต่าเป็นไข่ประเภทที่มีสารอาหารมากกว่าไข่ไก่และไข่เป็ด น้ำดีเต่ามูลค่าสูงสุดสามารถต้านมะเร็งได้!
ดังนั้นก่อนที่แต่ละประเทศร่วมกันจัดเต่ามะเฟืองเป็นสัตว์คุ้มครอง ทั้งโลกก็เคยลุกฮือขึ้นมาล่าเต่า
พูดถึงเต่ามะเฟืองก็ซวยอยู่เหมือนกัน ในยุค90เจอการไล่ล่า ศตวรรษที่ 21มลภาวะทางทะเลร้ายแรง ทุกที่มีแต่พวกพลาสติกถุงขยะซึ่งเป็นอันตรายต่อพวกมันยิ่งกว่าเดิม
ที่อยากจะปกป้องเต่ามะเฟืองไม่ได้มีแค่ฉินสือโอว อเมริกาเหนือมีองค์กรที่เป็นของสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าสากลชื่อว่าองค์กรอนุรักษ์เต่ามะเฟือง และพยายามปกป้องสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ชนิดนี้มาตลอด
ชื่อภาษาอังกฤษขององค์กรนี้ก็คือ Dermochelys coriacea rotection Society มีชื่อย่อว่า DPS (ดีพีเอส) ค่อนข้างมีอิทธิพลในเขตอเมริกาเหนือ พวกเขามีจำนวนสมาชิกเยอะกว่าเต่ามะเฟืองเสียอีก
ไต้กวงเจี้ยนก็เป็นสมาชิกขององค์กรนี้ เขาเข้าร่วมองค์กรนี้ตอนที่ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยโทรอนโตเมื่อสองปีก่อน เหตุผลก็เพราะในนั้นมีสาวๆ สวยๆ เยอะ ในตอนนั้นเขาเป็นคนโสดที่ขี้อายและเก็บตัว อยากหาแฟนฝรั่งมาตลอดก็เลยเข้าร่วมองค์กรต่างๆ
หลังจากนั้นความจริงก็พิสูจน์ว่าคนโสดขี้อายเก็บตัวเป็นได้แค่ผู้ช่วย เข้าร่วมองค์กรอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ตอนนั้นที่ทำงานอยู่ดีพีเอสก็กินแรงมาก น่าเสียดายที่ยังเอาชนะใจสาวไม่ได้อยู่ดี
แต่ไม่ได้อย่างหนึ่งก็ได้อีกอย่างหนึ่งมาแทน แม้ว่าการเข้าร่วมดีพีเอสจะไม่ได้แฟน แต่กลับได้ฝึกฝนทักษะการเข้าสังคมให้เขา ได้รู้จักเพื่อนเยอะแยะมากมาย
อีกอย่างยิ่งเข้าใจเต่ามะเฟืองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบเจ้าสัตว์ตัวโตนิสัยอ่อนโยนนี้มากขึ้น นานวันเข้าเขาก็ลืมจุดประสงค์แรกที่เข้าดีพีเอส เหมือนว่าเขาอยากปกป้องสัตว์ประเภทนี้มาแต่แรก
หลังจากนั้นที่กลับบ้านไป เขาก็ติดต่อกับองค์กรน้อยลง พอกลับประเทศก็ยุ่งกับการทำงานและดูตัว นึกกลับไปในบางครั้งก็รู้สึกว่าเสี่ยวไต้ขี้อายที่ทำอาสาสมัครอย่างกระตือรือร้นคนนั้นเหมือนจะเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว
บางครั้งที่ตื่นจากฝันตอนเที่ยงคืน เขาก็ยังคงนึกถึงหนุ่มเก็บตัวจอมบื้อ คิดถึงเด็กหนุ่มกระตือรือร้นที่ยุ่งทั้งวันเพื่อโลกเพื่อเต่ามะเฟือง แต่ว่านั่นคือตัวเขาในตอนนี้ที่อ้าปากก็บ้านรถปิดปากก็เงินทองจริงๆ เหรอ?
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset