ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 708 กลุ่มที่ไม่สามัคคีกัน

ไม่นานเรื่องทุกอย่างก็กระจ่าง ไม่ต้องให้ทนายส่วนตัวของฉินสือโอวเออร์บักออกหน้าด้วยซ้ำ เพียงแต่รัฐมนตรีกระทรวงการประมงและมหาสมุทรออกหน้าไปแล้ว…
ฉินสือโอวเข้าสถานีตำรวจไปแล้วครึ่งชั่วโมง มือซ้ายของแมทธิว จินถือโดนัท มือขวาถือกาแฟร้อนมาปรากฏตัวต่อหน้า เขาพูดพลางยิ้มตาหยี “ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม? ลองชิมโดนัทตาฮันส์สิ ว่ากันว่าดังที่สุดในเซนต์จอห์น”
ตำรวจอเมริกาชอบกินโดนัท หลายๆ คนน่าจะเห็นได้จากหนังอเมริกากับฮอลลีวูด ในฐานะน้องของอเมริกา ตำรวจแคนาดาก็ชอบด้วย
สำหรับคนแคนาดา โดนัทก็เป็นอาหารเช้าชนิดหนึ่ง สำหรับพนักงานออฟฟิศทั่วไปนี่คืออาหารจานด่วนที่ไวที่สุด สำหรับครอบครัวนี่เป็นของหวานที่ทดสอบจิตใจแม่บ้านมากๆ
พวกตำรวจกินโดนัท ไม่ใช่เพราะชอบแต่เพราะไม่มีทางเลือก พวกเขามักจะดื่มกาแฟตอนทำคดีหรือตรวจสอบผู้ต้องสงสัยเพื่อคลายเหนื่อย โดนัทเป็นขนมที่กินกับกาแฟได้เข้าที่สุด
ตอนนี้ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์กินอะไร แต่อย่างไรก็เป็นอาหารเช้าที่รัฐมนตรีของประเทศยกมาให้ อย่างไรก็ต้องไว้หน้ากันสักหน่อยจริงไหม หลังจากที่เขากินไปชิ้นหนึ่งก็ถามคำถามที่ตัวเองห่วงที่สุดออกมา “มีกระจกไหม ผมขอสักบานสิ?”
แมทธิว จินไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร เขาโบกมือถามหากระจกจากตำรวจหญิงคนหนึ่ง
ฉินสือโอวส่องดู ตาทั้งแดงทั้งบวมอย่างกับยัดวอลนัตสองลูกเอาไว้ แถมเป็นแบบตุ่มบวมที่เกิดจากการเสียดสีเป็นเวลานาน…
“ให้ตายเถอะ ฉันเสียโฉมแล้ว!” ฉินสือโอวก่นด่าหัวเสีย “ถ้ารู้ว่าพวกมันเลวขนาดนี้ฉันลงมือหนักๆ เสียก็ดี!”
ตำรวจที่เดินหนีบแฟ้มมานายหนึ่งตกใจแล้วถามขึ้น “คุณผู้ชาย ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้ลงมือหนักหรือไง? ตามรายงานการตรวจของโรงพยาบาล ผู้ต้องหาเก้าคนนอกจากคนแคระที่แสร้งเป็นเด็กกับผู้หญิง นอกนั้นอีกเจ็ดคนล้วนเจ็บหนัก! หนึ่งในนั้นกระดูกสะบักหัก มีสามคนซี่โครงหัก”
ฉินสือโอวก็เล่นงานพวกนั้นหนักจริง เพราะตอนนั้นเขากลัวว่าพวกนั้นจะมีปืน ถ้าไม่คว่ำให้ล้ม งั้นคนที่ต้องล้มก็ต้องเป็นเขา อีกอย่างอาจจะโดนตีจนตายก็ได้
ตำรวจรายงานผลสอบปากคำให้ฉินสือโอวรู้ คนพวกนี้มักจะใช้ความเห็นอกเห็นใจของคนก่อคดี มักจะเป็นชายแคระที่แต่งหน้าแล้วแกล้งเป็นเด็กหลงทาง ขอความช่วยเหลือคนที่เดินผ่านให้พาไปส่งบ้าน จากนั้นก็ใส่ร้ายหลอกเอาเงิน
แก๊งผู้ต้องหาเป็นที่ต้องการสถานีตั้งนานแล้ว แต่ความสามารถในการไขคดีของตำรวจม้าช่างชวนให้คนร้อนใจ จับตัวคนร้ายไม่ได้เสียที
วันนี้ถือว่าคนพวกนั้นซวย พวกเขาไม่รู้จักฉินสือโอวที่เป็นคนดังนครเซนต์จอห์น เพราะในสายตาคนขาวคนผิวเหลืองที่ไม่คุ้นเคยก็หน้าตาคล้ายๆ กัน บวกกับฉินสือโอวมักจะตากแดดตากลมที่ฟาร์มปลาจนผิวดำ
พวกเขาคิดว่าฉินสือโอวที่ลากกระเป๋าเป็นคนจีนจากท่าเซนต์จอห์นที่มาหางาน คนประเภทนี้รังแกง่ายที่สุด ขี้ขลาดหัวอ่อนกลัวมีเรื่อง เล็งแล้วไม่พลาด
จากนั้นก็เป็นการออกฤทธิ์ของฉินสือโอว ที่อัดพวกเขาเก้าคนจนเจ็บหนัก
ฉินสือโอวฟังคุณตำรวจจบก็เงียบไปนานก่อนจะถามขึ้น “คุณบอกว่าคนที่ทำให้ผมเสียโฉมไม่ใช่เด็ก แต่เป็นคนแคระ?”
“ใช่ คุณผู้ชาย”
“ฉันไม่ได้อัดมัน!”
“ใช่ คุณผู้ชาย”
“ตอนนี้ผมขออัดมันสักทีได้ไหม?”
“เรื่องนี้คงไม่ได้ คุณผู้ชาย”
พอไม่มีอะไรแล้ว ฉินสือโอวก็ลากกระเป๋าออกไปกับท่านรัฐมนตรี จากนั้นก็เข้าไปนั่งในรถคาดิลแลควัน นี่คือรถของท่านรัฐมนตรี
อัดจนคนเจ็บหนักไปเจ็ดคน ฉินสือโอวกลับไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาป้องกันตัวเกินเหตุ เพราะแคนาดาต่างจากจีน การป้องกันตัวที่จีนแบ่งเป็นการป้องกันตัวสมเหตุสมผลกับป้องกันตัวเกินเหตุ แต่ที่แคนาดาแบ่งเป็นการป้องกันตัวสมเหตุสมผลกับการป้องกันตัวที่ยกโทษให้ได้ สองประเภทนี้โดยปกติแล้วไม่ต้องแบกความรับผิดชอบทางกฎหมาย
มีแค่การป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผลถึงจะต้องแบกรับความรับผิดชอบทางกฎหมายในระดับหนึ่ง แต่ความรับผิดชอบแบบนี้ก็มักจะจำกัด
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉินสือโอวเผชิญหน้ากับแก๊งผู้ร้ายแล้วลงมือหนัก ไม่มีทางที่จะเป็นการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล แล้วยิ่งเขาเป็นเจ้าของฟาร์มปลาในพื้นที่นครเซนต์จอห์นแถมยังมีรัฐมนตรีว่าการกรมประมงมาเป็นเพื่อนด้วย
ตรงกลับไปยังโรงแรม เจ้าของฟาร์มปลากลุ่มหนึ่งก็รออยู่ที่ห้องประชุมอยู่แล้ว เสียงเอะอะดังเล็ดลอดผ่านประตูมาให้ได้ยินแว่วๆ เหมือนมีคนทุบโต๊ะ ฟังดูดุเดือดยิ่งกว่าการต่อสู้ระหว่างฉินสือโอวกับแก๊งผู้ร้ายเสียอีก
แมทธิว จินมีสีหน้าราบเรียบ แต่ฉินสือโอวรู้สึกได้ว่าเขาจะต้องโกรธมากแน่ๆ แต่ในฐานะนักการเมืองจึงต้องควบคุมอารมณ์
ดังนั้นเขาเลยก้าวนำหน้าไปเปิดประตูออกอย่างรู้งานแล้วเชิญให้รัฐมนตรีเข้าไปก่อนอย่างนอบน้อม
พอเห็นแมทธิว จิน เจ้าของฟาร์มปลาในห้องประชุมก็เงียบเสียงลง จากนั้นก็แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่ายอย่างชัดเจน
ที่จำนวนเยอะกว่าคือเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิม จุดเด่นของคนพวกนี้ก็คือแต่งตัวเรียบง่าย พวกเสื้อยืด ชุดกีฬา กางเกงยีนอะไรพวกนั้น บางคนก็ใส่รองเท้าแตะ อายุอยู่ระหว่างสามสิบจนถึงห้าสิบ หุ่นกำยำ สูงใหญ่แรงเยอะ
อีกฝ่ายก็คือพวกเจ้าของฟาร์มปลาพักผ่อนหย่อนใจ พวกเขาแต่งตัวดีหน่อย ต่อให้ใส่เสื้อยืดเหมือนกันแต่ก็ไม่มีลายโลโก้บริษัทการเกษตรดูปองท์ ลิมาเกรน ดาว แอตแวนต้า และยิ่งไม่มีทางพิมพ์ลายหน้าการ์ตูนวันพีซ!
ฉินสือโอวมองดูทางด้านเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิม ชายฉกรรจ์คนหนึ่งสวมเสื้อยืดที่พิมพ์ลายลูฟี่กินน่องไก่ เขาอดถอนใจในใจไม่ได้ นี่ล้อกันเล่นหรือไง?
คนสองกลุ่มแบ่งกันครองพื้นที่เหนือและใต้ของห้องประชุม ที่ตรงกลางเว้นว่าง มองกันด้วยสายตากรุ่นโกรธราวกับไก่ชนอย่างกับจะตีกันให้ได้
แมทธิว จินไม่สนใจ เขาเดินขึ้นไปบนแท่นประธานแล้วชูนิ้วมือขึ้นก่อนจะเอ่ยปาก “กำหนดการเดินทางเยี่ยมชมครั้งนี้ง่ายมาก จุดแรกก็คือชาแนลปอร์โตบาสก์ แล้วก็ขึ้นเหนือไปที่แหลมเซนต์ชาร์ลส์ หลังจากนั้นกำหนดการจะเพิ่มเข้ามากะทันหัน หวังว่าทุกคนจะเป็นมิตรต่อกันในระหว่างการเยี่ยมชม แค่นี้แหละครับ”
ฉินสือโอวรอจนเขาพูดจบก็ปรบมือทันที เจ้าของฟาร์มทั้งหลายไม่สนใจ ยังคงมองตากันเป็นไก่ชนต่อไป
แมทธิว จินยิ้มบางพลางพยักหน้าให้ฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “การเยี่ยมชมครั้งนี้ที่จริงแล้วเป็นการค้นคว้า ถ้าสุดท้ายผลออกมาไม่สู้ดีงั้นกรมประมงก็จะตัดสินใจปิดฟาร์มปลาส่วนหนึ่ง!”
ครั้งนี้พอสิ้นเสียงเขา ทุกคนก็รีบปรบมือทันที ไก่ชนกลายเป็นแม่ไก่ นั่งลงอย่างเรียบร้อย
การปิดฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เป็นประเด็นร้อนของแคนาดามาตลอด ถ้าจะบอกว่าเหล่าเจ้าของฟาร์มกลัวอะไร นั่นก็คือการปิดฟาร์มปลาของตัวเอง ฟาร์มปลาของพวกเขาแลกมาด้วยเงินก้อนโตนะ
แมทธิว จินแนะนำกำหนดการแบบง่ายๆ เสร็จก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนเตรียมออกเดินทาง ปรากฏว่าแอนดรูว์ที่ฉินสือโอวค่อนข้างคุ้นเคยพูดกับเขาว่า “คุณรัฐมนตรี ตามข้อกำหนดของคุณ พวกเราไม่สามารถพาบุคคลไม่เกี่ยวข้องมาร่วมกลุ่มเยี่ยมชมด้วยใช่ไหมครับ?”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งที่สวมแว่นตากรอบทองพูดเสียงเย็น “คุณ อย่าอ้อมค้อมดีกว่า ประธานของเราไม่มีทางมาร่วมกิจกรรมอะไรด้วยตัวเองอยู่แล้ว ร่างกายของเขาไม่เอื้อ ถ้าคุณยังมีคำถาม ผมสามารถแสดงใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาลได้”
ฉินสือโอวมองดูชายรูปหล่อคนนั้นที่มีคนแก่ผมขาวดูสุขุมนั่งอยู่ข้างๆ ชายชราที่ดูค่อนข้างจะมีอายุ แต่สีหน้ากลับมีสีเลือดฝาด ดวงตาทั้งสองเป็นประกาย ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนป่วยที่ว่าเลย
…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset