ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 736 จู่ๆ ก็ได้รับข่าวดี

แฮมเล็ตที่กระหายต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ได้ยกคำถามในหัวข้อนี้ไปยังบุคคลที่สามนั่นก็คือฉินสือโอว และเขาก็ประสบความสำเร็จในการสร้างความสนใจให้แก่ประชาชน
“ไม่ต้องถามผมหรอกครับว่าทำไมรัฐมนตรีกรมประมงถึงได้ไปยังฟาร์มปลาของเขา ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นชะตากรรมที่ชาวตะวันตกชอบพูดถึงกันก็เป็นได้? เอาล่ะ อย่างไรก็ตามท่านรัฐมนตรีก็ได้ไปที่นั่นแล้ว…ทุกคนที่ดูข่าวคงจะทราบว่านี่เป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้พูดโกหกเลยใช่ไหม?”
“รัฐมนตรีกรมประมงเดินสำรวจฟาร์มปลาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเขาพบว่าที่นี่มีปลาค็อดจำนวนมาก เขาก็พูดขึ้นมาว่า ‘โอ้ พ่อหนุ่ม พระเจ้าจะต้องอวยพรให้ฟาร์มปลาของคุณอย่างแน่นอน’ หลังจากนั้น เขาก็เห็นการเก็บเกี่ยวสาหร่าย เขาเลยพูดขึ้นมาอีกว่า ‘โอ้ พ่อหนุ่ม พระเจ้าจะต้องอวยพรให้แก่สาหร่ายทะเลของคุณอย่างแน่นอน’ ”
“หลังจากที่เดินสำรวจฟาร์มปลาแล้ว เขาก็พูดขึ้นมาว่า ‘พระเจ้า พ่อหนุ่ม พระเจ้ากับคุณได้ทำให้ฟาร์มแห่งนี้ได้รับผลผลิตที่มากมายขนาดนี้เลยสินะ สุดยอดไปเลย’ พวกคุณรู้ไหมว่าตอนนั้นฉินสือโอว น้องชายของผมเขาตอบกลับว่าอย่างไร? มา ให้เขาพูดด้วยตัวเอาเองดีกว่า”
ไมโครโฟนถูกยื่นมาที่หน้าของฉินสือโอว ในหูของฉินสือโอวก็มีหูฟังอันเล็กๆ อยู่เช่นกัน เขารู้คำตอบอยู่แล้ว เขาหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ความเชื่อของพวกคุณนะครับ แต่ในตอนนั้นผมพูดขึ้นมาว่า ‘ท่านรัฐมนตรีที่เคารพ ผมหวังไว้จริงๆ ว่าคุณจะได้มาเห็นจริงๆ ว่าตอนที่พระเจ้าจัดการดูแลที่ดินแห่งนี้เพียงลำพัง เขาได้ทำอะไรไปบ้าง!’ ”
คำตอบนี้เรียกเสียงหัวเราะได้จากทั่วทุกมุมจัตุรัส แต่ว่าครั้งนี้ไม่มีใครผิวปากออกมา
หากว่าเป็นก่อนหน้านี้ ฉินสือโอวอาจจะรู้สึกไม่ดีที่จะต้องล้อเล่นต่อพระเจ้าในสถานการณ์ที่เป็นทางการเช่นนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะถูกชาวคาทอลิกและคริสเตียนร่วมมือกันตบตีเขาก็เป็นได้
ตอนนี้เขาได้ใช้เวลาร่วมกับคริสเตียนมานานจนรู้แล้วว่า พวกเขาไม่ได้ละเอียดอ่อนและเคร่งครัดขนาดนั้น การใช้นามของพระเจ้ามาสร้างบรรยากาศในพิธีการให้ครึกครื้นเล็กน้อย กลับถูกพวกเขามองว่าเป็นวิธีการที่ฉลาดวิธีหนึ่ง
การตอบคำถามสุดท้ายนี้เป็นการแสดงถึงการปิดฉากงานปราศรัยในครั้งนี้ แฮมเล็ตยังคงอยู่ที่จัตุรัสเพื่อกล่าวขอบคุณประชาชนที่มาร่วมงาน การทำแบบนี้ถือว่าเป็นเชื่อมสัมพันธ์ที่สำคัญเป็นอย่างมาก เขามีหน้าที่ตอบคำถามของประชาชนที่มีข้อสงสัย แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแขกผู้ร่วมสนับสนุน
ฉินสือโอวให้นีลเซ็นขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ที่นครเซนต์จอห์นทันที เมื่อวานตอนเย็นวินนี่บอกว่าเธอรู้สึกไม่สบาย วันนี้ยังเกือบเป็นลมในจัตุรัสอีก เรื่องนี้ทำให้เขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
วินนี่ไม่อยากไปโรงพยาบาล เธอพูดปลอบใจฉินสือโอวว่า “ฉันพึ่งไปตรวจร่างกายมาเอง ที่รัก ฉันไม่เป็นอะไร ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก พวกเรากลับบ้านกันดีไหมคะ?”
ฉินสือโอวพูดจาโน้มน้าวอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าอย่างไรวินนี่ก็ไม่อยากไปโรงพยาบาล เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาว่า “ไม่ได้ คุณต้องไปโรงพยาบาล! คุณต้องบอกหมอถึงอาการที่คุณเป็น หมอจะได้ตรวจร่างกายคุณอย่างละเอียด!”
โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ที่มีชื่อดั้งเดิมว่าโรงพยาบาลนิวฟันแลนด์ เซนต์แมรี่ เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นแกนนำในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยศูนย์สุขภาพ
ประวัติของโรงพยาบาลนี้มีมาอย่างยาวนาน โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1901 ตอนนั้นมีบาทหลวงท่านหนึ่งเปิดโรงพยาบาลขนาดเล็กแห่งนี้ไว้เพื่อแยกผู้ป่วยโรคติดต่อ ตอนที่เปิดทำการครั้งแรกมีเตียงผู้ป่วยเพียงสามสิบเตียงเท่านั้น โดยเน้นไปที่การรักษาผู้ป่วยโรคติดต่อ เมื่อผ่านการพัฒนามาเป็นร้อยปี ตอนนี้โรงพยาบาลแห่งนี้จึงได้กลายเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยโรคติดต่อที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในแคนาดา
แน่นอนว่า โรงพยาบาลเซนต์แมรี่ไม่ได้มีจุดแข็งที่การรักษาโรคติดต่อเพียงอย่างเดียว พวกเขามีความชำนาญในเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพของสตรีอีกด้วย เรียกได้ว่าสามารถเทียบเท่าได้กับศูนย์วิทยาศาสตร์และสุขภาพของมหาวิทยาลัยซันนี่บรู๊คและสตรีอันมีชื่อเสียงได้เลย
โรงพยาบาลไม่ได้อยู่ห่างจากจัตุรัสอนุสรณ์นิวฟันแลนด์มากนัก เนื่องจากโรงพยาบาลเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยอนุสรณ์นิวฟันด์แลนด์ และนี่ถือเป็นลักษณะเฉพาะของโรงพยาบาลทางอเมริกาเหนือ เกือบทุกโรงพยาบาลมักจะมีความเกี่ยวข้องกับโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เช่นว่าศูนย์วิทยาศาสตร์และสุขภาพของมหาวิทยาลัยซันนี่บรู๊คและสตรีก็มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยโทรอนโต
เมื่อเข้าไปในโรงพยาบาล ฉินสือโอวก็รีบไปลงทะเบียนเพื่อขอทำการตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที พนักงานบริการที่แผนกต้อนรับเอ่ยออกมาด้วยความเสียใจว่าหากต้องการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต้องทำการนัดล่วงหน้าเสียก่อน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการพิจารณาผู้ลงทะเบียนก่อนนัดหมายอีกครั้ง
ขั้นตอนอันซับซ้อนและยุ่งยากในการใช้บริการโรงพยาบาลรัฐของประเทศแคนาดาถูกวิจารณ์มาตลอด การทำงานของพวกเขาเคร่งครัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่รอพบแพทย์เช่นนี้ พวกเขามักได้รับการวิจารณ์อย่างหนักจากในข่าว
ในหมู่ประชาชน ได้มีการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปทางการแพทย์มาตลอดโดยไม่เคยหยุดนิ่ง พวกเขามีข้อเสนอแนะมากมาย แต่ว่าเสียงเรียกร้องดังไปก็เท่านั้นเพราะทางโรงพยาบาลไม่เคยปรับปรุงเลย นั่นก็เพราะว่าระบบทางการแพทย์อันยิ่งใหญ่ของแคนาดานี้ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานความเท่าเทียมทางสังคม มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานทั้งหมด
ฉินสือโอวที่กำลังร้อนรนถูกวินนี่คว้ามือไว้ เธอยิ้มให้และพูดออกมาว่า “ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ ต่อให้รอต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา คุณก็รู้นี่ว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องดูรายการการตรวจโรคก่อนที่จะทำการนัดหมายได้ หลังจากนั้นเขาจึงจะทำการรักษาได้ ดังนั้นฉันแนะนำว่าพวกเราไปหาแพทย์ทั่วไปดีกว่า”
ฉินสือโอวส่ายหน้า ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสของตัวเองขึ้นมาได้ เขาหัวเราะออกมาหึหึ จากนั้นก็ดึงบัตรใบนี้ออกมายื่นไปที่หน้าพนักงานบริการ พลางถามขึ้นว่า “ผมสามารถแซงคิวได้ไหม?”
บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสนี้มีสิทธิ์ใช้ไม่จำกัด พนักงานต้อนรับคนนั้นรีบลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ทางการของบริษัทเอ็กซ์เพรสของแคนาดาทันที หลังจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้วว่าเป็นบัตรจริง เธอก็รีบให้หมายเลขเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแก่วินนี่ทันที ผ่านไปสองนาทีวินนี่ก็ได้เข้าห้องตรวจ
บางทีนี่อาจจะเป็นการใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้คน ในประเทศจีนอาจจะมีคนรู้สึกว่าฉินสือโอวไม่ทำตามกฎ แต่ที่แคนาดาไม่ได้เป็นเช่นนั้น นั่นก็เพราะว่าสังคมทุนนิยมได้ให้ความสนใจกับทฤษฎีที่ว่าเงินคือทุกสิ่ง แล้วทำไมคนที่ร่ำรวยถึงจำเป็นจะต้องมีบัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรสด้วยล่ะ? ไม่ได้มีไว้เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตยิ่งขึ้นหรอกเหรอ?
หลังจากที่วินนี่เข้าห้องตรวจไปได้ไม่นาน แพทย์คนหนึ่งก็ออกมาจากห้องตรวจ แล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “เฮ้ เพื่อน ผมกะแล้วว่าต้องเป็นคุณ มาๆ พาภรรยาของคุณไปที่ห้องฉายรังสีนะ พอถึงตอนนั้นผมจะแจ้งผลกับคุณอีกที”
ฉินสือโอวมองไปยังแพทย์คนนั้นพลางยิ้มออกมา บังเอิญเสียจริงที่เป็นคนคุ้นเคยกันนี่เอง โอดอม กู๊ดแล็ค ลูกชายอดีตเจ้าของฟาร์มปลาบ้านเกิดของปลาค็อด ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวยังไปเป็นแขกร่วมรับประทานอาหารเย็นกับเขาอยู่เลย
แต่ว่าเขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะคุยเล่นกับโอดอม เมื่อได้ยินว่าต้องไปที่ห้องฉายรังสีเขาก็เกิดอาการตื่นตระหนกขึ้นมา อะไรกำลังรอเขาอยู่ที่ห้องฉายรังสีอย่างนั้นเหรอ?
หลังจากที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานบริการเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกหดหู่ใจ เรื่องบ้าอะไรกันทำไมวินนี่ต้องมาทำอัลตราซาวด์ด้วย ห้องฉายรังสีอะไรกัน?
หลังจากที่ทำการตรวจอัลตราซาวด์เสร็จ โอดอมก็ให้แผ่นผลอัลตราซาวด์ให้แก่ฉินสือโอวพลางพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วยนะ เพื่อน คุณจะได้เป็นพ่อคนแล้ว ลูกตัวน้อยสุดแสนน่ารักของคุณกำลังนอนหลับอยู่ในท้องของภรรยาของคุณน่ะ แนอนว่า ตอนนี้ยังดูไม่ออกหรอกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
โอดอมพูดอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ฉินสือโอวกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังโดนทุบลงมาที่หัวอย่างรุนแรง เขาอึ้งจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาไปชั่วขณะ เขาอ้าปากค้างแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาทั้งสองมองไปข้างหน้าด้วยความว่างเปล่า สายตาของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ในหัวของเขาคิดออกอยู่เรื่องเดียว เขามีลูกแล้ว!
ความคิดนี้เป็นความคิดเดียวกันกับตอนที่เขาเห็นกระต่ายทะเลผสมพันธุ์กันเมื่อไม่นานมานี้ แล้วมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก อาการตกตะลึงที่เกิดในหัวอย่างเฉียบพลัน ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก
เหมือนว่าโอดอมจะมองออกว่าฉินสือโอวรู้สึกอย่างไร เขาจึงทำเพียงยิ้มให้และรอให้ฉินสือโอวมีปฏิกิริยาตอบสนอง
ฉินสือโอวหายใจเข้าลึก แล้วถามออกมาอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อว่า “วินนี่ คุณท้องงั้นเหรอ? ผม ผมจะได้เป็นพ่อคนแล้วงั้นเหรอ?”
วินนี่เอื้อมมือมาจับมือของฉินสือโอวและพูดออกมาอย่างไพเราะว่า “คุณไม่ได้เป็นพ่อมาตลอดหรอกเหรอ? คุณก็ดูแลพวกหู่จือเป้าจือและฉงต้าอย่างดีมาโดยตลอดนี่”
ฉินสือโอวส่ายหน้าทันที นี่มันเหมือนกันเหรอ? ใช่แล้ว เขาเลี้ยงดูเจ้าพวกนั้นเหมือนเป็นลูกสาวลูกชายของตนเอง แต่เขาก็รู้สึกว่านี่มันไม่เหมือนกัน!
“ผมจะเป็นพ่อคนแล้ว!” ฉินสือโอวพูดประโยคนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โอดอมช่วยพูดให้เขาแน่ใจขึ้นไปอีกว่า “ใช่แล้ว เพื่อน นายจะเป็นพ่อคนแล้ว!”
………………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset