ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 718 เกาะน้ำแข็งอัคคี

ฉินสือโอววางเดิมพันไม่เยอะ แค่หนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดา ตกปลาเทราต์ทะเลได้ในครึ่งชั่วโมง ก็ชนะได้มาแค่หนึ่งล้านดอลลาร์ ครั้งที่แล้วเขาแทบจะไม่ต้องออกแรงเลยยังได้มาตั้งสองล้านดอลลาร์
แต่ผลกระทบในครั้งนี้ต่างกับครั้งก่อนมาก เพราะครั้งที่แล้วพวกของแอนดรูว์ต่างก็พากันเดิมพันว่าเขาจะแพ้ แต่ครั้งนี้กลับเดิมพันว่าเขาจะชนะ ทำให้ได้กำไรมาพร้อมกันกับเขาด้วย!
เงินที่เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาวางเดิมพันไว้ไม่ถือว่ามาก แอนดรูว์เดิมพันไว้สองหมื่น โดนัลด์เดิมพันไว้สองหมื่นห้า ที่เดิมพันไว้เยอะที่สุดคือผู้ชายที่ใส่เสื้อยืดสกรีนลายลูฟี่ เขาเดิมพันไว้สี่หมื่นดอลลาร์ สุดท้ายจึงได้เงินมาสี่แสน
 “ทำไมคุณถึงมั่นใจในตัวผมขนาดนี้ครับ?” ฉินสือโอวพูดพร้อมกับมองไปที่ชายคนนั้นอย่างตื้นตัน
 เขาพูดว่า “ตอนเหตุการณ์พายุที่อ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ ครอบครัวของน้องสาวผมทั้งครอบครัวอยู่บนเรือลำน้ำ คุณช่วยชีวิตพวกเขาไว้ แน่นอนว่าผมต้องเดิมพันว่าคุณจะชนะ!”
ฉินสือโอวถามอย่างแปลกใจว่า “แล้วทำไมครั้งที่แล้วคุณถึงไม่วางเดิมพันข้างผมล่ะครับ?”
เขาจำได้แม่นเลยว่าพนันครั้งก่อน คนที่วางเดิมพันว่าเขาจะชนะมีแค่ฮับเบิลกับแมทธิวเท่านั้น
“ครั้งที่แล้วน่ะคุณเป็นคนหาเรื่องเอง ใครจะไปคาดคิดว่าไอ้คนโชคร้ายสองคนนั้นจะตกปลากะพงญี่ปุ่นไม่ได้เลยตลอดทาง?! แม้ผมจะสนับสนุนคุณ แต่ก็ไม่ควรจะหาเรื่องตายไปพร้อมกับคุณนี่นา!”
นี่ก็คือวิธีคิดของคนแคนาดา มิตรภาพก็ส่วนมิตรภาพ ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ มิตรภาพสามารถส่งผลต่อธุรกิจได้ก็จริง แต่ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
อย่างเช่นการพนันครั้งก่อน ชายลูฟี่คิดว่าฉินสือโอวต้องแพ้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะมีความรู้สึกดีให้กับฉินสือโอวแค่ไหน แต่ก็ยังเดิมพันว่าเขาจะแพ้ ครั้งนี้ฉินสือโอวมีโอกาสที่จะชนะ แม้ว่าโอกาสชนะจะมีน้อย แต่เพราะมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน ส่งผลให้เขาพร้อมที่จะสนับสนุนฉินสือโอว
เซอร์จิโอโทรศัพท์หาเลขาให้ทำการโอนเงินให้ด้วยสีหน้าซีดเซียว เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาที่ได้รับเงินต่างก็พากันโห่ร้องยินดีออกมา ดีใจกันสุดขีด
นิโคลัสเข้ามาแสดงความยินดีกับฉินสือโอวที่เขาชนะ จากนั้นก็ถามต่อด้วยความอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงตกปลาเทราต์ทะเลได้เร็วขนาดนั้น
นี่ไม่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์เอาเสียเลย ตอนกลางวันปลาเทราต์ทะเลจะหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเล พอหิวก็จะไปหาปลาไหลทรายที่อยู่ในทรายใต้ท้องทะเลกินเป็นอาหาร ถึงตอนกลางคืนจึงจะว่ายขึ้นมาหาอาหารกินบนผิวน้ำ ดังนั้นเวลาที่เหมาะแก่การตกปลาเทราต์ทะเลมากที่สุดก็คือตอนกลางคืน
แน่นอนว่าคำอธิบายที่ฉินสือโอวให้ไปนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เขาเริ่มพูดถึงตั้งแต่รุ่นทวดของเขา แล้วก็ยกหลักการที่เถ้าแก่หัวโล้นสอนเขาหาปูคางคกมาอ้าง หลักๆ ก็คือยกเรื่องจิตนิยมต่างๆ นานามาอ้างไปเรื่อย
นิโคลัสฟังคำพูดของเขาอย่างงุนงง สุดท้ายฉินสือโอวจึงตบไปที่บ่าเขาเบาๆ แล้วพูดว่า “ไว้วันหลังผมให้บันทึกลับกับคุณเล่มหนึ่ง ชื่อว่า ‘บทคุณธรรม’ ขอแค่คุณศึกษาให้ถ่องแท้ รับรองเลยว่าแม้แต่ปลาหมึกยักษ์ในทะเลลึกก็ตกได้สบายๆ ไม่มีปัญหา!”
 “ขอบคุณครับ ฉิน ทำไมคุณถึงดีกับผมแบบนี้ครับ?” นิโคลัสพูด
ฉินสือโอวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พูดว่า “คงเป็นพรหมลิขิตมั้งครับ ฟาร์มปลาของผมก็มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อว่านิโคลัสเหมือนกัน แต่ทว่าเขาเป็นนักเต้นนะครับ พวกคุณมีชื่อเดียวกัน ทำให้ผมมีความรู้สึกดีๆ ให้ด้วย”
นิโคลัสเป็นคนค่อนข้างหยิ่งผยอง แต่เขาก็เหมือนกับนักกีฬาทั่วไป เข้ากับคนได้ง่าย คุณเก่งผมจึงนับถือคุณ และพร้อมจะเป็นเพื่อนกับคุณ
ดังนั้น เขาจึงรีบย้ายข้างอย่างรวดเร็ว ไปคลุกคลีอยู่กับฝั่งเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิมแทน อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับพวกชาร์ลสอยู่แล้ว
พอเป็นแบบนี้ทำเอาฉินสือโอวรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเลย เมื่อกี้ที่ตัวเองใช้นิโคลัสเต่ารุ่นที่สี่เพื่อพูดแกล้งเขา ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?
ฮับเบิลเองก็ย้ายพวกมาอยู่กับเขาด้วย เขาเข้ามาแสดงความยินดีกับฉินสือโอว ฉินสือโอวถามเขาว่าได้เงินมาเท่าไร ฮับเบิลหัวเราะร่าออกมาแล้วพูดว่า “ครั้งนี้ผมคาดการณ์ผิดไป เสียไปห้าหมื่นดอลลาร์…”
“คุณเดิมพันว่าผมจะแพ้เหรอครับ?!” ฉินสือโอวรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่น่าสนใจจริงๆ ความคิดช่างแตกต่างกับคนทั่วไปเสียจริง
 “ไม่ใช่ครับ ผมเดิมพันว่าคุณจะตกปลาได้ภายในหนึ่งชั่วโมงครับ”
“ก็เข้าใจได้ครับ คุณยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวผมมากนักนี่นา ผมเห็นใจคุณนะ แต่ดีที่ห้าหมื่นก็ไม่ถือว่าเยอะมาก“
“ไม่ครับ เงินห้าหมื่นนี่เสียได้คุ้มค่ามากครับ ถือว่าเป็นค่าเล่าเรียนแล้วกันครับ ผมเองได้รู้เกี่ยวกับตัวคุณมากขึ้น ทำให้เริ่มมีความมั่นใจในหลายๆ เรื่องด้วย” ใบหน้าของฮับเบิลเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อย่างกับว่าเขาชนะได้เงินมาอย่างไรอย่างนั้น
ปลายทางในครั้งนี้คือแหลมเซนต์ชาร์ลส์ เรือแล่นออกจากเซนต์ลอว์เรนซ์เข้าไปทางฝั่งเหนือ เลียบไปทางช่องแคบกาบีลาเพื่อเลี้ยวเข้าไปทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากแล่นผ่านแม่น้ำสายยาวไปก็ถึงท่าเรือของเมืองนี้แล้ว
นิวฟันด์แลนด์เป็นเกาะขนาดใหญ่ นอกจากเซนต์จอห์นแล้ว เมืองใหญ่ๆ ส่วนมากก็แทบจะเป็นเมืองท่าเสียหมด
ทางตอนเหนือของแหลมเซนต์ชาร์ลส์ ห่างจากพื้นดินออกไปประมาณสี่สิบกิโลเมตร มีเกาะเล็กๆ อยู่เกาะหนึ่ง เป็นเกาะที่มีตำแหน่งคล้ายๆ กับเกาะแฟร์เวล เกาะนี้มีชื่อว่า ‘เกาะน้ำแข็งอัคคี’
พอได้ยินชื่อนี้เท่านั้น ฉินสือโอวก็หัวเราะจนหยุดไม่อยู่ นี่ไม่ใช่เกาะที่มีชื่อเสียงในนวนิยายของคุณปู่จินย้งเหรอ? คนแคนาดาตั้งชื่อได้น่าสนใจจริงๆ แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนบทกวีอีกต่างหาก
สิ่งที่น่าสนใจกว่าก็คือ เหตุผลที่ตั้งชื่อเกาะนี้ว่าเกาะน้ำแข็งอัคคี ที่เป็นชื่อเดียวกับคุณปู่จินย้งตั้ง ก็คือเกาะเล็กๆ เกาะนี้ตั้งอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือ ทำให้มีแผ่นน้ำแข็งลอยมาบนน้ำทะเลตลอดปี และบนเกาะยังมีภูเขาไฟที่ดับไปแล้วอยู่ลูกหนึ่งด้วย ชื่อน้ำแข็งอัคคีจึงถูกตั้งขึ้นมาเพราะเหตุนี้
พื้นที่ของเกาะน้ำแข็งอัคคีมีขนาดเล็กกว่าเกาะแฟร์เวล มีความยาวเพียงแค่สิบกว่ากิโลเมตร ความกว้างก็ประมาณห้ากิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น เป็นเกาะขนาดเล็กในตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ที่แทบจะหาเกาะนี้ไม่เจอบนแผนที่
เกาะเล็กๆ เกาะนี้มีหลายจุดที่คล้ายคลึงกับเกาะแฟร์เวล บนนั้นก็มีเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่เช่นกัน ชื่อว่าเมืองกาบีลา เห็นได้ชัดว่าได้ชื่อมาจากช่องแคบกาบีลาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนั่นเอง
คนที่รับผิดชอบต้อนรับพวกเขาก็คือนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ชื่อว่าพาลี ลาร์ค เป็นชายผิวขาวชาวอารยันอายุสี่สิบกว่าปี
ที่แคนาดาไม่มีธรรมเนียมว่าเจ้าหน้าที่รัฐในท้องที่จะต้องเลี้ยงอาหารกลางวันต้อนรับ พวกของฉินสือโอวจึงต้องจัดการเรื่องนี้กันเอง บนเรือมีพ่อครัวอยู่ อยากทานอะไรก็บอกเขาก็พอ ขอแค่สามารถทำได้เขาก็จะพยายามทำออกมาให้ตามความต้องการของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลา
พาลี ลาร์คก็มาร่วมทานอาหารกับพวกเขาด้วย เขาทานสเต๊กเนื้อแพรมโรสแมรีกับสลัดไก่สไตล์บราซิล ท่านนายกทานด้วยความรู้สึกที่อิ่มอกอิ่มใจ ท่าทางเต็มไปด้วยความดีอกดีใจ
ดูจากเรื่องนี้ ทำให้ฉินสือโอวรู้ว่าท่านนายกคนนี้คงไม่ได้มีชีวิตที่ดีมากนัก ตัวเขาที่เป็นถึงนายกเทศมนตรีแต่กลับใช้ชีวิตแบบนี้ คงเหนื่อยมากพอดู
ระหว่างทานข้าวกัน พาลีได้พูดแนะนำให้พวกเขาฟังว่า เมืองกาบีลาเป็นเมืองที่เล็กที่สุดเขตนิวฟันด์แลนด์กับเขตแลบราดอร์ มีประชากรอาศัยอยู่เพียงแค่สองร้อยกว่าคนเท่านั้น
ที่เมืองกาบีลาเล็กที่สุดนั้น ไม่ได้วัดแค่จากจำนวนประชากรเท่านั้น แม้แต่อายุของเมืองก็น้อยที่สุดด้วย
เมืองเล็กนี้ก่อตั้งขึ้นมายังไม่ถึงห้าสิบปี เป็นเกาะที่ตั้งขึ้นมาเมื่อปี 60 ถึง 70 ในศตวรรษก่อนหน้าที่อุตสาหกรรมประมงกำลังรุ่งเรือง เนื่องด้วยรอบๆ เกาะเล็กๆ แห่งนี้มีทรัพยากรปลาที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้มีเรือหาปลาของแคนาดา อเมริกา และกรีนแลนด์มาที่นี่กันมากมาย ทำให้มีอุตสาหกรรมการบริการเกิดขึ้นมามากมาย จึงก่อให้เกิดเมืองเล็กๆ แห่งนี้ขึ้นมา
ตอนนั้นเมืองเล็กแห่งนี้เฟื่องฟูมาก มีประชากรอาศัยอยู่ถึงห้าพันกว่าคน สำหรับเมืองนิวฟันด์แลนด์ที่มีผู้คนน้อยอยู่แล้วนั้นจำนวนประชากรขนาดนี้ก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เมืองเซนต์จอห์นมีคนอยู่สักกี่คนกันเชียว? ก็แค่แปดหมื่นกว่าคนเท่านั้น
ผ่านไปไม่กี่ปีหลังจากสร้างเมืองเสร็จไม่นาน ทรัพยากรทางด้านการประมงที่อุดมสมบูรณ์จึงร่อยหรอลงในช่วงที่เฟื่องฟูนั่นเอง เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เมืองเล็กแห่งนี้ตกต่ำลงตาม
ความจริงแล้วสภาพภูมิประเทศของเกาะน้ำแข็งอัคคีนั้นดีมากเลยทีเดียว ไปทางใต้เป็นฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ ไปทางเหนือเป็นฟาร์มปลากรีนแลนด์
ชื่อเสียงของฟาร์มปลากรีนแลนด์ไม่ดังเท่ากับฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ แต่ก็เป็นฟาร์มปลาขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งชนิดและคุณภาพของปลาน้ำเย็นนั้นถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว
น่าเสียดาย ไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถทัดทานความน่ากลัวของแหลากกับแหอวนได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเทคโนโลยีของการจับปลากับเครื่องโซนาร์สำหรับหาปลาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปลาน้ำตื้นหรือปลาน้ำลึก ล้วนก็ต้องเผชิญกับการถูกจับที่ทำให้สูญพันธุ์กันทั้งนั้น
 “ในตอนที่คนเยอะที่สุด ในเมืองท่าเล็กๆ นี้มีเรือหาปลาเข้าออกถึงสองพันลำ!” พอพาลีพูดถึงตรงนี้ก็ส่ายหัว
ฉินสือโอวอดไม่ได้จึงถามออกไปว่า “ในตอนนั้นทางสภาเมืองกับกรมประมงไม่ได้กำหนดบทบัญญัติอะไรเหรอครับ?”
พาลีพูดอย่างหมดหนทางว่า “มีครับ แต่ทุกคนต่างก็เหมือนบ้ากันไปแล้ว พวกเขาคิดว่าสามารถจับปลาได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ใครจะสนใจบทบัญญัติการจับปลากันครับ? ปลาใหญ่ ปลาเล็ก หรือแม้แต่แมวน้ำ ก็ยังไม่เว้น! เวลาผ่านไปนานเข้า ทุกคนเริ่มรู้สึกว่าปลาที่ตัวเองหาได้นั้นนับวันยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ จนมาถึงวันที่มีคนออกไปหาปลาแต่จับปลากลับมาไม่ได้เลย ตอนนั้นพวกเราถึงเพิ่งจะรู้ว่ามีปัญหาแล้ว แต่ตอนนั้นก็ได้สายเกินแก้เสียแล้ว”
………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset