ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 735 ช่วงเวลาแห่งชัยชนะ

การพูดแนะนำสหภาพแรงงานของแคนาดาแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการพูดเกินจริงเลย ต้องบอกก่อนว่าฉินสือโอวเคยอ่านหนังสือขายดีเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เพื่อเสียดสีและร้องเรียนสหภาพแรงงานของแคนาดาโดยเฉพาะ ชื่ออะไรแล้วนะ? หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า ‘มะเร็งสังคมที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา!’
ประชาชนทั่วไปเหมือนจะหลอกง่ายแต่พวกเขากลับไม่ได้โดนหลอก นักการเมืองสามารถให้คำสัญญาลอยๆ ในนโยบายต่างๆ ของพวกเขาได้หลังจากที่ขึ้นเวทีปราศรัย ประชาชนทั่วไปเชื่อคำพูดของพวกเขา นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนชั้นล่าง เป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างอ่อนแอ นอกจากเชื่อคำพูดหลอกลวงพวกนั้นแล้ว พวกเขายังทำอะไรได้อีกงั้นเหรอ?
แต่ว่าไม่ง่ายนักที่จะหลอกพวกเขาได้ พวกเขาถูกสหภาพแรงงานเอาเปรียบมานาน แล้วยังจะให้เชื่อในสหภาพอีกงั้นเหรอ? คุณคิดว่าชาวแคนาดานั้นเป็นเพียงแมวน้อยอย่างนั้นเหรอ? ต่อให้เป็นลูกแมวน้อย แต่พวกคุณก็ต้องระวังอุ้งเท้าของพวกมันไว้ให้ดี
ดังนั้น ฉินสือโอวได้ถามแฮมเล็ตตั้งแต่แรกแล้วว่าเขามีโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งมากน้อยแค่ไหน เออร์บักบอกกับฉินสือโอวว่าแฮมเล็ตจะต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่ดีแน่นอน วิกฤตหนี้ในครั้งนี้กระทบทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของแคนาดาตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่พรรคนิวเดโมแครตจะสามารถใช้ประโยชน์ได้
ถ้าหากว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ได้วิกฤตเช่นนี้ ประชาชนคงจะไม่เลือกสหภาพแรงงานให้มีอำนาจในสภาแน่นอน นี่ไม่คงไม่ได้เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกใช่ไหม?
แน่นอนว่า สมาชิกของพรรคนิวเดโมแครตไม่ได้เป็นของสหภาพแรงงานทุกคน และไม่ใช่คนของสหภาพแรงงานจะเป็นคนไม่ดีทุกคน สาเหตุหลักของเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะคนไม่กี่คน ทำให้คนทั้งกลุ่มนั้นถูกคนอื่นมองมาด้วยภาพลักษณ์แบบเดียวกัน
ความสามารถและคุณสมบัติของแฮมเล็ตนั้นไม่เลว ฉินสือโอวกับเขารู้จักกันมาครึ่งปีแล้ว เขารู้สึกว่าชายคนนี้เป็นคนที่สามารถพึ่งพาได้ อย่างน้อยๆ เขาก็พัฒนาเศรษฐกิจของเกาะแฟร์เวลอย่างสุดกำลัง และไม่เห็นแก่ตัวเลยแม้แต่น้อย เงินที่ได้รับก็ไม่ได้นำเข้าไปเป็นของตัวเอง
ครั้งนี้ความซวยที่เกิดขึ้นเกิดจากตัวของแฮมเล็ตเอง หากว่าเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับสหภาพแรงงาน บวกกับเรื่องความสำเร็จของเกาะแฟร์เวล อีกทั้งยังมีฉินสือโอวและคนอื่นๆ คอยสนับสนุนเช่นนี้ เขาจะต้องชนะนายกรัฐมนตรีอ็อกเฟอร์ได้อย่างขาดลอยแน่นอน
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่โอกาสในการชนะของแฮมเล็ตก็ยังคงสูงอยู่ การปราศรัยในครั้งนี้ของเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ถือได้ว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งชัยชนะของเขาได้เลย ชัยชนะครั้งนี้ดูได้จากเสียงปรบมือและเสียงเชียร์โห่ร้องที่ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว
ในช่วงเวลานี้เขาหลีกเลี่ยงหัวข้อที่เกี่ยวกับสหภาพแรงงานได้อย่างชาญฉลาด การพึ่งพาเสียงของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่อยู่ด้านล่าง ได้ผลหรือไม่นั้นให้ดูอย่างเกาะแฟร์เวลเป็นตัวอย่าง เมื่อรวมกับเสียงผู้สนับสนุนจากเกาะแฟร์เวลแล้ว เหล่าประชาชนที่เข้ามาฟังเขาปราศรัยในวันนี้คงจะได้รับการจุดประกายไปมาก
การปราศรัยจบลงแล้ว กำหนดการต่อไปก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นกัน นั่นคือส่งที่เรียกว่าการถามตอบ ฉายาของทุกคนถูกตั้งขึ้นเพื่อแสดงถึงความแตกต่าง ส่วนชื่อที่เป็นทางการก็หมายถึงสื่อที่ต้องการถามคำถาม
สิ่งที่ยากของกำหนดการนี้คือ สื่อที่เตรียมคำถามมาถามมากมายนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่อ็อกเฟอร์ตั้งใจจ้างมาเพื่อทำให้แฮมเล็ตตกที่นั่งลำบากโดยเฉพาะ แน่นอนว่า ก่อนหน้านี้ที่อ็อกเฟอร์ขึ้นปราศรัย แฮมเล็ตก็ได้ทำแบบเดียวกัน
ถ้าหากว่ากำหนดการนี้ แฮมเล็ตผ่านมันไปได้ กิจกรรมการปราศรัยในครั้งนี้ก็ถือว่าจบได้อย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบ
แทบจะไม่มีเวลาให้ได้พัก แฮมเล็ตที่ยกน้ำแร่ขึ้นจิบหลังจากการปราศรัยจบลงถูกนักข่าวพวกนั้นมองข้ามไป นักข่าวแต่ละคนต่างยิงคำถามออกมาทันทีอย่างรวดเร็ว
สุภาพบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมแว่นตาและมีท่าทีดูดีเป็นคนยิงคำถามขึ้นมาคนแรก เขาถามว่า “นายกเทศมนตรีแฮมเล็ต ผมนักข่าวจากสำนักข่าวเดลี่เอ็กซ์เพรส สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ คุณสุภาพบุรุษ”
“ผมอยากสอบถามท่านสักหน่อย ท่านนายกเทศมนตรี คุณคือผู้เข้าสมัครแข่งขันเลือกตั้งที่มีอายุมากที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 21 นี้ที่ลงสมัครการแข่งขันเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีของนครเซนต์จอห์น ตามที่คนของท่านได้ออกมาเปิดเผยว่า ท่านได้รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากจากการหาเสียงในครั้งที่แล้ว และเมื่อครู่ผมสังเกตเห็นว่า หลังจากที่ท่านปราศรัยจบท่านก็จะจิบน้ำทันที จากข้อมูลที่ผมมี ท่านอ็อกเฟอร์เป็นคนที่มีพลังมากมายล้นเหลือ ก่อนหน้านี้ที่สหรัฐอเมริกาเกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ เพื่อให้เศรษฐกิจของนครเซนต์จอห์นยังคงมั่นคง เขาได้ทำงานติดต่อกันและอดหลับอดนอนหลายวัน เช่นนั้น คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์นี้คุณจะสามารถทำงานให้สำเร็จได้หรือไม่?”
แฮมเล็ตหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย เขาโบกมือไปมาพลางพูดขึ้นว่า “คุณสุภาพบุรุษ ผมหวังว่าคุณจะรู้ว่า ในการแข่งขันเช่นนี้ผมไม่ยอมให้เอาเรื่องอายุเข้ามาเป็นต้นทุนในการแข่งขัน ผมไม่ได้วางแผนที่จะใช้อายุและประสบการณ์ที่มีไม่มากในการทำงานมาใช้ประโยชน์และใช้เป็นเป้าหมายในการโจมตีคู่แข่ง แบบนั้นมันก็ไม่ยุติธรรมสิ เพราะว่าผมเป็นคนที่โตมาจากเด็กหนุ่มผู้มีผมดกเช่นกัน”
นี่คือศิลปะในการถามตอบของการเมือง ฉินสือโอวนั่งฟังการตอบคำถามบนเวทีด้วยความเพลิดเพลิน
สำนักข่าวเดลี่เอ็กซ์เพรส เป็นหนึ่งในห้าสำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุด สถานะของพวกเขาสำคัญมาก เจ้าของของสำนักข่าวนี้เป็นคนของพรรคเสรีนิยม จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะพูดแต่เรื่องดีๆ ของอ็อกเฟอร์
นักข่าวยังคงเรียกแฮมเล็ตว่า ‘นายกเทศมนตรี’ ซึ่งถือว่าเป็นการสบประมาทแฮมเล็ต คุณเป็นเพียงนายกเทศมนตรีไม่ใช่เหรอ? พ่อครัวตัวเล็กๆ อยากจะขึ้นมาเป็นคนคุมครัวแทนงั้นเหรอ?
คำตอบของแฮมเล็ตเป็นการป้องกันการโจมตีอย่างหนึ่ง อันที่จริงเขาอยากจะตอบคำถามของนักข่าวคนนั้นว่า ใช่แล้ว ผมอายุมาก ความแข็งแรงไม่สามารถคู่แข่งได้ แต่ว่าเขาไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน เขากลับตอบว่าอายุที่มากกว่าของเขาถือว่าเป็นจุดแข็ง และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง ทำให้นักข่าวคนนั้นไม่สามารถโจมตีได้อีก
การตอบแบบนี้ถือว่าเป็นการตอบคำถามที่ฉลาดมาก หลังจากที่แฮมเล็ตพูดจบ เขาก็ได้รับเสียงปรบมือมากมายจากประชาชน
ฉินสือโอวก็ปรบมือให้กำลังใจเขาด้วยเช่นกัน เขามองไปยังวินนี่ เธอดูดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังคงซีดเซียวอยู่บ้าง
เรื่องนี้ทำให้ฉินสือโอวไม่สบายใจ แต่งานปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งยังไม่จบ เขาจึงไม่สามารถออกจากงานได้ เขาทำได้เพียงกุมมือวินนี่ไว้
วินนี่ยิ้มหวานให้กับฉินสือโอว พร้อมกับส่งสายตาปลอบประโลมไปให้เขา เพื่อต้องการที่จะบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
หลังจากนั้นก็ยังคงมีนักข่าวถามคำถามอีกเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นคำถามที่จงใจทำให้ลำบากใจและเป็นคำถามที่ตอบยาก แต่ว่าคำตอบของแฮมเล็ตก็เป็นไปด้วยความเหมาะสม และนั่นทำให้เขาได้รับเสียงปรบมือครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเสียงปรบมือเหล่านี้เป็นการสร้างความเชื่อถือให้แฮมเล็ตแค่ไหน เขาสวมใส่หูฟังขนาดเล็กที่ไม่มีใครมองเห็นอยู่ที่หูของเขา เหล่าเจ้าหน้าที่นั่งอยู่หลังเวทีนั้น เมื่อได้ยินคำถามที่นักข่าวถามออกมา พวกเขาก็จะเอ่ยบอกคำตอบที่ต้องตอบให้แก่แฮมเล็ต
อันที่จริงแล้วตอนนี้เหล่าเจ้าหน้าที่ตอบคำถามนั้นเป็นคนกลุ่มหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือเออร์บักที่พึ่งจะได้รับหน้าที่นี้ เขาเป็นทนาย เขาเป็นคนที่เก่งที่สุดในเรื่องการปะทะฝีปาก คำตอบของแฮมเล็ตพวกนั้น ในสิบข้อเออร์บักเป็นคนแนะนำคำตอบให้เขาไปแล้วห้าข้อ
สุดท้าย นักข่าวสาวผู้มีบุคลิกดีคนหนึ่งก็ยกไมโครโฟนขึ้นถามคำถาม “คุณแฮมเล็ต ดิฉันนักข่าวนอกสถานที่จากสำนักข่าวแคนาดานิวส์ ดิฉันอยากสอบถามว่า ตอนนี้คนทั่วโลกออกมาบอกว่าพระเจ้าได้ละทิ้งฟาร์มปลาของนิวฟันด์แลนด์แล้ว แต่คุณบอกว่าหลังจากที่คุณได้รับตำแหน่งคุณจะทุ่มเทเพื่อช่วยให้ฟาร์มปลากลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง หรือว่าคุณเก่งกว่าพระเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
คำถามนี้ค่อนข้างโหดร้าย ในเมื่อเจอกับคำถามอันน่าประหลาดใจเช่นนี้ แล้วจะตอบคำถามนี้อย่างไรล่ะ หากยอมรับคำถามนั้น ก็เป็นการตบหน้าตัวเอง แต่หากไม่ยอมรับ ก็หมายความว่านายกเทศมนตรียิ่งใหญ่กว่าพระเจ้างั้นเหรอ? แม้แต่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก็ยังไม่กล้าตอบแบบนี้
แต่เมื่อแฮมเล็ตได้ยินคำถามนั้นเขากลับไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เขายิ้มแล้วเดินมาเชิญฉินสือโอวให้ลุกขึ้น เขาโอบกอดฉินสือโอวอย่างสนิทชิดเชื้อแล้วพูดขึ้นมา “เอาล่ะ ทุกท่าน ผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ให้ฟัง เรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วและอยู่ใกล้ตัวพวกเรา เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเกาะแฟร์เวล”
“เดือนเมษายนปีที่แล้ว มีชาวจีนคนหนึ่งชื่อว่าฉินสือโอว เขาได้มรดกตกทอดเป็นฟาร์มปลาจากคุณปู่ของเขา พื้นที่ฟาร์มปลาแห่งนั้นได้ถูกทิ้งให้รกร้างมานับสิบปีแล้ว”
“ในตอนนั้นพื้นที่ฟาร์มปลาเต็มไปด้วยหินขรุขระจำนวนมาก มีขยะเต็มไปหมด น้ำทะเลปนเปื้อนมลพิษอย่างหนัก ทรัพยากรประมงก็ขาดแคลน ใช่แล้ว ฟาร์มปลาแห่งนั่นถูกทิ้งร้างจนไม่เหลืออะไรแล้ว! ที่แห่งนี้มีเพื่อนของผมหลายคนที่เคยไปเที่ยวเกาะแฟร์เวล เชื่อพวกเขาเถอะว่าผมไม่ได้พูดเรื่องโกหก!”
“แต่ว่า เจ้าของฟาร์มท่านนี้ที่ไม่เคยย่อท้อและทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทุกวันเขาทำงานอย่างหนัก พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงฟาร์มปลาของตัวเอง หลังจากนั้นหนึ่งปี วันหนึ่งรัฐมนตรีกรมประมงของพวกเราก็ได้ไปยังฟาร์มปลาของเขา”
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset