ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 706 กับดัก

ครั้งนี้จะเดินทางกันห้าวัน ฉินสือโอวไม่สามารถพาเบิร์ดไปด้วยได้ เพราะที่บ้านต้องมีคนขับเครื่องบิน ก็เลยให้เบิร์ดขับเรือพาเขาไปส่งที่เซนต์จอห์น จากนั้นตัวเองก็ไปโรงแรม
รัฐบาลแคนาดายังคงให้ความสำคัญกับการเพิ่มกำไรและลดค่าใช้จ่าย กิจกรรมเที่ยวชมครั้งนี้จัดเพื่อเจ้าของฟาร์มปลาโดยเฉพาะ โดยมีแมทธิว จินเป็นผู้นำกลุ่มเอง เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาไม่สามารถพาเพื่อนมาด้วยได้ มาร่วมได้แค่คนเดียว
ฤดูร้อนของเซนต์จอห์นค่อนข้างมีสีสันทีเดียว ตอนเช้าอากาศไม่ร้อน อาทิตย์ขึ้นจากทะเลทางด้านทิศตะวันออก ย้อมเมืองเล็กแห่งนี้ด้วยแสงอาทิตย์สีแสด ดูมีชีวิตชีวา
เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้เหล่าเจ้าของฟาร์ม ฟาร์มปลาไม่ห่างจากท่าเรือเท่าไร ฉินสือโอวไม่ได้มาเดินเที่ยวในเมืองเล็กมานานแล้ว ก็เลยไม่ได้เรียกรถแท็กซี่ แบกเป้ลากกระเป๋าเดินทางอย่างกับคนงานที่เพิ่งมาถึงเซนต์จอห์น เดินไปตามข้างถนนช้าๆ
เซนต์จอห์นแทบจะไม่มีอุตสาหกรรม มีแต่การประมงและการเกษตร มีพื้นที่สีเขียวเยอะมาก เดินสามก้าวก็เจอสวนดอกไม้ ห้าก้าวก็เจอสวนสาธารณะ บางที่ก็ดูเหมือนป่า ในเมืองยังมีกระต่ายป่าโผล่ออกมาด้วย ที่จีนนี่จินตนาการไม่ออกเลย
เซนต์จอห์นมีคนทำความสะอาดเยอะมาก เงินเดือนก็ไม่แย่ เพราะพวกเขาไม่แค่ต้องรับผิดชอบกวาดถนน ยังต้องจัดการสัตว์ป่าที่โผล่ออกมาในเขตที่ตัวเองรับผิดชอบ อย่างเช่นหนู ซึ่งที่แคนาดามีหนูเยอะมาก
เดินไปตามถนนเซนต์แบลส ฉินสือโอวก็สัมผัสได้ถึงจังหวะชีวิตของเมืองเล็กซึ่งช้ามาก ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือหนุ่มสาวก็ล้วนเดินไปตามทางช้าๆ มีบางคนที่ออกมาวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าบ้าง ไม่ว่าความเร็วจะไวแค่ไหน แต่จิตวิญญาณก็เอื่อยเฉื่อยเหมือนๆ กัน
รถที่ผ่านไปมามีไม่เยอะ ไม่น่าเชื่อว่าบนถนนเซนต์แบลสสายยาวนี้ไม่มีไฟแดงเลย ข้อนี้เหลือเชื่อมากๆ ในสายตาของนักท่องเที่ยวจีน
เดินไปครู่หนึ่ง เด็กชายคนหนึ่งที่แต่งตัวสำอางและทันสมัยก็ร้องห่มร้องไห้เดินเข้ามา
ฉินสือโอวมองดูเด็กชายที่อายุประมาณเพียงหกเจ็ดขวบ ใส่กางเกงยีนลีวายส์ คิดส์ ที่เท้าสวมรองเท้าผ้าใบไนกี้รุ่นพิเศษ ผมสีน้ำตาลทองหวีเรียบร้อย คงจะเป็นคุณหนูจากครอบครัวฐานะดี
แต่เด็กคนนี้ทำไมถึงมาร้องไห้อยู่ริมถนนแต่เช้าได้?
ฉินสือโอวถามด้วยความอยากช่วย “เฮ้ เด็กน้อย เป็นอะไรไป?”
เด็กน้อยปาดน้ำตาพลางตอบเสียงสะอึกสะอื้น “แม่ แม่หายไปแล้ว ฮัลลี่หาแม่ไม่เจอแล้ว ฮึกๆ ฮือๆ ฮัลลี่จะกลับบ้าน ฮัลลี่คิดถึงแม่”
ได้ยินคำของเด็กน้อยฉินสือโอวก็เข้าใจ เด็กคนนี้พลัดหลงกับแม่ แต่เด็กอายุก็ไม่น้อยแล้ว ฟังที่พูดเมื่อกี้ก็ค่อนข้างมีเหตุมีผลจึงนั่งยองลงแล้วพูดขึ้น “โอเค เด็กน้อย ลุงจะโทรหาตำรวจให้เขาพากลับบ้านดีไหม?”
เด็กชายตัวน้อยส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำตา “ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เอาตำรวจ พ่อแม่จะไม่ชอบ ฮัลลี่รู้ทาง ฮัลลี่เดินกลับเอง”
แคนาดาปกป้องเด็กได้ดีมาก เด็กชายตัวน้อยรู้เรื่องมากๆ ที่ว่ามาก็เป็นความรู้ทั่วไป นั่นก็คือถ้าตำรวจรู้ว่าผู้ปกครองดูเด็กไม่ดีจนเด็กหาย งั้นพวกเขาก็จะลงโทษพ่อแม่หรือผู้ปกครองอย่างหนัก หนักหน่อยก็โดนยึดสิทธิเลี้ยงดู
ฉินสือโอวดูเวลา เขายังมีเวลาเหลือเลยตัดสินใจเป็นคนดีสักครั้ง เขาเอ่ยขึ้นว่า “ก็ได้ เด็กน้อย ลุงพาเธอกลับบ้านดีกว่า หนูจำทางกลับบ้านได้ไหม?”
เด็กชายพยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วชี้ไปที่ซอยข้างหน้านอกระยะห้าสิบกว่าเมตรแล้วเอ่ยขึ้น “เดินไปตามถนนเบนเดอร์ ปากทางที่สองเลี้ยวเข้าไปก็เป็นบ้านของฮัลลี่”
ฉินสือโอวลากกระเป๋าเดินทางสะพายเป้สัมภาระแล้วพาเด็กเดินไปทางซอยนั้น เด็กคนนั้นร้องไห้จนเสียบแหบเสียงแห้ง ตอนเดินผ่านร้านสะดวกซื้อเขาก็ซื้อนมไขมันต่ำให้เด็กคนนั้น ส่วนตัวเขาก็ซื้อโกโก้เย็นหนึ่งแก้ว
ถนนเบนเดอร์แคบมาก คล้ายกับซอยในเซี่ยงไฮ้ ในนั้นมีซอยอีกมากมาย เด็กน้อยดูดนมพลางเดินราวกับคุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี พาฉินสือโอวเลี้ยวไปอีกสามสี่ครั้ง ทำเอาฉินสือโอวเซ็ง เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะหาทางกลับออกไปได้หรือเปล่า
พอเลี้ยวอีกครั้งหนึ่งจู่ๆ ก็มีหญิงสาวพุ่งออกมากอดเด็กคนนั้นไว้แล้วตะโกน “ฮัลลี่ ลูกรักของแม่ เมื่อกี้ไปไหนมา? พระเจ้า! แม่คิดว่าลูกโดนคนลักพาตัวไปแล้ว! น่ากลัวจริงๆ เลย! พระเจ้า!”
เห็นผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว ใบหน้าของฉินสือโอวก็ผุดรอยยิ้มออกมา โอเค เขาได้ทำเรื่องดีไปเรื่องหนึ่ง
แต่ว่าหลังจากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็แข็งค้าง เด็กคนนั้นพูดด้วยใบหน้าใสซื่อ “ฮัลลี่ไปซื้อรถบั๊มพ์กับคุณลุงมา คุณลุงบอกว่าถ้าฮัลลี่ไปกับเขาก็จะมีรถบั๊มพ์”
ลางสังหรณ์ของฉินสือโอวบอกว่าไม่ชอบมาพากลจึงรีบพูดขึ้น “เฮ้ เด็กน้อย เธอพูดไม่ถูก…”
หญิงสาวคนนั้นจ้องฉินสือโอวแล้วตะโกนแทรกเขาขึ้นมา “มาช่วยกันหน่อย! ใครก็ได้! มีพวกค้ามนุษย์! มีคนจะลักพาตัวเด็ก!”
หน้าหลังของซอยมีชายหนุ่มและชายฉกรรจ์สองสามคนโผล่ออกมาตามเสียงร้องของเธอ คนพวกนี้ขวางทางไปและทางหนีของฉินสือโอวแล้วมองดูเขาอย่างไม่ประสงค์ดี
พอเห็นแบบนี้ สีหน้าของฉินสือโอวก็หม่นลงทันที ทั้งหมดนี้ดูอย่างไรก็เหมือนกับดัก กับดักที่ใช่เด็กเป็นเหยื่อล่อ!
พอคนพวกนั้นปรากฏตัวขึ้นผู้หญิงที่อุ้มเด็กอยู่ก็กรีดร้องออกมา “รีบจับเขาไว้! เขาเป็นพวกค้ามนุษย์! จับเขาไปสถานีตำรวจ เราต้องเอาเขาเข้าคุก! ไอ้เวรนี่เกือบจะขโมยลูกฉันไปแล้ว!”
ชายฉกรรจ์คนหนึ่งเดินประชิดเข้ามาแล้วพูดขึ้น “มีเรื่องอะไร? เฮ้ ไอ้หนุ่ม แกเป็นพวกค้ามนุษย์เหรอ? งั้นแกก็ซวยแล้ว ไอ้เวร ฉันเกลียดพวกที่ควรลงนรกไปอย่างพวกแกที่สุด! แต่ทุกคนก็อย่าเพิ่งใจร้อน เรามาคุยกันก่อนว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกันหรือเปล่า?”
ฉินสือโอววางกระเป๋าเดินทางและเป้ลง ล้วงมือถือออกมาโทรหาตำรวจอย่างรวดเร็วแล้วพูดขึ้น “ฉันว่าคงไม่มีการเข้าใจผิด ให้ตำรวจมาจัดการเถอะ…”
ปรากฏว่าพอเห็นเขาจะแจ้งตำรวจ ผู้หญิงที่ใกล้เขามากที่สุดก็กระโจนเข้ามายื่นมือแย่งมือถือโดยไม่รอให้เขาพูดจบ
ฉินสือโอวไม่ใจอ่อนกับพวกต้มตุ๋นเด็ดขาด ต่อให้เป็นผู้หญิงก็ตาม เขาเตะข้างใส่ผู้หญิงที่กระโจนเข้ามากระเด็น กดโทรออกก็เปิดแฮนด์ฟรีมือถือ
ปรากฏว่าคนอื่นๆ ก็พุ่งเข้ามา ฉินสือโอวเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ถ้ารอจนสายโทรติดต่อไป เขาต้องรับมือพวกนี้ไม่ไหวด้วยมือเดียวแน่
เขาก็เลยกดปุ่มแฮนด์ฟรีแล้วเอามือถือใส่ในกระเป๋ากางเกง เอียงตัวหลบชายฉกรรจ์ที่พุ่งเข้ามา หมัดซ้ายชกออกไปไวราวฟ้าแลบเสยตั้งแต่อกของชายฉกรรจ์คนนั้นไปจนถึงคาง!
ปกติเวลาออกกำลังตอนเช้า นอกจากวิ่งแล้วฉินสือโอวก็ชกมวยกับพวกนีลเซ็น และเบิร์ดด้วย บนหาดมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบชุด แล้วก็มีกระสอบทราย นั่นคือกระสอบทรายของแท้ ที่ใส่อยู่ในนั้นก็คือทรายทะเลหยาบๆ ฉินสือโอวใช้มันมาซ้อมมวยตลอด
พอออกหมัด ชายฉกรรจ์ที่วิ่งพุ่งเข้ามาก็โดนหมัดกระแทกกระเด็นกลับไป ลอยกลิ้ง ‘ตุ้บ’ ไปสี่ห้าเมตรถึงร่วงลงพื้น
หัวใจโพไซดอนเปลี่ยนแปลงร่างของฉินสือโอว แรงเยอะขึ้น เร็วขึ้น ประสาทไวขึ้น ออกแรงได้เต็มที่ขึ้น บวกกับการชี้แนะของเบิร์ดกับนีลเซ็นทุกวันตอนซ้อมมวย ทุกวันนี้วิชาชกมวยของฉินสือโอวไม่แย่ไปกว่านักมวยอาชีพแน่นอน!
……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset