ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 729 ลูกไม้การเมือง

หลังจากทำเรื่องน่าอายลงไป ฉินสือโอวรู้สึกแย่ขึ้นมา เขารีบเอาปลามาให้บุชตัวหนึ่งเพื่อถือเป็นการไถ่โทษ
บุชรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองได้รับความเสียหาย จึงชูคอไว้ไม่ยอมรับ กางปีกออกบินไปหาวินนี่แทน
วินนี่เอาปลาซาบะตัวเล็กมาตัวหนึ่ง บุชงับเข้าปากไปในคำเดียว ชูคอขึ้นมาแล้วกลืนลงไป จากนั้นก็มองไปที่ฉินสือโอวอย่างวางอำนาจ
พาลีมองดูจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พูดว่า “พระเจ้า เจ้าตัวนี้ช่างน่ารักจริงๆ มันฉลาดขนาดนี้เลยเหรอครับ! ผมกล้าพนันเลยว่า มันต้องฟังที่พวกเราพูดเข้าใจแน่เลย!”
บุชยังคงมองเหยียดพาลี เรื่องที่ชัดเจนขนาดนี้ยังต้องพนันอีกเหรอ? มนุษย์คนนี้ช่างโง่จริง!
ฝนยิ่งตกหนักมากขึ้น ราวกับมีคนกำลังเปิดก๊อกน้ำอยู่บนฟ้า และราวกับมีเครื่องพ่นน้ำเทอร์โบนับไม่ถ้วนกำลังยิงไปที่ท้องฟ้าด้านบนเกาะ น้ำที่มากมายได้ไหลลงมาไม่ขาดสาย สุดท้ายฉินสือโอวต้องถึงกับพาพวกชาวประมงไปช่วยกันวักน้ำออกจากบ้านพักด้วย
หู่จือกับเป้าจือยังคงพร้อมเล่นเสมอไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ฝนกำลังตกลงมาอย่างแรง เจ้าสองตัวนี้กลับวิ่งออกไป นอนกลิ้งเล่นกันในโคลนที่อยู่บนพื้นหญ้า ขนสีทองที่สง่างามนั้นเปื้อนไปด้วยน้ำโคลนอย่างรวดเร็ว ส่วนพวกมันกลับเล่นกันอย่างสนุกสนาน
วินนี่ยิ้มแล้วไปเตรียมน้ำสำหรับอาบให้ หู่จือกับเป้าจือตอนนี้ก็เหมือนกับเด็กอายุเจ็ดแปดขวบ เป็นช่วงวัยกำลังซน พวกมันกำลังอยู่ระหว่างวัยเด็กกับวัยโต ช่างเป็นช่วงที่น่ารำคาญใจเสียจริง
คนที่ดีใจที่สุดก็คือมาสเตอร์ เต่าอัลลิเกเตอร์ สแนปปิ้งที่แท้จริงคือเต่าน้ำจืด เพราะชอบน้ำเป็นพิเศษ ปกติแล้วเต่าตัวเมียจะออกจากน้ำไปขึ้นฝั่ง ก็แค่ตอนที่จะวางไข่เท่านั้น
แต่ว่าบ้านพักอยู่ห่างกับแม่น้ำระยะหนึ่ง พวกมาสเตอร์มักไม่ชอบขยับตัว จะให้พวกมันคลานไปที่แม่น้ำทุกวันนั้นเป็นเรื่องที่ลำบากเกินไป วินนี่จึงจำเป็นต้องวางอ่างน้ำขนาดใหญ่ให้กับมัน ปกติมันจึงคลานไปอยู่ในนั้นแทน
แต่ว่าอย่างไรเสียอ่างน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นก็ไม่มีทางสบายเท่ากับน้ำไหลในแม่น้ำได้ น้ำฝนที่ตกมาจากฝนที่ตกหนักนี้ก็เทียบกับแม่น้ำที่ไหลอยู่ไม่ได้เช่นกัน แต่ก็ยังดีกว่าอ่างน้ำฝีมือมนุษย์มากอยู่ดี
เกาะแฟร์เวลมีสภาพแวดล้อมที่ดี มลภาวะแทบจะเป็นศูนย์ น้ำฝนจึงสะอาดบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก แม้แต่น้ำค้างบนพื้นก็ยังคงสะอาดมากเช่นกัน
มาสเตอร์หาหลุมบนพื้นมาหลุมหนึ่งแล้วคลานเข้าไป หัวหดเข้าไปในกระดอง หลับตาแล้วเริ่มดื่มด่ำทันที
หู่จือกับเป้าจือวิ่งไล่กันไปมา พวกมันพากันกลิ้งไปมาในน้ำโคลนต่างๆ นานา หู่จือไม่ทันระวังได้กระโดดไปบนหลังของมาสเตอร์
มาสเตอร์กระดิกหัวไปมา เมื่อเห็นว่าเป็นหู่จือกับเป้าจือแล้ว ก็ปิดปากที่แหลมราวกับเหยี่ยวที่เพิ่งอ้าออก และเริ่มปรือตาเพื่อดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ถูกลมพัดฝนซัดต่อไปด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน
ฝนตกหนักมักมาเร็วและไปเร็ว ตอนช่วงพลบค่ำลมฝนก็เริ่มหยุดแล้ว แต่ว่าท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มดังเดิม ผืนมหาสมุทรเบื้องหน้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา กลับไม่มีแม้เพียงเสี้ยวลมพัดมา
ฉินสือโอวยืนมองดูมหาสมุทรตรงนอกประตู ในใจรู้สึกเป็นกังวล การที่พายุหมุนเขตร้อนพัดขึ้นฝั่งทางตอนเหนือครั้งนี้ เกรงว่าคงจะทำความเสียหายไว้ไม่น้อยเลย
เหล่าชาวประมงก็รู้ถึงจุดนี้ พวกเขายังคงดูแลเรือที่จอดเทียบท่าที่ท่าเรือไว้ ใช้โครงสำหรับปลูกสาหร่ายทะเลมัดรวมกันไว้อย่างแน่นหนา พากันดูแลเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง
ฉินสือโอวนวดไปที่หน้าผากเบาๆ พูดออกมาอย่างปวดหัวว่า “ภูเขาไฟใต้ทะเลเพิ่งจะระเบิดไปนานแค่ไหนเชียว? พายุบ้านี่ก็มาอีก? หรือว่าปีนี้จะเป็นปีชงของฟาร์มปลาของเรากัน?”
 “ปีชง หมายความว่าอะไรครับ?” ชาร์คถามด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวเผลอหัวเราะออกมา ปัดมือไปมาแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ฉันแค่พูดไปเรื่อยน่ะ”
เพราะการมาถึงของลมพายุ ทำให้การท่องเที่ยวบนเกาะปิดตัวลงชั่วคราว วินนี่ที่ไม่มีอะไรทำจึงอยู่บ้านดูแลเจ้าตัวน้อยทั้งหลาย เธอพาหลัวปอเดินออกมา พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงว่า “ฉิน ถ้าหากพายุหมุนพัดขึ้นมาบนฝั่งของเกาะแฟร์เวล งั้นเกรงว่าสวนองุ่นของเราคงจะเสียหายแน่เลย”
ต้นกล้าองุ่นโตได้ชื่นใจคนมาก ภายใต้การบำรุงของพลังโพไซดอนทำให้โตได้ค่อนข้างแข็งแรง แต่ว่าไม่เพียงพอที่จะต้านกับลมพายุหมุนที่พัดขึ้นฝั่งมาได้อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวเองก็หมดปัญญา พ่อตายแล้วแม่แต่งงานใหม่ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้วกันนะ
ผ่านไปสักพัก ชาร์ควิ่งเข้ามาอย่างดีอกดีใจ พูดว่า “ไม่ครับ บอส นี่ไม่ใช่ปีชงของฟาร์มปลาของเราครับ ปีนี้เป็นปีที่ฟาร์มปลาก่อตั้งมาแล้ว 64 ปี ไม่ใช่ตัวประกอบของสิบสองปีครับ”
ฉินสือโอวหมดคำจะพูด เขารู้ว่าชาร์คนั้นวิ่งไปถามเออร์บักอย่างจริงจังถึงความหมายของคำว่า ‘ปีชง’ ดังนั้นจึงอธิบายอย่างคร่าวๆ ให้ฟังว่า ปีชงไม่ได้นับแค่เวลา แต่ยังรวมไปถึงโชคร้ายด้วย
ชาร์คพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “นี่อาจะไม่ใช่โชคร้ายนะครับ ขอแค่พวกเราเตรียมตัวดีๆ พายุหมุนลูกนี้ถือว่าดีต่อฟาร์มปลานะครับ”
พายุหมุนลมร้อนมุ่งหน้าไปทางเหนือ นำพามาแต่การเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ ความกดอากาศสามารถเปลี่ยนกระแสของน้ำในมหาสมุทรได้ แล้วพัดพาพวกสารอาหารต่างๆ จากเขตร้อนและเขตอบอุ่นมาด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่พายุหมุนลมหนาวร้อนผ่านไป ฟาร์มปลาจึงมักมีผลผลิตที่มากโข
พาวเวลล์กับพวกเด็กๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน เมื่อเห็นที่บ้านมีคนมากันเยอะแบบนี้ พวกเขาจึงทำไอศกรีมกับน้ำผลไม้กันที่บ้านเครื่องดื่ม แล้วนำมาเสิร์ฟให้กับทุกคนดื่มกัน
โทรศัพท์ของเออร์บักดังขึ้นมา เขามองดูทีหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า “แฮมเล็ตโทรมาน่ะ ดูท่าเขาจะยังคงไม่ตายใจแฮะ”
ฉินสือโอวกินไอศกรีมแล้วถามออกไปว่า “ไม่ตายใจเรื่องอะไรครับ?”
ฉงต้าลุกขึ้นยืนยื่นอุ้งเท้าออกไปพาดไว้ที่ไหล่เขา ดวงตาคู่เล็กนั้นกำลังจ้องมองไปที่ไอศกรีมตาเป็นมัน พร้อมร้องเสียงอือๆ อูๆ ออกมา
หมีสีน้ำตาลสนใจกับของหวานทุกชนิด ยิ่งไปกว่านั้นไอศกรีมไม่เพียงแต่หวานแถมยังเย็นอีกด้วย ตอนนี้อากาศร้อนอบอ้าวเกินไป วินนี่เองยังคิดจะตัดขนให้กับเจ้าตัวน้อยพวกนั้นเลย
วินนี่ตบไปที่ก้นของฉงต้าทีหนึ่ง แต่ก็ยังคงยื่นไอศกรีมในมือให้กับมัน ฉงต้านั่งลงบนพื้นอย่างดีใจ ตาคู่น้อยนั้นปรือจนเป็นเส้นเดียว แล้วใช้ลิ้นเลียไอศกรีมเข้าปาก
ต้าป๋ายก็มาร่วมวงด้วยแล้วใช้สายตาที่ไร้เดียงสานั้นจ้องไปที่มัน ฉงต้าถือได้ว่าดูแลเพื่อนตัวเองได้ดีทีเดียว มันลังเลสักพักแล้วถุยโคนไอศกรีมออกมาจากปากชิ้นหนึ่ง ต้าป๋ายใช้เล็บหยิบขึ้นมา เอาเข้าปากแล้วกลืนลงไปเลย
เออร์บักออกไปรับโทรศัพท์แล้ว นีลเซ็นที่อยู่ข้างๆ จึงอธิบายว่า “เป็นเรื่องการเลือกตั้งครับ คุณแฮมเล็ตเชิญให้คุณเออร์บักไปเข้าร่วมกับทีมระดมความคิดของเขา แต่คุณเออร์บักไม่ได้สนใจครับ”
ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ท่าเรือเซนต์จอห์น ฉินสือโอวก็ได้รู้ว่าบรรยากาศการเลือกตั้งในเมืองนั้นกำลังเข้มข้นอย่างมาก ที่ท่าเรือได้แปะป้ายหาเสียงของแฮมเล็ตไว้ ด้านบนได้เขียนสโลแกนหาเสียงไว้ด้วย ในเมืองนั้นมีมากยิ่งกว่า ไม่ว่าที่ไหนก็เต็มไปด้วยป้ายหาเสียงหมด
หลังเออร์บักกลับมา ฉินสือโอวถามเขาว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง คุณชายสูงอายุถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “พลังของพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ในนิวฟันด์แลนด์นั้นอ่อนแรงเกินไป ทีมระดมความคิดที่ถูกส่งมาช่วยในการแข่งขันก็ไม่ได้มีความเข้าใจในนโยบายท้องถิ่นกับวิถีชีวิตของประชาชนที่นี่มากนัก ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งของแฮมเล็ตก็ไม่ได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้”
ใจของฉินสือโอวตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขาลงทุนไปตั้งห้าสิบล้านเลยนะ ถ้าหากว่าแฮมเล็ตแพ้การเลือกตั้งขึ้นมา งั้นก็คือความซวยอย่างแท้จริงแล้ว
แต่ท่าทีของเออร์บักนั้นสบายๆ มาก เขาพูดว่า “ไม่ต้องห่วงครับ การเลือกตั้งครั้งนี้แฮมเล็ตมีโอกาสชนะที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ที่เขาขาดก็แค่คนที่จะมาช่วยเหลือเท่านั้น แม้ว่าผมไม่ไปช่วย ความจริงเขาก็ชนะได้นะครับ เพียงแต่ว่าแรงกดดันจะมากเป็นพิเศษเท่านั้น”
เขาหยุดไปสักพัก แล้วก็พูดเสริมต่ออีกว่า “อีกอย่าง ผมต้องไปช่วยเขาอยู่แล้ว”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว ที่เออร์บักปฏิเสธมาตลอด ก็เพื่อเป็นการยกคุณค่าในตัวเอง และยังเป็นการเพิ่มแรงกดดันไปให้กับทีมระดมความคิดด้วย หากไม่ถึงจุดที่จำเป็นต้องพึ่งเขาจริงๆ เขาจะไม่ไปเข้าร่วมด้วยแน่นอน
แรงกดดันของแฮมเล็ตในตอนนี้ถือว่าหนักมากแล้ว ทางอ็อกเฟอร์กรุ๊ปนั้นได้ประกาศความฝันที่เลื่อนลอยออกมาเป็นจำนวนมาก ทั้งลดภาษี การลงทุน เสริมสร้างเพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงาน ทำให้ได้ใจของพวกนักธุรกิจชนชั้นกลางไปมาก และพลังเหล่านี้แหละที่เป็นแกนหลักของการชนะการเลือกตั้งของเซนต์จอห์นในครั้งนี้
ทางพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ยังหาจุดเปลี่ยนไม่เจอ ในคืนนั้นเองที่แฮมเล็ตฝ่าฝนที่ตกกระหน่ำมายังฟาร์มปลา เพื่อมาเชิญเออร์บักไปออกโรงด้วยตัวเอง
………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset