ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 740 ขยะลอยน้ำ

เมื่อเชอร์ลี่ย์พูดจบ ก็เกิดเสียงกระจกแตกดังขึ้น กระจกหน้าต่างอีกบานแตกอีกแล้ว!
เพราะลมที่แรงบวกกับน้ำฝน ทำให้ปลาเทราต์สายรุ้งตัวหนึ่งกระเด็นชนหน้าต่างเข้ามา มันนอนอยู่ท่ามกลางเศษกระจกที่แตกบนพื้น
หัวของปลาตัวนี้มีรูปร่างที่เปลี่ยนไป มันสะบัดหางของตัวเองไปมาบนพื้นสองสามที จากนั้นก็ไม่ขยับตัวอีก ดูเหมือนว่ามันจะตายไปแล้ว
กอร์ดอนลูบปลาที่อยู่ด้านหน้าของตน ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ “พระเจ้า ปลาจริงๆด้วย!”
อีวิลสันใช้ร่างกายอันใหญ่โตของตัวเองบังไว้ที่หน้าต่าง ทำให้ลมพายุและฝนนั้นไม่สามารถเข้ามาได้
ไม้กระดานที่เมื่อวานฉินสือโอวหามายังใช้ไม่หมด วินนี่ช่วยเขาตัดไม้อย่างรวดเร็ว เมื่ออีวิลสันถอยออกมา เขาก็ใช้ไม้กระดานนั้นตอกเข้าไปยังหน้าต่าง
เมื่อมองมาจากที่ไกลๆ หน้าต่างอันสวยงามของบ้านหลังนี้ตอนนี้ถูกเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด ระหว่างกระจกมีแผ่นไม้สองแผ่นอยู่ตรงกลาง ราวกับว่ามันถูกปะแบบชุ่ยๆ
เสียงร้องของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นมาอีกครั้ง “รีบมาดูเร็วเข้า มีปลาตกลงมาอีกแล้ว!”
ฉินสือโอวไปยืนมองที่ประตู ปรากฏว่าที่สวนด้านนอกนั้นมีปลามากมายกำลังกระโดดไปมาอยู่บริเวณแอ่งน้ำตื้น พวกมันเป็นปลาเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ผิวน้ำอย่างพวกปลาแฮร์ริ่งหรือปลาเทราต์
จู่ๆ หัวหัวหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาจากแอ่งน้ำ มันมองไปรอบๆ ท่าทางวางก้ามใหญ่โต ปากของมันอ้ากว้างราวกับเหยี่ยว มันกัดปลาแฮร์ริ่งตัวหนึ่งจากนั้นก็เคี้ยวและกลืนลงท้องไป จากนั้นมันก็คลานเข้าไปหาปลาอีกตัวหนึ่ง
นี่จะต้องเป็นมาสเตอร์แน่ๆ วินนี่พูดถูก มาสเตอร์ปีนขึ้นมาจากสนามหญ้าไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพายุเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้มันยังเดินไปมาอย่างอิสระอีกด้วย
เชอร์ลี่ย์มองดูปลาที่ตกลงมาจากท้องฟ้าเป็นครั้งคราวด้วยความสงสัย พลางถามออกมาว่า “ทำไมปลาพวกนี้ถึงตกลงมาจากฟ้าละคะ? พวกมันมาจากสวรรค์เหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นมิเชลล์ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “มาสเตอร์กำลังกินปลาที่ตกลงมาจากสวรรค์ ทำแบบนี้มันจะได้ไปพบกับพระเจ้าใช่หรือเปล่า?”
“อ้อ พระเจ้า ปล่อยมาสเตอร์เสียเถอะ” เด็กสาวโลลิต้าพึมพำประโยคนี้ออกมา
ฉินสือโอวหัวเราะออกมา “ไม่ต้องกังวลไป นี่ไม่ใช่ปลาที่ตกลงมาจากสวรรค์ พวกนี้เป็นปลาจากทะเล พวกมันถูกพายุทอร์นาโดพัดลอยมาจากฟ้า ตอนนี้พวกมันเลยตกลงมาเหมือนกับฝน เรื่องพวกนี้พวกเธอน่าจะได้เรียนในอนาคต มันเรียกว่าฝนปลา”
ฝนปลาเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นบริเวณประเทศเพื่อนบ้านของสหรัฐอเมริกาอย่างประเทศอังกฤษ อิตาลีและแคนาดาได้ โดยเฉพาะอิตาลี ที่สามารถพบเจอเรื่องเหตุการณ์นี้ได้บ่อยครั้ง หนังสือพิมพ์หลายสำนักไม่มีการลงข่าวที่น่าเบื่อพวกนี้อีกแล้ว
นอกจากนี้ ที่ประเทศแถบลาตินอเมริกาก็สามารถพบเจอเหตุการณ์พวกนี้ได้บ่อยเช่นกัน นับตั้งแต่ปี 1998 ที่เกิดปรากฏการณ์ฝนปลาครั้งแรก เมืองโยโรในประเทศฮอนดูรัสก็เกิดปรากฏการณ์ ‘ฝนปลา’ ขึ้นทุกปี แม้ว่าบางครั้งจะไม่มีปรากฏการณ์ฝนปลา พวกเขาก็มักจะจ้างเครื่องบินและบอลลูนเพื่อปล่อยปลาลงมาจากท้องฟ้า
“ทำไมกันล่ะ?” เด็กๆ ต่างพากันถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
ฉินสือโอวไม่ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์พวกนี้มากนัก ยังดีที่เออร์บักอยู่ด้วย ชายแก่ผู้ติดตามคุณชายฉินหงเต๋อที่ออกทะเลมาครึ่งชีวิต ทำให้เขามีความรู้ทางทฤษฎีและประสบการณ์ตรงในหลายๆ เรื่อง เขาอธิบายเรื่องนี้ราวกับกำลังพูดคุยเล่นอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“พวกเธอต้องรู้ก่อนนะ เด็กๆ พายุทอร์นาโดนั้นถือว่าเป็นกระแสน้ำวนชนิดหนึ่ง อากาศที่อยู่ด้านในหมุนไปมาด้วยความเร็วสูง ใจกลางทอร์นาโดลูกนั้นมีแรงกดดันค่อนข้างน้อย เพราะเหตุนี้ทำให้แรงดันที่อยู่ใจกลางพายุลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเจอเข้ากับน้ำทะเลที่มีแรงดันสูง ทำให้การไหลเวียนของน้ำวนไปมาจนเกิดเป็นกระแสน้ำวน และจากนั้นก็จะเกิดขึ้นเป็นน้ำที่วนขึ้นมาบนอากาศที่ข้างในใจกลางพายุ”
“ปลาและกุ้งตัวเล็กๆ ที่อยู่ในกระแสน้ำเหล่านั้น สามารถถูกสายน้ำพัดขึ้นไปด้านบนและลอยหายเข้าไปในกลุ่มเมฆได้ จากนั้นด้วยแรงลมที่พัดเข้ามา พวกมันก็จะลอยตามกลุ่มเมฆไปเรื่อยๆ เมื่อกลุ่มเมฆพวกนั้นควบแน่นจนกลายเป็นเม็ดฝน ปลาและกุ้งตัวเล็กๆ เหล่านั้นก็จะตามฝนลงมา”
ที่แคนาดาพบเจอเหตุการณ์ฝนปลาได้น้อยมาก ดังนั้นพวกเด็กๆ จึงพึ่งรู้จักเรื่องนี้ เพราะว่าปลาและน้ำนั้นลอยจากทะเลขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเมฆควบแน่นจนเกิดความเย็นพวกมันจึงกลายเป็นฝนที่ตกลงมา อากาศที่แคนาดาค่อนข้างหนาวเย็น ทำให้เมฆไม่ต้องลอยต่ำจนเกือบถึงดินก็สามารถเกิดฝนได้แล้ว
ฝนปลาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คงไม่เกิดขึ้นที่นครเซนต์จอห์นอย่างแน่นอน แต่เพราะเกาะแฟร์เวลอยู่กลางทะเล จึงสามารถพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ได้
พายุยังคงพัดต่อจนถึงช่วงกลางวัน พอตกบ่าย แรงลมก็ค่อยๆ ลดลง ฉินสือโอวกลัวว่าถ้าออกไปแล้วจะถูกลมพัดปลิวไป เขาจึงยังไม่วางใจที่จะให้เด็กๆ ออกจากบ้าน เมื่อพายุหยุดสนิทแล้วในช่วงเย็น เขาจึงเปิดประตูบ้านออก
แม้ว่าพายุและฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจะน่ากลัว แต่ว่าเมื่อพายุฝนผ่านไป ท้องฟ้าก็กลับมาสดใสอีกครั้ง
ฉินสือโอวออกมายืนอยู่ที่หน้าประตู สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ไม่มีกลิ่นน้ำทะเลอีกแล้ว ตอนนี้มีเพียงกลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่หอมหวานสดชื่น ทันใดนั้นเอง เขาก็จำสิ่งที่เออร์บักพูดกับเขาเมื่อตอนที่เขามาถึงสนามบินโทรอนโตในครั้งแรกขึ้นมาได้ อากาศที่เกาะแฟร์เวลนั้นหอมหวาน
เด็กๆ ต่างพากันกรีดร้องและวิ่งไปยังกระท่อมขายน้ำเล็กๆ ของพวกเขา หู่จือและเป้าจือวิ่งออกไปกลิ้งเล่นบนสนามหญ้าที่เต็มไปด้วยดินโคลนจากนั้นก็เริ่มวิ่งไล่กัน
ฉงต้าสะบัดขนหนึ่งที จากนั้นก็ออกตัววิ่งไปด้านนอกพลางร้องออกมา ท่าทางของมันดูเหมือนกำลังระบายความอึดอัด
เสี่ยวหลัวปอเดินก้าวออกมาจากบ้านด้วยท่าทีสง่างามราวกับแมว วินนี่มักจะฝึกให้มันมีความเป็นกุลสตรีอยู่เสมอ ฉินสือโอวรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก คุณว่าหมาป่ามันจำเป็นต้องเดินเหมือนแมวเหรอ? เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันเป็นหมาป่าเพศเมียที่แข็งแกร่งและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แล้วจะให้แสร้งทำแบบนั้นไปทำบ้าอะไร?
ดูเหมือนว่าหู่จือจะมองไม่ออก เสี่ยวหลัวปอมองหาพื้นที่สะอาดๆ บนสนามหญ้าที่จะสามารถย่ำลงไปได้ด้วยท่าทีลังเล จู่ๆ เงาดำเงาหนึ่งพุ่งก็ขึ้นมา เสี่ยวหลัวปอร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ มันกระโดดถอยหลังหางจุกตูด
ผลปรากฏว่า ตอนนี้ทั่วทั้งสนามหญ้าที่เต็มไปด้วยกับดัก ทำให้เสี่ยวหลัวปอเหยียบลงไปยังพื้นหญ้าที่ลื่นอย่างไม่ระวังจนล้มลง เสียงน้ำกระเด็นแสดงให้เห็นว่ามันตกลงไปในแอ่งน้ำทั้งตัว
หู่จือนอนลงกับพื้น มันยิ้มเหยาะเย้ยออกมาพลางมองไปที่เสี่ยวหลัวปอ ในที่สุดเธอก็หมดท่า
เสี่ยวหลัวปอโกรธมาก มันลุกขึ้นด้วยท่าทีขึงขัง จากนั้นก็ร้องขู่เสียงดังใส่หู่จือ
หู่จือโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วสะบัดขนของตนเองไปมา น่าเสียดายที่มันไม่มีขนสีทองแล้ว ไม่เช่นนั้นน้ำโคลนที่ติดอยู่ที่ขนของมันจะต้องกระเด็นใส่หน้าเสี่ยวหลัวปอแน่นอน แต่ว่าผิวหนังของสุนัขนั้นตอนนี้จะมีหญ้าติดตามตัวได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นเมื่อมันสะบัดขนของมันเศษใบไม้ใบหญ้าจึงไปติดตามตัวของเสี่ยวหลัวปอ
เสี่ยวหลัวปอเบิกตากว้าง มันลังเลอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจรักษาภาพลักษณ์อันเป็นกุลสตรีของตัวเองไว้ มันเดินจากหู่จือออกมาทั้งที่ยังโกรธอยู่ ไม่อยากจะเห็นหน้าพวกหยาบคายไร้การสั่งสอนอย่างหู่จืออีกแล้ว
เป้าจือที่ตามหู่จือมาโดยตลอด เมื่อเห็นว่าหู่จือออกตัววิ่ง มันก็วิ่งตามหลังหู่จือไป ปรากฏว่าหู่จือที่มีไหวพริบในการหลบหนีอย่างดีนั้น ทำให้เป้าจือไม่สามารถหยุดขาตัวเองได้ทัน มันจึงกลิ้งไถลลื่นไปตามพื้นหญ้าราวกับลูกบอล มันกลิ้งไปชนเข้ากับเสี่ยวหลัวปอผู้โชคร้ายอย่างจังจนทำให้มันรู้สึกขายหน้า!
ร่างของเสี่ยวหลัวปอสั่นเทาไปด้วยความโกรธ ฉินสือโอวมองดูพวกมันอยู่ข้างๆ ผิวของหมาป่าสีขาวน้อยตัวนั้นกำลังสั่นไหว ดวงตาเต็มไปด้วยประกายไฟ ดวงตากลมโตคู่นั้นกำลังจ้องไปยังศัตรูอย่างเป้าจืออย่างดุร้าย
แต่เป้าจือไม่ได้สังเกตเห็น ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ของมัน เท้าของมันจึงเหยียบเข้าที่หัวของเสี่ยวหลัวปอที่กำลังลุกขึ้นมา และวิ่งไปหาหู่จืออย่างรวดเร็ว
คุณหนูบ้าบออะไรล่ะ เสี่ยวหลัวปอวิ่งพุ่งเข้าไปหาหู่จือเป้าจือที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ฉินสือโอวมองเหตุการณ์ด้วยความสนใจ แต่จู่ๆ อินเตอร์คอมของเขาก็ดังขึ้น น้ำเสียงว้าวุ่นของแลนซ์ดังออกมา “บอส รีบมาที่ชายหาดเร็วเข้า! พระเจ้า หมดกัน!”
ฉินสือโอวออกตัววิ่งไปยังชายหาดที่ปกคลุมไปด้วยหมอกทันที เมื่อมองจากที่ไกลๆ เขาเห็นสิ่งของจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีสีสันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสีขาวเขียวหรือแดงลอยอยู่ทั่วริมชายหาด บนหาดทรายก็มีของพวกนี้อยู่เยอะเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสิ่งเหล่านั้นอีกจำนวนมากที่พึ่งถูกพัดขึ้นมาบนชายหาด
เมื่อวิ่งเข้ามาใกล้ ฉินสือโอวก็มองไปยังทะเลด้วยสายตาตกตะลึง พระเจ้า พวกนี้เป็นขยะพลาสติกทั้งนั้น โดยเฉพาะขวดพลาสติก พวกมันเยอะเกินไปแล้ว!
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset